(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 51: สนทนากับพระพันปี

 

“ฝ ฝ่าบาทพระพันปี ทรงเกษมสำราญ……”

 

“แหม ไม่ต้องพูดจาให้มันมากพิธีแบบนั้นก็ได้จ้ะ เธอคือ ‘สนมฟ้าสุริยา’ ซึ่งใกล้เคียงกับชายาเอกที่สุดนี่นา สำหรับฉันแล้วก็เหมือนเป็นลูกสาวนั่นแหละ”

 

เฮเลนารีบกลับมายังห้องและนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับพระพันปีลูเครเซีย ก่อนจะก้มศีรษะคำนับ

ทว่าฝ่ายลูเครเซียกลับมองเฮเลนาพลางยิ้ม ‘ฮุฮุ’ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ถือสามากนักที่ถูกเฮเลนาทำให้ต้องรอคอย

แต่เมื่อมานั่งประจันหน้ากันแบบนี้แล้ว ในใจของเฮเลนาก็มีแต่ความสงสัยหมุนวนอยู่เต็มไปหมด

 

ทำไมพระพันปีซึ่งเป็นตัวตนที่สูงส่งเกินเอื้อมถึงได้มาที่ห้องของเฮเลนากัน

 

“อ เอ่อ……คือว่า ขออภัยที่ทำให้รอนะคะ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ทางนี้เองก็ส่งคำนัดหมายล่วงหน้ามาช้าเกินไปด้วยแหละ ที่สำคัญกว่านั้นถ้าเลิกเกร็งขนาดนั้นจะช่วยได้มากเลยนะ”

 

“ค ค่ะ……”

 

บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือตัวตนที่เผลอ ๆ อาจจะมีอิทธิพลมากกว่าจักรพรรดิด้วยซ้ำ แม้จักรพรรดิองค์ก่อนจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่ลูเครเซียผู้เป็นมารดาของแผ่นดินยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี

กล่าวไปแล้ว เธออาจเป็นตัวตนเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถออกปากออกคำในเรื่องการเมืองการปกครองได้แม้ว่าจะเป็นสตรี

มาสั่งให้อย่าเกร็งเนี่ย ใครมันจะไปทำได้กัน

 

“ได้ยินมาจากฟาร์มาสแล้วไม่ใช่รึ?”

 

“ค ค่ะ……เรื่องอะไรหรือคะ?”

 

“อ้าว เด็กคนนั้นไม่ได้บอกหรือเนี่ย? ไม่รู้หรือว่าสัปดาห์หน้าจะมีการจัดพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีน่ะ?”

 

“ถ ถ้าเรื่องนั้นก็ทราบอยู่ค่ะ”

 

จะว่าไปแล้วเขาก็พูดแบบนั้นอยู่

ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะบอกไว้ว่าต้องพาคนที่เสมือนเป็นชายาเอกไปออกงานด้วย ดังนั้นจึงขอร้องให้เฮเลนาไปเข้าร่วมพิธี

แล้วก็บอกว่าเพื่อการนั้น เฮเลนาก็จะต้องเรียนวิธีการวางตัวในฐานะชายาเอก—

 

“มารยาทการวางตัวในฐานะชายาเอกกับการวางตัวในฐานะบุตรีขุนนางนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นจึงจะส่งครูฝึกสอนมารยาทมาให้ เขาไม่ได้บอกแบบนี้หรือ?”

 

“ค ค่ะ ได้กล่าวไว้ค่ะ”

 

“นั่นก็คือฉันไงล่ะ”

 

“……หา?”

 

ก็จริงที่เธอได้ถูกบอกว่าจะส่งครูสอนมารยาทมาให้

แล้วก็ถูกบอกว่ามารยาทการวางตัวในฐานะชายาเอกมันต่างจากขุนนางด้วย

แต่ว่า

 

ไม่เห็นเคยได้ยินสักนิดเลยอ่ะ ว่าคนที่มาจะเป็นพระพันปี

 

“ดูเหมือนฟาร์มาสตั้งใจจะส่งครูคนอื่นมาให้นั่นแหละ แต่ฉันบอกว่าจะมาเองน่ะ นี่มันเป็นการเรียนมารยาทในฐานะชายาเอกนี่นา? คิดว่าจะมีใครเหมาะสมไปกว่าชายาเอกของจักรพรรดิองค์ก่อนอย่างฉันรึ?”

