(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 84: ปิดม่านงานราตรี

 

หลังจากนั้นงานราตรีก็ดำเนินต่อไปอย่างสงบราบรื่น

หลังจากฟาร์มาสกลับมาถึงที่นั่งแล้ว เขาก็ยังต้องคอยรับมือกับขุนนางหรืออาคันตุกะที่เข้ามากล่าวทักทายอยู่เรื่อย ๆ ส่วนเฮเลนาก็แค่คอยทำหน้าที่ตามน้ำ ซึ่งก็คือนั่งตีหน้านิ่งอยู่ด้านหลังและถ้าฟาร์มาสพูดอะไรมาก็ยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อยพองาม

แน่นอนว่าในบรรดาคนที่เข้ามาไม่มีใครที่เธอรู้จักมักคุ้นเลย เธอจึงทำได้แค่ส่งรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตอบกลับไปเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรเฮเลนาก็มีความสัมพันธ์เพื่อนฝูงกับแค่คนในกองทัพอยู่แล้ว ขุนนางที่มาร่วมงานราตรีเช่นนี้จึงมีแต่คนที่เธอไม่รู้จักหน้าค่าตาซะส่วนใหญ่

 

ดังนั้นเธอจึงได้แต่ทำตัวเป็นของประดับชิ้นหนึ่งพลางรอคอยให้เวลาผ่านพ้นไป

เกือบจะเผลอถอนหายใจออกมา แต่หากถูกเห็นตอนกำลังถอนหายใจเข้าจะโดนพูดว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ ดังนั้นเธอจึงตั้งมั่นไว้ในใจว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

เทียบกับตอนนี้แล้ว ตอนที่โดนแองเจลิกาไล่ตบอย่างต่อเนื่องอยู่อาจจะสบายกว่าก็ได้

อย่างน้อยที่สุดเมื่องานราตรีนี้จบลงเธอคงจะได้ลำบากเพราะความปวดไหล่เป็นแน่แท้—เฮเลนาเกร็งตัวแข็งเป็นรูปปั้นซะจนต้องคิดแบบนั้น

 

ทว่า ในตอนนั้นเอง

 

“อ๊ะ”

 

“รบกวนฝ่าบาท กระหม่อมต้องขออภัยที่มากล่าวทักทายช้าไปหน่อยพะยะค่ะ”

 

“……ทายาทตระกูลเคานต์อาโรรึ ท่านเคานต์เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“ท่านพ่อสุขภาพไม่ดีเล็กน้อย สำหรับงานราตรีในคราวนี้จึงต้องขอให้ท่านพักผ่อน เพื่อเป็นการทดแทนกระหม่อมโดเรล อาโร จึงมาร่วมงานในฐานะตัวแทนของตระกูลเคานต์อาโรพะยะค่ะ”

 

“อืม ฝากบอกท่านเคานต์ว่าให้พักผ่อนให้มาก ๆ ล่ะ”

 

“พะยะค่ะ ท่านพ่อจะต้องยินดีกับคำพูดของฝ่าบาทเป็นแน่”

 

โดเรล อาโร

เป็นชายผมสั้นสีดำที่มีรูปร่างกำยำเสียจนดูไม่เหมาะกับคำว่าคุณชายตระกูลขุนนาง เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าที่เป็นทางการนั้นมันมีมากซะจนแทบจะปริออกมาเลยทีเดียว

ครั้งล่าสุดที่ได้เห็นร่างนั้น—ก็ประมาณสามปีมาแล้วสินะ

 

“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่เฮเลนา ธิดาคนโปรดของเราเอง”

 

“กระหม่อมรู้จักอยู่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท”

 

“……หืม? เป็นคนรู้จักกันงั้นรึ?”

 

เป็นคนรู้จักกัน

ถึงกระนั้น เฮเลนาเองก็เคยพบเขาแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกล่าวทักทายสักหน่อย แต่จะคุยกับชายอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฟาร์มาสก็ไม่ได้

 

นี่เป็นคนรู้จักคนแรกที่เธอได้เจอในงานราตรีแห่งนี้

 

“มันยังไงกันรึ โดเรล”

 

“อัลเบรา ภรรยาของกระหม่อม คือน้องสาวของท่านเฮเลนา ธิดาคนโปรดของฝ่าบาทพะยะค่ะ”

 

“โฮ่!”

