ตอนที่ 116 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 4)
ภายในห้องพักครูคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐ ตันหวายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพลางเหม่อมองเอกสารภาษาอังกฤษในมืออย่างมึนตึ้บ
ตันหวายภาษาอังกฤษพอใช้ได้ เมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่ต่างประเทศประมาณหนึ่งปีกว่า แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น เขาก็ยังอ่านรายงานการแพทย์เฉพาะทางฉบับนี้ไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ห้องพักครูยังมีอาจารย์อีกหลายท่านกำลังทำงานอยู่ในความสงบ ตันหวายลุกขึ้นยืนเงียบๆ พยายามเดินออกจากห้องพักครูอย่างแผ่วเบาที่สุด
ตันหวายเดินมาจนถึงห้องน้ำสำหรับโอเมก้าโดยเฉพาะ พอมาถึงหน้าประตูก็เจอเข้ากับโอเมก้าผู้หญิงคนหนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเป็นโอเมก้าเหมือนกัน แต่เขาก็ยังทำใจยอมรับสภาพที่ต้องเห็นผู้หญิงเต็มห้องน้ำไม่ได้
เนื่องด้วยสิทธิคุ้มครองโอเมก้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้อจำกัดหลายอย่างของโอเมก้าก็ได้รับการผ่อนปรนแล้ว ดังนั้นจึงมักเห็นโอเมก้าแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในทุกสายงาน
ตันหวายรีบมองหาห้องที่ไม่มีคนแล้วปิดประตูล็อกทันที กล่าวเสียงแผ่วเบาด้วยสีหน้าคับแค้นใจ “เจ้าของร่างเดิมเป็นนักวิชาการด้านการแพทย์ คนวาดภาพอย่างผมจะไปรู้เรื่องอะไร คุณจะให้ผมสอนหนังสืออย่างไรกัน?”
ถูกต้อง เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองชั่วโมง ตันหวายจะต้องพาร่างของเจ้าของร่างเดิมไปบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อการรักษาโรคหายากต่างๆ ทั่วโลกให้แก่บรรดาเด็กนักเรียนของเขา แต่เขาไม่มีความรู้อะไรเลย!
(เอ๊ะ? ท่านไม่รู้หรอกหรือ?) ระบบงุนงง
ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ!!!
ตันหวายหมดคำพูด กดเสียงต่ำขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ผมควรจะรู้อะไร?”
(ศูนย์บัญชาการได้พิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นในขณะที่ท่านบรรยาย ย่อมจะมีจิตสำนึกของเจ้าของร่างเดิมคอยช่วยเหลือ)
“?”
อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?
ตันหวายเบาใจลง แต่ยังคงกลอกตาใส่ระบบ ถึงแม้ระบบจะมองไม่เห็นก็ตามที แล้วไม่บอกกันแต่แรก เล่นเอาซะเขากลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ตั้งนาน
ตอนที่ตันหวายเตรียมตัวจะออกไปปลายจมูกก็พลันขยับ รู้สึกได้ถึงกลิ่นชาเขียวอ่อนๆ โดดเด่นเป็นอย่างยิ่งในห้องน้ำสาธารณะ
ตันหวายสบถพึมพำประโยคหนึ่ง ก่อนล้วงหยิบยากักเก็บกลิ่นในกระเป๋าเสื้อออกมาฉีดให้ตนเองด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ยากักเก็บกลิ่นชนิดนี้หมดฤทธิ์อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทุกที ทำเอาตันหวายรับมือไม่ทันทุกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หมดฤทธิ์ตอนเขามาทำงาน ต่อไปไม่รู้ว่าจะมีเหตุสุดวิสัยอะไรรอเขาอยู่อีก
ยาคุมกำเนิดก็มีเช่นกัน เพียงแต่ตันหวายไม่อยากใช้ เพราะการตายของเจ้าของร่างเดิม ตันหวายจึงอยากถอยห่างให้ไกลจากของพรรค์นี้เสียเต็มประดา ไม่มีทางยอมฉีดเข้าไปอีกเด็ดขาด
ตันหวายออกจากห้องน้ำมาล้างมือตรงมุมอ่างล้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหล้าอันอ่อนจาง
อะไรกันเนี่ย มีคนดื่มเหล้าในห้องน้ำมหาวิทยาลัยด้วย?