 

“น นั่นมันก็จริงนะคะ……แต่ว่าฝ่าบาทพระพันปีเองก็งานยุ่งไม่ใช่หรือคะ?”

 

“พระพันปีเนี่ยไม่มีงานอะไรหรอกจ้ะ ทุกวันก็แค่ตื่นเช้ามา ใช้เวลาเรื่อยเปื่อย แล้วกลางคืนก็นอนหลับไปเท่านั้นเอง ที่มานี่ก็เป็นการแก้เบื่อไปด้วยในตัวไงล่ะ”

 

“ง งั้นหรือคะ……”

 

ก็จริงอยู่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สนทนากับบุคคลในตำแหน่งพระพันปี จึงไม่รู้ว่าเนื้อหางานของตำแหน่งนั้นมันคืออะไร เคยนึกว่าคงจะมีงานด้านบริหารอะไรหลาย ๆ อย่างเสียอีก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแฮะ

เมื่อเห็นเฮเลนาที่กำลังเกร็งไปหมดเช่นนั้น ลูเครเซียก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“จะว่าไป เมื่อครู่ทำอะไรอยู่ในสวนระหว่างอาคารหรือจ๊ะ?”

 

“ค ค่ะ……! เอ่อ มีบุตรีขุนนางหลายคนบอกว่าอยากฝึกฝนร่างกาย……อาจจะเป็นการล่วงเกินไปหน่อย แต่ข้าที่เคยสังกัดในกองทัพมาก่อนก็เลยช่วยชี้แนะให้ค่ะ”

 

“น่าสนุกดีนะ ฉันเองก็ขอเข้าร่วมด้วยได้ไหมเนี่ย?”

 

“ล ล้อเล่นแล้วค่ะ ฝ่าบาทพระพันปี”

 

“นี่ไม่ได้ตั้งใจจะล้อเล่นนะ ฉันเองก็มีอายุพอสมควรแล้ว รู้สึกว่าออกกำลังกายไม่พออยู่เหมือนกันจ้ะ”

 

ไม่ตลกเลยนะเฮ้ย แม้จะอยากพูดแบบนั้นแต่เฮเลนาก็ไม่มีทางพูดได้

หากพระพันปีมาเข้าร่วม ฟรองซัวส์กับคลาริสซาคงจะเกร็งจนแข็งทื่อแหง อันที่จริงเฮเลนาก็คงแข็งทื่อไปด้วย

เพราะขืนลูเครเซียได้บาดแผลแม้แต่นิดเดียว เฮเลนาจะหัวขาดก็ไม่น่าแปลกใจเลย

 

“จริงสิ จะว่าไปแล้วยังไม่ได้ถามชื่อเลยสินะ ถ้าจำไม่ผิดเธอเป็นลูกสาวของแอนตันใช่ไหม?”

 

“ค ค่ะ! ลูกสาวของแอนตัน เรลโนต ชื่อว่าเฮเลนา เรลโนตค่ะ!”

 

“หนูเฮเลนาสินะ ฉันลูเครเซีย ไฮน์ริช อัลแบร์ตินา กันเกรฟจ้ะ ไม่ต้องเรียกว่าฝ่าบาทก็ได้ เรียกว่าลูเครเซียเถอะ หรือจะเรียกว่าลุคก็ได้นะ”

 

“เช่นนั้นก็ ท่านลูเครเซีย……ค่ะ”

 

“ลุคก็ได้นะ”

 

“……ขออภัยด้วยค่ะ จะให้เรียกฝ่าบาทพระพันปีแบบนั้นมันออกจะ……”

 

ลูเครเซียทำปากบึนอย่างเสียดาย

ถึงจะดูเป็นคนที่ไม่พิธีรีตองมากกว่าที่คิดแต่เฮเลนาก็จะประมาทก็ไม่ได้ แม้จะมีนิสัยอ่อนโยนขนาดไหนแต่อำนาจอิทธิพลที่เธอมีนั้นเป็นของจริง

แค่เฮเลนาพูดจาเสียมารยาทครั้งเดียว แอนตันก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้เลย

 

“เอาเถอะ อ่า……อิซาเบล”

 

“เพคะ ฝ่าบาท”

 

“พิธีไว้อาลัยมันเมื่อไหร่นะ?”