 

น้ำเสียงของฟาร์มาสมีความยินดีเจือปน

โดเรลคือบุตรชายผู้สืบทอดของตระกูลเคานต์อาโรที่อัลเบราได้แต่งเข้าไป

ตระกูลเคานต์อาโรซึ่งมีพื้นที่ปกครองอยู่ทางทิศตะวันออกของจักรวรรดิกันเกรฟนั้น มีพื้นที่ติดต่อกับดินแดนที่ยังไม่ได้รับการบุกเบิกทางทิศตะวันออกด้วย และดินแดนนั้นในปัจจุบันก็มีเหล่าคนเถื่อนอาศัยอยู่ ผู้ที่คอยรับมือกับเหล่าคนเถื่อนผู้ไร้กฎเกณฑ์และบุกเข้ามาเพื่อคิดแต่จะปล้นแย่งชิง ยืนหยัดต่อสู้ด้วยตัวเองในฐานะผู้ปกครองดินแดนนั้นก็คือตระกูลเคานต์อาโรนั่นเอง

เฮเลนาก็เคยได้ยินมาจากข่าวลือเท่านั้น แต่ว่ากันว่าเพราะแบบนั้นกองทหารส่วนตัวของตระกูลเคานต์อาโรจึงประกอบไปด้วยทหารแกร่งที่มีระเบียบวินัยมากกว่ากองอัศวินดาษดื่นทั่วไปซะอีก

นอกจากนี้ ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเคานต์อาโรยังมีหน้าที่นำทัพบัญชาการกองทหารส่วนตัวเข้าเผชิญกับพวกคนเถื่อนด้วยตนเองอีกด้วย

เพราะแบบนั้น โดเรลถึงได้ฝึกปรือร่างกายมาถึงขนาดนั้น

 

“ฝ่าบาท ขอให้กระหม่อมได้กล่าวทักทายท่านพี่สาวภรรยาสักหน่อยได้หรือไม่?”

 

“อืม……ถ้าเช่นนั้นก็ได้สิ”

 

“ขอบพระคุณพะยะค่ะ”

 

โดเรลโค้งคำนับอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมมารยาท จากนั้นก็หันมองทางเฮเลนา

แม้ร่างกายจะแทบไม่เปลี่ยนไปจากสามปีก่อน แต่ก็รู้สึกว่าเขามีท่าทางภูมิฐานผึ่งผายมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก นี่คงจะเรียกว่าความแข็งแกร่งของชายที่กำลังจะเป็นพ่อคนสินะ

 

“ไม่พบกันเสียนานนะครับท่านพี่สาว”

 

“นานเลยนะโดเรล อัลเบราสุขสบายดีไหม?”

 

“ครับ ใกล้จะถึงเดือนกำหนดคลอดแล้วแท้ ๆ กลับยังคิดจะมางานราตรีในวันนี้อีก……ข้าต้องพยายามห้ามแทบตายแน่ะ”

 

“นั่นมันก็ นะ……”

 

ดูเหมือนว่าแม้จะมีลูกอยู่ในท้องแต่อัลเบราก็แทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

เฮเลนานึกถึงน้องสาวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เกิดแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่ตั้งใจ

 

“ข้าได้ชมท่านเต้นรำกับฝ่าบาทแล้ว เคยได้ฟังข่าวคราวของท่านพี่สาวจากท่านลิลิธบ้าง แต่ดูท่าวันนี้คงได้เรื่องราวดี ๆ กลับไปเป็นของฝากบ้างแล้วล่ะครับ”

 

“……ให้ตายสิ น่าอายจังแฮะ”

 

“ไม่เลยครับ ไม่เลย เป็นการเต้นรำที่วิเศษมาก หากข้าไม่ได้มีภรรยาอยู่แล้วคงจะขอเต้นด้วยสักเพลงแล้วล่ะครับ”

 

โดเรลเป็นคนปากหวาน

เป็นชายที่มีความสามารถชนิดหาตัวจับยากเพราะนอกจากจะฝีมือมากพอที่จะนำทัพบัญชาการทหารกองทหารส่วนตัวเข้าต่อสู้ได้แล้ว ยังจะรู้จักรักษามารยาทธรรมเนียมได้สมกับเป็นขุนนางอีกด้วย ครั้งล่าสุดที่ประมือกับเฮเลนาคือเมื่อสามปีก่อน แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะมีฝีมือในระดับเดียวกับเสนาธิการของกองอัศวินเลยทีเดียว

 

“จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนในที่สุดเจ้าก็จะได้มีลูกสักทีสินะเนี่ย ยินดีด้วยนะโดเรล”

 

“ในที่สุด……อ่า จะว่าแบบนั้นก็ได้นะครับ”

 

“มีปัญหาอะไรงั้นรึ?”

 

“ข้าเองก็พยายามห้ามปรามหลายครั้งแล้ว แต่ว่า……ทั้งที่ใกล้จะถึงเดือนกำหนดคลอดแล้วเธอก็ยังฝึกวิชาทุกวันไม่เคยขาดเลยครับ”

 

“……”

 

เลือดมันข้นจริง ๆ

เฮเลนาเองถ้าอยู่ในสถานะเดียวกันก็คงฝึกวิชาทุกวันไม่ขาดเหมือนกัน เพราะตอนนี้ขนาดอยู่ในสังคมปิดที่ชื่อว่าวังหลังเธอก็ยังฝึกทุกวันไม่ขาดเลย

 

“เอาเถอะ……ถ้าเป็นอัลเบราก็คงไม่เป็นไรหรอก จากนี้ไปก็ฝากน้องสาวด้วยล่ะ”

 

“ครับท่านพี่สาว ไว้มีโอกาสครั้งหน้าช่วยมาประมือกับข้าด้วยนะครับ”

 

“ได้สิ ถึงตอนนั้นมาพร้อมกับอัลเบราเลยก็ได้”

 

“รับทราบแล้วครับ”

 

โดเรลแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองประมือดูเดี๋ยวนี้เลย

ทว่าตอนนี้คืองานราตรี และที่นี่ก็คือราชสำนัก และที่สำคัญที่สุดเฮเลนายังเป็นชายาเอกชั่วคราวอีกด้วย

เฮเลนาเองก็ไม่ได้ไร้สามัญสำนึกขนาดที่จะกล้าพูดออกมาว่าจะต่อสู้ประลองฝีมือกับโดเรลที่นี่ตอนนี้

 

“ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวแต่เพียงเท่านี้”

 

“อืม อีกเดี๋ยวงานก็จะเลิกแล้ว แต่ก็เชิญสนุกกับงานราตรีให้เต็มที่ล่ะ”

 

“พะยะค่ะ ท่านพี่สาวด้วย ขอตัวก่อนนะครับ”

 

“แล้วพบกันใหม่ โดเรล”

 

หลังจากโค้งคำนับกันหนึ่งครั้ง เฮเลนาก็มองส่งโดเรลที่กำลังเดินจากไป

ว่ากันตามตรงแล้วนั่นเป็นชายที่น่าเสียดายจริง ๆ ที่เขาไม่ได้สังกัดอยู่ในกองทัพ หากคิดจากสถานการณ์ของตระกูลเคานต์อาโรแล้วมันจะมีส่วนที่ช่วยไม่ได้อยู่ก็เถอะ แต่ถ้าได้ทุ่มเทฝึกปรือมากกว่านี้ เขาก็มีพรสวรรค์ในระดับที่มีสิทธิ์ก้าวหน้าไปถึงตำแหน่งแปดยอดขุนศึกได้เลยด้วยซ้ำ

ทว่าก็เป็นเพราะมีโดเรลคอยปกป้องชายแดนทิศตะวันออกอยู่ จักรวรรดิกันเกรฟถึงได้ไม่ถูกรังควานจากการรุกรานของพวกคนเถื่อน แม้จะรู้สึกลำบากใจนิดหน่อยที่อัลเบราแต่งเข้าไปยังที่ที่อันตรายเสี่ยงภัยแบบนั้น แต่พอลองนึกว่าอัลเบราเองก็คงกำลังเข้าต่อสู้กับพวกคนเถื่อนด้วยแน่ ๆ เฮเลนาก็มีรอยยิ้มขึ้นมานิดหน่อย

 