ตันหวายขมวดคิ้ว เหลือบมองห้องน้ำด้านในแวบหนึ่งแล้วจึงเดินออกไป
ผ่านไปเนิ่นนาน ประตูห้องน้ำด้านในสุดจึงค่อยถูกเปิดออก เด็กหนุ่มผิวขาวเกลี้ยงเกลาที่ใบหน้าแดงระเรื่อเดินออกมาจากข้างใน หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ราวกับกลิ่นชาเขียวหอมหวานชวนหลงใหลนั้นยังวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก
เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ไฝเล็กบนเปลือกตาขยับตามการเคลื่อนไหวของเขา
เหลือเวลาก่อนเริ่มคาบเรียนอีกไม่ถึงสิบนาที ตันหวายยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะอุ้มปึกเอกสารการสอนบนโต๊ะไว้ในอ้อมแขนเตรียมจะออกจากห้องพักครู
เพิ่งจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ประตูห้องพักครูก็ถูกเคาะดังขึ้น เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตูตามหลังเสียงเอ่ยอนุญาต
เด็กหนุ่มเดินตรงเข้ามาส่งเอกสารชุดหนึ่งบนโต๊ะด้านข้างตันหวาย
“นี่เป็นรายงานกิจกรรมสัปดาห์ที่แล้วของคณะธรณีวิทยากับคณะแพทย์ครับ”
สัปดาห์ที่แล้วคณะธรณีวิทยากับคณะแพทย์ทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมกัน หลังจากเสร็จงานตัวแทนนักเรียนทั้งสองคณะจะต้องเขียนรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมครั้งนี้ส่งคนละฉบับ
ตันหวายเดินมาถึงหน้าประตูแล้วจึงได้ยินเพียงแค่ประโยคแรก ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก คิดแต่เพียงว่าน้ำเสียงของนักเรียนคนนี้น่าฟังมากทีเดียว
ตันหวายปิดประตูลง ไม่ทันมองเห็นว่าตอนเขาเดินออกมา ดวงตาเด็กหนุ่มคนนั้นวูบไหวเล็กน้อย พลางจ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง
คาบเรียนยาวร่วมสองชั่วโมงดำเนินไปอย่างสบายๆ ตันหวายผ่อนคลายตัวเองตลอดทั้งคาบ ไม่รู้เหมือนกันว่าตนพ่นคำศัพท์ที่แม้กระทั่งตัวเองยังฟังไม่เข้าใจออกจากปากมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร
ระบบเยาะเย้ยความโง่เง่าของเขา ตันหวายขี้เกียจจะสนใจ คนเราเก่งกันคนละด้าน ตันหวายไม่รู้สึกโกรธเคืองเพราะตนไม่รู้เรื่องวิชาแพทย์แต่อย่างใด
ตอนที่ 117 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 5)
พอลงมาจากอาคารเรียนก็เป็นเวลาเที่ยงวันเข้าไปแล้ว ท้องไส้ส่งเสียงประท้วงไม่หยุดหย่อน เรียกร้องให้ตันหวายพามันไปกินอะไรสักหน่อย
ตันหวายทอดถอนหายใจ กลับห้องพักครูมาเอาบัตรพนักงานแล้วตรงดิ่งไปยังโรงอาหารอาจารย์ทันที
มหาวิทยาลัยรัฐแห่งนี้แบ่งเป็นโรงอาหารนักศึกษาและโรงอาหารอาจารย์ หากจะไปโรงอาหารอาจารย์จำเป็นต้องใช้บัตรพนักงาน มิเช่นนั้นก็เข้าไปไม่ได้ แน่นอนว่าโรงอาหารอาจารย์ไม่น่ารับประทานยิ่งกว่าโรงอาหารนักศึกษาหลายขุม ฉะนั้นอาจารย์ส่วนใหญ่จึงไปรับประทานที่โรงอาหารนักศึกษากันหมด
เพียงแต่ว่าตอนนี้ตันหวายอยู่ในระยะพิเศษ ไม่ควรจะไปสถานที่พลุกพล่านจริงๆ จึงจำต้องล้มเลิกความตั้งใจแล้วไปโรงอาหารอาจารย์แทน
ตันหวายซื้อซุปปลากับอาหารจานหลักให้ตนเอง มองหาที่ว่างสักแห่งหย่อนตัวลงนั่ง ตั้งใจจะกินให้เรียบวุธแล้วค่อยกลับไป
เพิ่งจะซดซุบปลาได้คำเดียว เด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวในห้องพักครูเมื่อตอนเช้าก็เดินเข้ามา ข้างหลังยังมีชายค่อนข้างสูงวัยเดินตามมาอีกคนหนึ่ง เป็นศาสตราจารย์อาวุโสผู้เป็นที่เคารพนับถือของคณะธรณีวิทยา
เด็กหนุ่มสังเกตเห็นสายตาของตันหวายจ้องมองมาก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ แต่กลับถูกศาสตราจารย์ชราผู้เงียบขรึมดึงตัวไปเสียก่อน
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไกลกันมาก ตันหวายแค่พอเห็นหน้าค่าตาของเด็กหนุ่ม
หน้าตาดีทีเดียว ตันหวายคิดพลางดื่มซุปปลาลงท้องอีกคำใหญ่
ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิมมีเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ เด็กหนุ่มชื่อว่ากงฉือ นักเรียนดีเด่นประจำคณะธรณีวิทยา เคยเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเข้าร่วมการแข่งขันมากมาย ล้วนแต่ทำผลงานได้ไม่ธรรมดา ทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักเขา
ซดน้ำซุปจนเห็นก้นถ้วยอย่างเงียบๆ ฉับพลันนั้นเงามืดขนาดมหึมาก็ปกคลุมเหนือศีรษะของตันหวาย
ตันหวายกะพริบตาปริบพลางเงยหน้า พบว่ากงฉือกำลังยืนอมยิ้มมองเขาอยู่ตรงหน้าเขาพอดี
“คุณ…” ตันหวายลังเลเล็กน้อย จู่ๆ หัวใจก็เริ่มเต้นระส่ำอย่างควบคุมไม่อยู่
กงฉือวางถ้วยน้ำชาร้อนกรุ่นลงบนโต๊ะ ยิ้มกล่าว “บังเอิญจังครับอาจารย์ฮั่ว พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
ตันหวายตะลึงไปชั่วครู่ กล่าวอย่างเคอะเขินว่า “สวัสดี นักเรียนกง”
กงฉือระบายยิ้มกว้าง พยายามจะชวนคุยตีสนิท “อาจารย์ฮั่วมาทานข้าวคนเดียวหรือครับ?”
