ตอนที่ 112 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (35)
ชายหนุ่มเอามือป้องหน้าล้มลงกองกับพื้น พอจะระเบิดโทสะ ใบหน้าอีกข้างก็ถูกซัดเข้าไปอีกครั้ง
“ปันรั่ว เจ้าเป็นบ้าอะไรกันแน่?” ชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ตันหวายยิ้มหยัน “ทำอะไร? ก็ซัดเจ้าน่ะสิ!”
พูดจบก็ไม่รอให้ชายหนุ่มตอบโต้ เหวี่ยงกำปั้นอัดเข้าใส่ท้องของเขาอีกหมัด
ตันหวายเคยเข้าชมรมมวยสานต่าในมหาวิทยาลัย ทั้งยังจับพลัดจับผลูได้เป็นหัวหน้าชมรม เดิมทีไม่เคยเต็มใจรับหน้าที่นี้ แต่ในที่สุดตอนนี้เขาก็มองเห็นประโยชน์ เพราะต้องไปชมรมเป็นประจำ ตอนนี้เขาจึงต่อยคนถนัดมืออย่างยิ่ง
ชายหนุ่มถูกต่อยจนหน้าตาเหลอหลา แม้เขาจะมีอาคมแก่กล้า แต่ยามใช้เพียงแค่วรยุทธ์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตันหวายแม้แต่น้อย
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กันมา ตันหวายก็กระหน่ำต่อยตีฝ่ายตรงข้ามอยู่ท่าเดียว ตันหวายต่อยจนเหนื่อยในที่สุด มองชายหนุ่มที่ถูกซัดลงไปนอนกับพื้นจนลุกไม่ขึ้นพลางแค่นหัวเราะ “วันหลังอย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก และอย่าได้ริอาจแตะต้องภรรยาข้า”
ชายหนุ่มเอามือกุมหน้าอย่างอึ้งตะลึง ไม่เข้าใจว่าตันหวายมีแม้กระทั่งภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่
ตันหวายเขม่นมอง ย่างเท้าเหยียบย่ำลงบนขาของชายหนุ่ม เพียงแต่ไม่ได้ใช้กำลัง
“ภรรยาข้าถูกกับดักหนูที่เจ้าวางไว้ทำร้ายจนขาบาดเจ็บ กระนั้นข้าก็มิใช่คนใจดำอำมหิต จึงยอมละเว้นไม่หักขาของเจ้า” กล่าวจบตันหวายก็ออกจากสุญญภูมิโดยไม่เหลียวหลัง
จ่าฝูงกระต่ายหิมะผู้อ่อนวัยหน้าตาเหลอหลา ปฏิกิริยาอย่างแรกก็คือนี่ยังไม่เรียกว่าใจดำอำมหิตอีกหรือ? ถ้าเช่นนั้นเขาถูกซัดจนจะลุกยังลุกไม่ขึ้นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรกัน?
อย่างที่สองก็คือ เวรกรรมแท้ๆ ภรรยาเขากลับเป็นจิ้งจอกที่ไม่มีกระทั่งสติปัญญาเชียวหรือนี่?
หลังออกมาจากสุญญภูมิ ตันหวายก็รีบปล่อยเจ้าจิ้งจอกน้อยกับเอ๋อโซ่วข้างในแขนเสื้อ
บาดแผลของเอ่อโซ่วหายสนิทอย่างรวดเร็ว อสูรเทพล้วนสามารถเยียวยาตนเองได้ และไม่ต้องให้ตันหวายช่วยรักษา ตันหวายจึงจดจ่อกับการทำแผลให้เจ้าจิ้งจอกน้อย
(ท่านเจ้าของร่าง ยินดีด้วยที่ท่านเอาชนะจ่าฝูงกระต่ายหิมะ กลายเป็นเจ้าแห่งเผ่าพันธุ์กระต่ายหิมะ ภารกิจสำเร็จ ต้องการมุ่งหน้าไปยังโลกถัดไปทันทีหรือเข้าสู่การนับเวลาถอยหลังสามวัน?)
ตันหวายพลันนิ่งงัน นี่มันภารกิจตีมอนส์เตอร์เลื่อนขั้นหรือยังไง?
“นับเวลาถอยหลังสามวัน” ตันหวายตอบอย่างเฉียบขาดชัดเจน
ระบบตกใจเล็กน้อย มันคิดว่าเมื่อที่นี่ไม่มีโหลวชิงอันแล้วเจ้าของร่างของตนคงจะเลือกจากไปทันที คิดไม่ถึงว่าเขากลับยังเลือกนับเวลาถอยหลังสามวัน
ถึงแม้จะตกใจ แต่ระบบก็ไม่ได้ซักไซ้ให้มากความ กล่าวขึ้นว่า (เข้าสู่การนับเวลาถอยหลังสามวัน)
พอรักษาแผลให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเสร็จเรียบร้อย ตันหวายก็อุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินกลับไปโดยไม่ปริปากพูดสักคำ
เอ๋อโซ่วติดตามอยู่ข้างหลังตันหวายอย่างอยู่ไม่เป็นสุข รีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าอย่าโกรธไปเลย คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
ตันหวายชะงักฝีเท้า ก้มหน้าลงมองเอ๋อโซ่วพลางกล่าว “เจ้าไม่พูดโกหกมาพักใหญ่แล้วสินะ”
เอ๋อโซ่วนิ่งอึ้งไป ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆ ตันหวายถึงเอ่ยทักเช่นนี้
ตันหวายคลี่ยิ้ม กล่าวต่อว่า “ข้าคงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”
“อะไรนะ?” เอ๋อโซ่วเบิกตาโพลง “เจ้าจะทอดทิ้งข้าหรือ?”
“เปล่า” ตันหวายใช้มืออีกข้างอุ้มเอ๋อโซ่วขึ้นมาลูบขน “ข้าจะมอบยาในแก่เจ้า ต่อไปนี้ต้าฮวงซานก็ยกให้เจ้าแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของโหลวชิงอัน เจ้าจงปกป้องมันไว้ให้ดี”
“ข้าไม่เอา!” เอ๋อโซ่วดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดของตันหวาย “ต้าฮวงซานมีเจ้าคอยปกป้องเสมอมา เจ้าอย่าโยนภาระหน้าที่ให้ข้า”
ตันหวายหัวเราะ ลูบหัวเจ้าเอ๋อโซ่วแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “จงเชื่อฟัง”
สามวันต่อมา
เอ๋อโซ่วแปลงกายเป็นเด็กหนุ่มผู้สง่างามในศาลเจ้าเทพภูผาอันว่างเปล่า เมื่อเขาเห็นศพกระต่ายหิมะที่เย็นเฉียบไปแล้วบนพื้นก็พลันน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม
เด็กหนุ่มกอดเจ้าจิ้งจอกน้อยข้างกายเอาไว้แน่น ก่อนคุกเข่าลงข้างๆ กระต่ายหิมะ กล่าวพึมพำว่า “เจ้ากระต่ายแสนฉลาด ทำไมเจ้าถึง…”
“ช่างเถอะ ที่นี่ ข้าจะปกป้องแทนเจ้าเอง”
นับแต่นั้นมา ชาวบ้านในต้าฮวงซานพลันพบว่า ข้างรูปสลักหินจิ้งจอกของศาลเจ้าเทพภูผา จู่ๆ ก็มีรูปสลักหินกระต่ายโผล่ขึ้นมาอีกอันหนึ่ง…
ตอนที่ 113 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 1)
ตันหวายลุกขึ้นจากเตียงพลางมองสำรวจห้องที่ปิดทึบอับลมอย่างเฉยเมย กลิ่นชาเขียวฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ตลบอบอวลจนตันหวายรู้สึกเวียนหัว
ต่อมด้านหลังต้นคอเจ็บแปลบนิดหน่อย เจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในระยะพิเศษร่างกายเปราะบางมาก แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นยกมือขึ้นตอนนี้ยังทำได้ยากลำบากอย่างยิ่ง
ตันหวายเอามือนวดขมับ หลังได้รับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าตนกลับอยู่ในจักรวาล abo ในตำนาน อีกทั้งเจ้าของร่างเดิมยังเป็นโอเมก้าผู้อ่อนแอที่ต้องได้รับการคุ้มครองในจักรวาลนี้
แตกต่างจากนิยายออนไลน์ ที่นี่เรียกระยะติดสัดว่าระยะพิเศษ อาการก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสถึงขนาดในนิยาย โอเมก้าจะมีความต้องการพลุ่งพล่านและไม่สบายเนื้อสบายตัวเพียงสามวันแรกในช่วงระยะพิเศษ ช่วงเวลาที่เหลือจะแค่ปล่อยกลิ่นเท่านั้น
ยาคุมกำเนิดหลายเข็มวางอยู่บนหัวเตียง ตอนที่ตันหวายเห็นยาคุมกำเนิดเหล่านี้สีหน้าก็เยือกเย็นลงฉับพลัน รู้สึกเกลียดชังของแบบนี้เข้ากระดูกดำ
เจ้าของร่างเดิมเป็นโอเมก้าที่แต่งงานแล้ว เนื่องด้วยปฏิกิริยาต่อต้านยาคุมกำเนิดกับการคุ้มครองโอเมก้าผู้อ่อนแอ โรงพยาบาลจึงอนุมัติยาคุมกำเนิดให้แก่โอเมก้าที่แต่งงานแล้วไม่ได้
น่าเสียดายที่เจ้าของร่างเดิมกับอัลฟ่าของเขาเพียงแค่แต่งงานบังหน้า แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะรักใคร่เทิดทูนอัลฟ่าของตนหมดหัวใจ แต่อัลฟ่าของเจ้าของร่างเดิมกลับไม่ได้รักเขา ถึงขนาดว่าเจ้าของร่างเดิมต้องทนข้ามผ่านระยะพิเศษด้วยตนเองทุกครั้ง
เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทรมานในระยะพิเศษ เจ้าของร่างเดิมขอร้องให้เพื่อนหายาคุมกำเนิดกล่องหนึ่งมาให้กับตนโดยเฉพาะ
เจ้าของร่างเดิมตายเพราะฉีดยาคุมกำเนิดเกินขนาด เป็นที่รู้กันดีว่า ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดนั้นร้ายแรงมาก เจ้าของร่างเดิมฉีดยาคุมกำเนิดให้กับตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อยับยั้งความต้องการทางเพศในระยะพิเศษจนถึงแก่ความตาย
ตันหวายหยิบยาคุมกำเนิดเข็มหนึ่งขึ้นมาพลางหรี่ตา เพ่งมองปริมาณบนนั้นขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ถึงแม้ยาคุมกำเนิดเหล่านี้เจ้าของร่างเดิมจะได้มาจากช่องทางพิเศษ แต่ทุกเข็มล้วนมีปริมาณตามมาตรฐาน เจ้าของร่างเดิมยิ่งเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยการแพทย์ ไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้
เหลือบเห็นเข็มฉีดยาที่ว่างเปล่าบนพื้น ตันหวายลองนับดู ก่อนจะตกใจเมื่อพบว่าปริมาณยาเหล่านี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้คนตาย
ดูท่าแล้วเจ้าของร่างเดิมคงจะตายอย่างมีเงื่อนงำ ตันหวายยิ้มเย็น
เสียงรองเท้าหนังเหยียบย่างลงบนพื้นไม้ดังแว่วมาจากข้างนอก ตันหวายสีหน้าหวาดผวา หยิบยาคุมกำเนิดที่ยังไม่เคยใช้เข็มหนึ่งซ่อนเอาไว้ใต้แขนเสื้อของตนอย่างเงียบเชียบ
ประตูถูกใครบางคนผลักเปิดจากด้านนอก ชายหนุ่มร่างสูงชะลูดที่สวมแว่นตากรอบโลหะปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มจัดแต่งผมเผ้าอย่างพิถีพิถัน ชุดสูทสีดำไม่มีรอยยับย่นแม้แต่น้อย ดูท่าทางเหมือนพวกผู้ดีมีตระกูล
“ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง?” น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ยินดียินร้าย แฝงไว้ด้วยความเย็นชาห่างเหินอันชวนให้ใจสะท้าน
ชายหนุ่มคืออัลฟ่าเพียงในนามของเจ้าของร่างเดิม ชื่อว่าเจี่ยงหลี เป็นผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจธนาคาร
ตันหวายพินิจพิจารณาเจี่ยงหลีครู่หนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย กล่าวน้ำเสียงอ่อนแรง “ไม่เป็นไร หายรู้สึกไม่สบายตัวแล้ว”
เจี่ยงหลีพยักหน้า ดูเหมือนจะไม่ชอบกลิ่นชาเขียวอันเข้มข้นภายในห้องอย่างแรง ก้าวเท้าถอยหลังพลางกล่าว “ผมจะรอคุณข้างล่าง”
“ครับ!” ตันหวายตอบรับทันควัน
ประตูห้องนอนปิดลง ตันหวายย่างฝีเท้าอันอ่อนแรงก้าวลงจากเตียงเดินไปยังริมหน้าต่าง มองดูรถยนต์ข้างล่างผ่านม่านหน้าต่างที่ปิดทึบ แววตามืดหม่นคลุมเครือ
เจ้าของร่างเดิมชื่อฮั่วหมิงเยว่ เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาอายุรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์มณฑล ฮั่วหมิงเยว่ฐานะทางบ้านดีมาก พ่อแม่ล้วนเป็นปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เติบโตขึ้นท่ามกลางความรักความอบอุ่นของพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก
สมัยเรียนปีสาม ขณะที่ฮั่วหมิงเยว่ไปชมรมก็ได้พบกับเจี่ยงหลีซึ่งโตกว่าเขารุ่นหนึ่ง กลายเป็นรักแรกพบและเริ่มตามจีบเจี่ยงหลีนับแต่นั้นมา น่าเสียดายที่เจี่ยงหลีมีคนที่ชอบพอจึงไม่เคยรับรักเจ้าของร่างเดิม ภายหลังคนที่เจี่ยงหลี่ชอบพอบินไปต่างประเทศ เจี่ยงหลีหมดอาลัยตายอยาก ก็เลยแต่งงานกับเจ้าของร่างเดิมเสีย
เจ้าของร่างเดิมรู้ดีแก่ใจว่าเจี่ยงหลีไม่ชอบตนเอง ทว่ายังคงตอบตกลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจี่ยงหลีไม่เพียงไม่แตะต้องเขา แต่ยังนอกใจทั้งที่พวกเขาแต่งงานกันไม่ถึงหนึ่งปี
ชู้รักก็คือคนที่เจี่ยงหลีชอบพอคนนั้น เขากลับมาแล้ว