 

“พิธีมีกำหนดว่าจะเริ่มขึ้นในเวลาเที่ยงตรงของวันทุติยเพ็ญวันที่สิบหก อีกเจ็ดวันหลังจากนี้เพคะ”

 

“ขอบใจนะ”

 

ลูเครเซียกล่าวขอบคุณอิซาเบล และหันมามองเฮเลนาอีกครั้ง

ทว่ามันก็ไม่ใช่สายตาที่กดดัน แต่เป็นสายตาที่ให้บรรยากาศอ่อนละมุนเช่นเคย

 

“รวมวันนี้ด้วยก็หกวันสินะ เอาเถอะ มันก็ไม่ได้มีอะไรให้สอนมากมายขนาดนั้นหรอก”

 

“เช่นนั้นหรือคะ?”

 

“ใช่จ้ะ ในงานพิธีไว้อาลัยน่ะ ชายาเอกแทบจะไม่ต้องออกหน้าอะไรเลย หากเป็นชายาเอกอย่างเป็นทางการแล้วคงพอจะมีเรื่องให้สอนได้อยู่……แต่กับคนที่ยังไม่ได้เข้าพิธีเป็นอัครมเหสีน่ะ มันมีเรื่องที่ไม่สามารถสอนได้เยอะเกินไป”

 

ลูเครเซียกล่าวพลางถอนใจ

 

“ใจจริงก็อยากจะสอนให้หลาย ๆ เรื่องนะ แต่ฟาร์มาสดันบอกว่าจะยังไม่ตบแต่งชายาน่ะสิ”

 

“ฝ่าบาทก็คงมีความคิดของฝ่าบาทอยู่นะคะ……”

 

“นั่นสินะ”

 

‘เฮ้อ’ ลูเครเซียถอนหายใจแรง ๆ อีกครั้ง

ที่อยากจะถอนหายใจน่ะมันเฮเลนาต่างหาก แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกไป ขืนถอนหายใจต่อหน้าพระพันปีจะโดนความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงก็ไม่น่าแปลกใจเลย

 

“อิซาเบล เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

 

“เพคะ……จะดีหรือเพคะ”

 

“ดีสิ ที่นี่คือวังหลัง และตรงหน้าฉันก็คือ ‘สนมฟ้าสุริยา’ ลูกสาวของแอนตัน คิดว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับฉันได้งั้นรึ?”

 

“……รับทราบแล้วเพคะ”

 

อเลกเซียไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงอิซาเบลที่คอยอยู่รับใช้ แล้วลูเครเซียก็สั่งให้เธอถอยออกไป

การพูดคุยถามตอบในทำนองนี้ ตอนที่ฟาร์มาสมาเยือนครั้งแรกเธอก็เคยได้เห็นเหมือนกัน รู้สึกคิดถึงวันเก่า ๆ ขึ้นมาชอบกล

ในตอนนั้นเธอยังคิดว่าฟาร์มาสเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่เลย

 

ลูเครเซียรอจนอิซาเบลออกไปจากห้อง

จากนั้นก็ถอนใจเบา ๆ และเปิดปากขึ้น

 

“เด็กคนนั้นน่ะ ต้องลำบากมากทีเดียว”

 

“……คะ?”