ตันหวายวางตะเกียบลง คลี่ยิ้มให้อย่างกระอักกระอ่วนใจ “พอดีผมมีธุระคุณค่อยๆ กิน…”
ตันหวายชะงักกึก เพราะตอนที่กงฉือกะพริบตาใส่ตนเผยให้เห็นไฝเล็กๆ บนเปลือกตาของเขา
กงฉือเห็นตันหวายนิ่งชะงักรอยยิ้มก็หยักลึกยิ่งกว่าเดิม ก่อนผุดลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า ประชิดเข้าใกล้ตันหวายพลางเอ่ยขึ้นช้าๆ “อาจารย์เป็นอะไรไปครับ?”
ตันหวายจ้องเด็กหนุ่มเขม็งโดยไม่พูดไม่จา หัวใจเต้นรัวแรงมากขึ้นทุกที ราวกับจะกระเด้งหลุดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“กงฉือ?” ศาสตราจารย์ชราหันมองมาทางนี้ เอ่ยถามด้วยความฉงนว่า “แกทำอะไรอยู่น่ะ?”
กงฉือพลันชะงักงัน รีบหันหลังไปกล่าวขอโทษทันใด “ขอโทษครับอาจารย์ พอดีผมเห็นอาจารย์ฮั่ว ก็เลยเข้ามาทักทายน่ะครับ”
ศาสตราจารย์ชราดันแว่นสายตาบนสันจมูก ก่อนจะผงกศีรษะให้กับตันหวาย
ตันหวายตื่นเต้นลนลาน รีบผุดลุกขึ้นเดินเข้าไปทักทายศาสตราจารย์ทันที ศาสตราจารย์เป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนนับหน้าถือตา ได้รับการเคารพยกย่องจากทั้งมหาวิทยาลัยมาโดยตลอด ตอนแรกตันหวายไม่เข้ามาเพราะกลัวว่าจะรบกวนศาสตราจารย์ขณะรับประทานอาหาร ตอนนี้ศาสตราจารย์เอ่ยทักทายเขาก่อนแล้ว หากเขาไม่เข้าไปอีกคงจะเป็นการเสียมารยาท
หลังจากกล่าวทักทายศาสตราจารย์เสร็จเรียบร้อย ตันหวายก็เหลือบมองกงฉือแวบหนึ่ง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดคุย จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
กงฉือคลี่รอยยิ้มกว้าง จ้องมองตันหวายอย่างมีเลศนัย ตันหวายถูกเขามองจนหน้าร้อนผ่าว หลังจากกล่าวลาศาสตราจารย์ก็ขอตัวออกมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อตันหวายจากไปแล้ว โรงอาหารอันใหญ่โตก็เหลือคนอยู่เพียงไม่กี่คน ศาสตราจารย์รับประทานอาหารไปพลางพูดคุยเรื่องงานวิจัยในช่วงนี้กับกงฉือไปพลาง สุดท้ายก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “แกรู้จักกับอาจารย์ฮั่วคณะแพทย์ด้วยหรือ?”
ตันหวายก้มหน้าลงตอบรับคำหนึ่ง หรี่ตายิ้มกล่าว “น่าจะรู้จักมานานแล้วครับ”
ศาสตราจารย์ชราขมวดคิ้ว คิดในใจว่ารู้จักก็คือรู้จัก ทำไมต้องน่าจะด้วยล่ะ แต่ว่าศาสตราจารย์อายุมากแล้ว จึงไม่ได้ซักถามอะไรอีก