(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 68: เช้าที่ยังเมาค้าง

 

“อืม……”

 

‘จิ๊บจิ๊บ’ ได้ยินเสียงนกร้อง แสงตะวันที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างนั้น สำหรับเฮเลนาที่ปกติจะตื่นตั้งแต่เช้ามืด มันทำให้เธอเข้าใจได้ทันทีว่าวันนี้เธอตื่นค่อนข้างสายทีเดียว

และในเวลาเดียวกันนั้น สิ่งที่จู่โจมเข้ามาก็คือความปวดหัวอย่างรุนแรงกับความรู้สึกคลื่นไส้

‘อา’ เธอพยายามดันร่างที่ขี้เกียจให้ลุกขึ้นอย่างสุดชีวิต

 

ปวดหัวตึ้บ ๆ ไม่หยุด ราวกับว่ามีระฆังมาสั่นสะท้อนอยู่ในหัว

ความคลื่นไส้อันรุนแรงเหมือนกระเพาะและลำไส้กำลังร้องประท้วง และความรู้สึกไม่สบายตัวที่กำลังเอ่อขึ้นมา

ไม่ว่าคิดยังไง ก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นนอกจากเมาค้าง

 

“อ๊า—……”

 

จำเรื่องเมื่อคืนไม่ค่อยได้

ถ้าจำไม่ผิด เธอได้ล้อมวงกินหม้อไฟกับสามคนคือฟรองซัวส์ คลาริสซา และมาริเอลนี่นา จากนั้นถ้าจำไม่ผิดพอหม้อแรกหมดไป ฟรองซัวส์ก็มุ่งไปทำใหม่ ถึงตอนนี้ยังพอจำได้อยู่ ตอนนั้นที่ล้างผักด้วยสบู่ซักผ้าก็น่าตกใจในหลายเรื่อง

แล้วในจังหวะนั้น สิ่งที่มาริเอลได้นำออกมาก็คือสุราชั้นยอดเหมือนที่มีเก็บไว้ในบ้านเรลโนต ซึ่งเฮเลนาได้ดื่มไปจนเกลี้ยงแล้วหลังจากเข้าวังหลังได้ไม่ทันไร

ไม่ว่าคิดยังไง สุรานั่นมันก็ต้องเป็นสาเหตุแน่ ๆ

ทว่า ปัญหาก็คือ

 

“……จำไม่ได้เลย”

 

ไม่มีความทรงจำหลังจากนั้นเลยสักนิด

เกรงว่าเมื่อคืนเธอคงจะได้ทานหม้อไฟนั่นแหละ เพราะตอนนี้ไม่มีความรู้สึกหิวเลย แม้จะมีอาการเมาค้างแทนแต่ก็ไม่มีความรู้สึกไม่สบายจากท้องว่างเหมือนเวลาที่นอนไปโดยที่ไม่ได้กินอะไร

แปลว่าเฮเลนาคงได้กินหม้อไฟที่ฟรองซัวส์ทำมาให้ ทว่าทำไมถึงไม่มีความทรงจำว่าได้กินมันเข้าไปเลยนะ

 

ยิ่งคิดความปวดหัวก็ยิ่งมา เฮเลนาจึงตัดสินใจละทิ้งความคิด

ยังไงก็สรุปว่า เมื่อคืนเธอคงจะดื่มมากไป จากนั้นก็เมาเละเทะจนจำอะไรไม่ได้นั่นแหละ

ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ฟาร์มาส แต่เป็นคนที่จะเจอกันในการฝึกวิชาตอนเช้า คงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรขนาดนั้น

 

ตอนนั้นเอง ‘ก๊อกก๊อก’ ประตูก็ได้ถูกเคาะ

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“……อา อรุณสวัสดิ์”

 

ที่อยู่ตรงนั้นคืออเลกเซียเหมือนเช่นเคย

หากเป็นในยามปกติ เธอต้องได้ฝึกร่างกายเบา ๆ เรียกเหงื่อกำลังดีก่อนที่จะต้องต้อนรับอเลกเซีย แต่วันนี้ดูเหมือนจะตื่นสายเกินไปค่อนข้างมากซะแล้ว

และอเลกเซียผู้นั้นก็ถืออาหารเช้าของเฮเลนามาเหมือนอย่างทุกที

 

พูดตามตรง ตอนนี้ไม่รู้สึกอยากกินเลยสักนิด

 

“ดูเหมือนเมื่อคืนจะดื่มสุราไปมากสินะคะ”

 

“……เอ่อ ก็”

 

“น่าจะเคยบอกไปหลายครั้งแล้วนะคะ ว่าได้โปรดงดเว้นสุราลงบ้างน่ะ”

 

“……เรื่องนั้น คือว่า”

 

“ผลลัพธ์จากการที่ท่านเฮเลนาเมา จำได้ไหมคะว่ากลับมาที่ห้องนี้ได้ยังไง?”

 

“………………จำไม่ได้อ่ะ”

 

ต่อหน้าวาจาของอเลกเซีย เฮเลนาได้แต่ตอบพลางทำตัวลีบ

ไม่ต้องสบตาดูก็รู้ว่าอเลกเซียกำลังโกรธอยู่

 

“เช่นนั้น ข้าจะขออธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ฟังเองค่ะ ก่อนอื่นเชิญรับประทานอาหารเช้านะคะ”

 

“เอ่อ……มื้อเช้าน่ะ”

 

“ต้นเครื่องของวังหลังเศร้าเสียใจใหญ่เลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อคืนก็ได้เตรียมอาหารเย็นให้ท่านเฮเลนาแต่ท่านกลับไม่ได้แตะต้องสักนิด ทางนั้นเลยถามว่ามันไม่ถูกปากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าเองก็ไม่สามารถบอกไปได้จริง ๆ ค่ะว่าเมื่อคืนท่านเฮเลนาทำหม้อไฟกินเอง”

 

“……”

 

“หากนำอาหารเช้านี้ไปคืนโดยไม่ได้แตะต้องอีกต้นเครื่องคงเศร้าใจเป็นแน่”

 

“……เข้าใจแล้ว ข้าจะกิน”

 

แม้เฮเลนาจะไม่เคยพบต้นเครื่องของวังหลัง แต่อย่างน้อยทางนั้นก็เป็นคนที่เตรียมอาหารให้เฮเลนาทุกมื้อ

ต่อให้มันเย็นชืดแล้วแต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าฝีมือของคนปรุงต้องดีเยี่ยมเป็นแน่ อาหารมันก็แค่โดนทำร้ายโดยระบบที่ชื่อว่าการทดสอบพิษเท่านั้นเอง ตัวอาหารเองนั้นจัดว่าอร่อยดีทีเดียว

การทำให้ต้นเครื่องผู้นั้นต้องเศร้าใจแม้จะมองไม่เห็นก็ตาม มันก็ไม่ใช่ความตั้งใจของเฮเลนา

 

เธอตักอาหารเย็นชืดเข้าปาก พลางดื่มน้ำเยอะหน่อยเพื่อพยายามดันมันลงไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ระหว่างที่กินอยู่แบบนั้นก็เกิดความรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ทว่าเธอก็อดทดฝืนกลืนมันลงไป จนในที่สุดจานอาหารเช้าก็ว่างเปล่าลง

 

“เฮ้อ……”

 

“ค่ะ เช่นนั้นข้าขอเก็บจานนะคะ ท่านเฮเลนา”

 

“อา อเลกเซีย……คือว่า ข้าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ค่อยได้น่ะ……ข้าดื่มไปขนาดไหนงั้นรึ?”

 

“จำได้ถึงตอนไหนหรือคะ?”

 

อเลกเซียถามเช่นนั้นในขณะที่เก็บจานไปด้วย

ที่เฮเลนาจำได้ ก็คือถึงตอนที่มาริเอลนำสุราออกมาเท่านั้น เธอคงจะดื่มมันหลังจากนั้นแหละ ทว่าก็ไม่มีความทรงจำในส่วนนั้นเลย

 

“ถึงตอนที่คุณหนูมาริเอลนำสุราออกมาอ่ะนะ……”

 

“ตอนแรกสุดของแรกสุดเลยสินะคะ จากนั้นพระสนมฟ้าดาราก็ได้นำสุราออกมาทั้งหมดเจ็ดขวดค่ะ และครึ่งหนึ่งนั้นโดนท่านเฮเลนาดื่มเข้าไป”

 

“……”

 

ก่อนหน้านี้วันที่เธอเมาค้าง ตอนนั้นเธอดื่มสุรานั่นหมดไปกี่ขวดกันนะ

สุราชั้นเลิศนั้นดื่มคล่องคอจนเผลอดื่มมากเกินไปอยู่เรื่อย แถมเธอยังดื่มไปตั้งครึ่งหนึ่ง ก็สมควรแล้วที่จะเมาค้างแบบนี้

 

“เช่นนั้น จำได้ไหมคะว่าท่านฟรองซัวส์ได้นั่งมองมุมห้องแล้วก็หัวเราะอยู่?”

 

“……จำไม่ได้อ่ะ”

 

“เช่นนั้น จำได้ไหมคะว่าท่านคลาริสซาได้นั่งเทศนาสั่งสอนเตียงนอนอยู่?”

 

“…………จำไม่ได้อ่ะ”

 

“เช่นนั้น จำได้ไหมคะว่าพระสนมฟ้าดาราได้กอดท่านเฮเลนาแล้วก็ถูไถแก้มไปมาพลางพูดท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงไม่หยุดอยู่?”

 

“………………จำไม่ได้อ่ะ”

 

“เช่นนั้น จำได้ไหมคะว่าท่านเฮเลนาได้ร้องไห้ว่า ‘ข้าไม่ได้อ้วนน้า’ พลางบีบขมับท่านฟรองซัวส์แล้วยกขึ้นด้วยน่ะค่ะ?”

 

“……………………จำไม่ได้อ่ะ”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของอเลกเซีย เฮเลนาก็เสียงเบาลงไปเรื่อย ๆ

ทำบ้าของเราฟะ คนอื่น ๆ ก็ด้วย

โดยเฉพาะที่บีบขมับฟรองซัวส์ยกขึ้นเนี่ย มันใช้กำลังทำร้ายกันชัด ๆ แล้ว

 

“เช่นนั้น คงเข้าใจแล้วสินะคะว่าข้าอยากจะพูดว่าอะไร?”

 

“……จะงดเว้นสุราค่ะ”

 

“ค่ะ อ้อ เกี่ยวกับท่านฟรองซัวส์ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ระหว่างที่โดนท่านเฮเลนาบีบขมับยกขึ้นเธอก็ยังหัวเราะอยู่ตลอดเลย”

 

“มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ”

 

เฮเลนาเองก็เคยโดนวิกเตอร์ทำใส่เลยรู้ ว่าโดนบีบขมับยกขึ้นเนี่ยมันเจ็บสุด ๆ

ทั้งที่โดนแบบนั้นแล้วยังหัวเราะอยู่ตลอดเนี่ย มันชวนสยองเบา ๆ เหมือนกันนะ

 

“จากนั้น แม้อาจเป็นการล่วงเกินไปบ้าง แต่ข้าก็ได้เป็นคนหามท่านเฮเลนามาที่ห้องของท่านค่ะ”

 

“……งั้นรึ ลำบากเจ้าแล้วนะ”

 

“ไม่หรอกค่ะ ข้าคือนางกำนัลรับใช้ของท่านเฮเลนา ดังนั้นมิต้องใส่ใจหรอกค่ะ แต่จากนี้ไปหากจะรับประทานหม้อไฟกับทุกท่านอีก ขอความกรุณาโปรดงดเว้นสุราลงบ้างนะคะ”

 

“อา จะพยายามไม่ดื่มมากไปอีกแล้วล่ะ”

 

เธอไม่ได้รู้สึกอยากดื่มสุราจนถึงขนาดสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างขนาดนั้น

สมัยอยู่กองทัพก็ดื่มจนเสียความทรงจำไปบ่อย ๆ แต่ไม่เคยมีใครที่มารายงานให้ฟังว่าเฮเลนาที่เมามายสุรานั้นแสดงท่าทางน่าอับอายขนาดไหนให้ได้เห็นเหมือนอย่างอเลกเซียเลย ดังนั้นเธอจึงดื่มอย่างไม่มีความระวังใดทั้งสิ้น

บางทีในตอนนั้นเธออาจเคยทำเสียมารยาทหลายเรื่องกับเพื่อนร่วมงานในกองอัศวินไปเหมือนกันก็ได้ ทว่าทุกคนก็แค่ใจดีก็เลยไม่ได้พูดอะไรเท่านั้น

 

“ใกล้ได้เวลาฝึกอบรมยามเช้าเหมือนอย่างทุกทีแล้วล่ะค่ะ”

 

“……นั่นสินะ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกันเถอะ”

 

“งั้นข้าไปเก็บถ้วยชามก่อนนะคะ”

 

อเลกเซียวางถ้วยชามใส่บนรถเข็นอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ทำท่าจะเข็นออกไป

ตอนนั้นเองเธอก็ ‘อ๊ะ’ หยุดเท้าไว้เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างได้

 

“จะว่าไปแล้ว ท่านเฮเลนาคะ”

 

“หืม?”

 

“ดูเหมือนคืนนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมาเยือนนะคะ”

 

เธอกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะผลักรถเข็นออกจากห้องไป

เฮเลนาได้แต่มองส่งแผ่นหลังนั้น

 

“เอ๋……?”

 

พลางรู้สึกสับสนกับการมาเยือนของฟาร์มาสที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาสักพัก

จนไม่อาจละสายตาจากประตูที่ปิดลงได้อีกครู่ใหญ่เลยทีเดียว

 

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Comment

Options

not work with dark mode
Reset