ที่ข้างกายเฮเลนานั้น ฟาร์มาสเองก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเหมือนกัน

อาณาเขตปกครองของตระกูลเคานต์อาโรนั้น เป็นดินแดนอันตรายที่ถูกจู่โจมรังควานโดยคนเถื่อนอยู่เสมอ มันเสี่ยงอันตรายขนาดที่หากมอบให้เป็นรางวัลกับขุนนางคนอื่นก็ยังไม่มีใครอยากได้กันเลยด้วยซ้ำ ตระกูลเคานต์อาโรซึ่งสามารถกำราบดินแดนตรงนั้นให้อยู่ในการควบคุมได้ด้วยพลังรบของตระกูลเคานต์เพียงตระกูลเดียวนั้น สำหรับฟาร์มาสแล้วย่อมเป็นตระกูลที่เขาอยากจะสานสัมพันธไมตรีเอาไว้

ในเมื่อคนที่แต่งงานกับบุตรชายผู้สืบทอดของตระกูลนั้นเป็นน้องสาวของเฮเลนา หากฟาร์มาสตบแต่งเฮเลนาอย่างเป็นทางการ ก็จะเท่ากับว่ามีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับตระกูลเคานต์อาโรไปด้วย

ให้ตายสิ เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้ฟาร์มาสพึงพอใจไปได้มากมายขนาดไหนกันนะเนี่ย

 

จากนั้นงานราตรีก็ดำเนินต่อไปอย่างสงบราบรื่น จนในที่สุดดนตรีก็ได้เปลี่ยนทำนองไป

พร้อมกันนั้น ฟาร์มาสก็ได้ลุกขึ้นยืน

 

“เอาละ เฮเลนาเอ๋ย”

 

“คะ?”

 

“ไปกันเถอะ”

 

เอ๋ ไปไหนน่ะ

เมื่อเห็นฟาร์มาสลุกขึ้นยืนแล้วก็เริ่มเคลื่อนตัวเดินไปอย่างกะทันหัน เฮเลนาก็ตัดสินใจเดินตามไปก่อน

การเต้นรำในตอนต้นก็จบไปแล้ว ทุกอย่างมันก็น่าจะจบแล้วล่ะมั้ง ตอนนี้เธอก็เหนื่อยแย่แล้ว อยากจะกลับไปพักผ่อนเสียที

ทว่า ความปรารถนาของเฮเลนานั้นกลับไม่เป็นจริง—เพราะสถานที่ซึ่งกำลังมุ่งไป มันก็คือใจกลางของห้องรับรองนั่นเอง

 

ณ ที่ตรงนั้น เธอกุมมือที่ฟาร์มาสได้ยื่นมาให้

และในเวลาเดียวกันวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงที่จังหวะเบา ๆ ส่วนตัวเธอก็ถูกดึงเอวเข้าไปแนบชิดกับฟาร์มาส

จนในที่สุด—เธอก็รู้ตัวว่าจะต้องเต้นรำอีกเพลง

 

“ท ท่านฟาร์มาส……!?”

 

“โทษทีนะ สัญญาณเปิดงานกับปิดงานมันคือการเต้นรำของเรากับเจ้าน่ะ”

 

อุตส่าห์คิดว่ามันจบแล้วแท้ ๆ

อุตส่าห์รีดพลังทั้งหมดเต้นจนจบได้แล้วแท้ ๆ

ทำไมถึงยังจะต้องเต้นอีกรอบด้วยล่ะ—

 

“แหม่ ได้ชมการเต้นรำของฝ่าบาทกับโฉมงามอีกครั้งหนึ่งแบบนี้ วิเศษไปเลยนะครับ”

 

“ท่านมหาอำมาตย์โนลด์ลุนด์ที่เสนอว่าตอนเริ่มต้นกับตอนสุดท้ายควรให้ฝ่าบาทกับโฉมงามเป็นคนเต้นเนี่ย ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

 

ในระหว่างที่ฟังเหล่าขุนนางที่รายล้อมกล่าวถ้อยคำแบบนั้นไปพลาง

เฮเลนาก็ได้สาบานอีกครั้ง

 

ว่ามีแค่โนลด์ลุนด์เท่านั้น ที่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องขออัดมันให้ได้สักที

 

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Comment

Options

not work with dark mode
Reset