 

“การเสียชีวิตของดีลมันรวดเร็วเกินไป จนเด็กคนนั้นต้องขึ้นบัลลังก์ทั้งที่ยังไม่มีรากฐานอะไรเลย ยังดีที่ดีลทิ้งคำสั่งเสียดี ๆ ไว้ว่าให้แอนตันเป็นอัครมหาเสนาบดีไปอีกสิบปี……แต่ก็ยังมีเจ้าคนบ้าที่ใช้คำพูดซับซ้อนหลอกให้ฟาร์มาสซึ่งเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ตั้งตำแหน่งอย่างมหาอำมาตย์ขึ้นมาได้อีก เด็กคนนั้นไม่มีโชคเรื่องข้าราชบริพารเอาซะเลยล่ะ”

 

“เรื่องนั้น……”

 

ศัตรูที่ทำให้ฟาร์มาสลำบากมากที่สุดไม่ใช่ศัตรูภายนอกแต่เป็นพิษร้ายจากปัญหาภายในประเทศ

มหาอำมาตย์—มาร์ควิสอับราฮัม โนลด์ลุนด์

แม้เฮเลนาจะยังไม่เคยได้พบหน้า แต่ก็ได้ฟังมาจนเอียนว่าเขาเป็นบุคคลแบบไหน

เขาคงเป็นคนแรกที่จะถูกกวาดล้างในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้

 

“ดูเหมือนเจ้าคนบ้าอับราฮัมกับแอนตันจะยังไม่รู้ แต่ฟาร์มาสน่ะเป็นคนที่มีความตั้งใจที่แน่วแน่มาก แม้ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกมองว่าเป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาอยู่ก็ตาม แต่ฉันคิดว่าสักวันฟาร์มาสจะต้องแสดงความสามารถออกมาได้แน่”

 

“ค่ะ……นั่นสินะคะ”

 

เฮเลนาพยักหน้าให้กับคำพูดของลูเครเซีย

ฟาร์มาสที่กำลังแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ในตอนนี้จะเริ่มเคลื่อนไหวในอีกหนึ่งปีให้หลัง เมื่อกลายเป็นเช่นนั้นแล้วคงไม่มีผู้ใดสามารถดูแคลนเขาได้อีก

ทว่ามันก็น่าตกใจที่แม้แต่ลูเครเซียก็ยังไม่รู้ถึงความจริงนั้น

แบบนี้มัน—ก็คิดได้ว่าคนที่รู้เรื่องนี้นอกจากเฮเลนาแล้วก็ไม่มีใครเลยไม่ใช่หรือไงกัน

 

ทำไมถึงมีแค่เฮเลนาคนเดียวที่รู้

ทำไมถึงได้บอกเรื่องนั้นแค่กับเฮเลนากันนะ

 

“ดังนั้นฉันอยากจะให้เธอคอยอยู่สนับสนุนเคียงข้างเด็กคนนั้นนะ”

 

“……คือว่า ข้า”

 

“ได้ยินมาว่าตอนนี้คนที่ฟาร์มาสรักใคร่โปรดปรานที่สุดคือเธอใช่ไหมล่ะหนูเฮเลนา? ฉันเองก็รู้สึกวางใจเหมือนกันนะ หากมีหญิงสาวอย่างเธอคอยสนับสนุนฟาร์มาสอยู่เด็กคนนั้นก็คงไม่หลงเดินทางผิด”

 

“……ม ไม่หรอกค่ะ ข้า……อายุมากกว่าฝ่าบาทถึงสิบปี แถมยังเป็นสตรีที่ไม่รู้อื่นใดนอกจากสนามรบด้วย”

 

เมื่อได้ฟังคำยกยอที่เกินไปของลูเครเซีย เฮเลนาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

เธอไม่คิดว่าสตรีอย่างตนเองจะเหมาะสมคู่ควรกับฟาร์มาส

ทว่าเมื่อเฮเลนากล่าวเช่นนั้นลูเครเซียกลับยิ้มออกมา

 

“จะบอกอะไรดี ๆ ให้ฟังนะ”

 

“……คะ?”

 

‘ฮุฮุ’ ลูเครเซียยิ้ม

พลางเอานิ้วชี้แตะที่ปากและกระซิบว่า ‘ความลับนะ’

 

“เด็กคนนั้นน่ะ ชอบคนอายุมากกว่าล่ะ”

 

นั่นมันคือคำโกหกที่เฮเลนาได้พูดออกไปเมื่อครั้งหนึ่งในอดีต

แล้วก็ช่างน่าตกใจ ที่มันดันเป็นเรื่องจริงของฟาร์มาสซะงั้น

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset