หลังจากได้แสดงการเต้นรำอันสมบูรณ์แบบคู่กับฟาร์มาส ในที่สุดเสียงดนตรีก็จบลง
จนแล้วจนรอด เฮเลนาก็ขยับขาอย่างเอาเป็นเอาตายท่ามกลางสายตาผู้คน แสดงให้ผู้ชมเห็นเหมือนกับว่าเธอเต้นรำได้อย่างสละสลวยงดงามได้สำเร็จ ทั้งที่ความจริงในใจเธอเรียกได้ว่าเต็มกลืนสุด ๆ แล้ว ทว่าสีหน้าไร้อารมณ์ของเฮเลนาก็ช่วยให้มองไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น
อยากจะกลับห้องในวังหลังแล้วก็นอนหลับเหมือนศพแล้ว—ความเหนื่อยล้ามันเข้าจู่โจมทั้งร่างจนทำให้เธอคิดแบบนั้น
“เอาล่ะทุกท่าน เราขอปิดงานแต่เพียงเท่านี้! ขอขอบคุณที่มาร่วมงานพิธีไว้อาลัยบิดาของเรา รวมทั้งงานราตรีกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย!”
เมื่อฟาร์มาสป่าวประกาศเช่นนั้นจึงเท่ากับว่างานราตรีได้สิ้นสุดลงแล้ว
ทว่าเฮเลนาก็ยังไม่สามารถกลับห้องไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ฟาร์มาสผู้เป็นจักรพรรดิกับเฮเลนาผู้เป็นชายาเอกที่คู่กันนั้น ไม่สามารถออกจากงานได้จนกว่าจะถึงท้ายที่สุด
เรื่องนี้ลูเครเซียก็ได้สอนไว้เหมือนกัน มันคือประเพณีชวนน่าฉงนว่า “ต้องมาถึงงานเป็นคนแรกและออกจากงานเป็นคนสุดท้าย” นั่นเอง
เฮเลนาเฝ้ามองบรรดาขุนนางยอยกันออกจากงานไป พลางถอนหายใจอยู่แค่เพียงในใจ
เธอยังไม่ได้รับประทานอะไรก็จริง แต่กลับไม่มีความหิวเลย ในทางกลับกันกลับรู้สึกคลื่นไส้เสียมากกว่า ตอนนี้ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
“เฮเลนาเอ๋ย ขอบคุณที่ทนเหนื่อยยากนะ”
“……ไม่หรอกค่ะ ท่านฟาร์มาสต่างหาก ยากลำบากหน่อยนะคะ”
“ไม่ต้องฝืนเข้มแข็งนักหรอก จะแสดงด้านอ่อนแอให้เราเห็นบ้างก็ได้”
“เอ่อ…..นั่นมันก็”
“ปกติแล้วเจ้าไม่ค่อยได้ร่วมงานราตรีเช่นนี้นี่นา วันนี้คงจะเหนื่อยมากทีเดียว”
ดูเหมือนฟาร์มาสจะเข้าใจความเหนื่อยล้าของเฮเลนาเป็นอย่างดี
อยากจะบอกว่า ‘งั้นก็อย่ามาบังคับให้ให้ร่วมพิธีกับงานราตรีพรรค์นี้ตั้งแต่แรกดิ’ อยู่เหมือนกัน แต่ที่ต้องทำแบบนี้ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะแผนการของฟาร์มาส
เธอจะไปออกปากคำในเรื่องนั้นแล้วทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในแผนการใหญ่ของฟาร์มาสก็ไม่สมควร
“……ฮืม”
“ค คะ……?”
“แอนตันเอ๋ย”
หลังจากมองหน้าเฮเลนาอยู่สักครู่หนึ่ง ฟาร์มาสก็เรียกเช่นนั้นไปยังแอนตันซึ่งอยู่ใกล้ ๆ
แน่นอนว่าเพราะเป็นคำพูดของจักรพรรดิ แอนตันจึงเข้ามาหาฟาร์มาสอย่างรวดเร็วพอสมควร
“เรียกกระหม่อมหรือพะยะค่ะฝ่าบาท”
“ดูเหมือนเฮเลนาธิดาคนโปรดของเราจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย เรายังออกจากที่นี้ไปไม่ได้อีกสักพัก แอนตัน เจ้าช่วยพาธิดาคนโปรดของเราไปส่งถึงปากทางเข้าวังหลังที จากนั้นฝากให้หัวหน้านางกำนัลอิซาเบลจัดการต่อก็ได้”
“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ”
เมื่อได้ยินฟาร์มาสกล่าวเช่นนั้น แอนตันจึงพยักหน้ารับ
ทีแรกก็นึกสงสัยอยู่ว่ามีเรื่องอะไรกันนะ แต่ดูเหมือนฟาร์มาสจะคำนึงถึงความเหนื่อยล้า จึงช่วยให้สามารถกลับไปได้ก่อนนั่นเอง
เธอรู้สึกขอบคุณจากใจจริงในความเอาใจใส่นี้
“ช เช่นนั้น ท่านฟาร์มาสคะ”
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ค่ำนี้เราไปห้องของเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเชิญพักผ่อนร่างกายตามสบายได้เลย”
“รับทราบแล้วค่ะ ขอบพระคุณอย่างยิ่ง”
ยิ่งไปกว่านั้นคืนนี้ฟาร์มาสยังจะไม่มาด้วย
ในที่สุดก็จะถึงเวลาได้พักผ่อนสบาย ๆ เสียทีสินะ—
“เอาล่ะเฮเลนา ไปกันเถอะ”
“……ค่ะ”
เธอออกจากห้องรับรองใหญ่ไปพร้อมกับแอนตัน
ตามปกติแล้วเธอน่าจะต้องอยู่รอพร้อมกับฟาร์มาส แต่ด้วยการออกจากงานไปพร้อมกับแอนตันผู้เป็นเครือญาติเธอจึงสามารถมีข้ออ้างที่ชอบธรรมขึ้นมาได้สินะ
หัวสมองซึ่งไม่อยากจะคิดอะไรยาก ๆ อีกแล้วได้ตัดสินใจโยนการใช้ความคิดทิ้งไปโดยสมบูรณ์ ยังไงตอนนี้ก็กลับห้องได้แล้ว รู้แค่นั้นก็พอแล้วแหละ
“เฮเลนาเอ๋ย”
“……ค่ะ”
‘ไม่อยากคิดอะไรแล้วเพราะงั้นหุบปากไปเลยไป’ ก็อยากจะบอกงั้นเหมือนกันแต่ต้องห้ามตัวเองไว้ก่อน
ต่อให้เป็นบิดาแท้ ๆ แต่ถ้าแค่ถูกเรียกชื่อเฉย ๆ แล้วขืนพูดแบบนั้นไป จะคิดยังไงมันก็เป็นแค่การโมโหแล้วพาลกับคนอื่นเท่านั้นเอง
“ข้าอยากขอถามอะไรสักอย่าง”
“……อะไรหรือคะ”
“สำหรับเจ้าแล้วฝ่าบาท……ฝ่าบาทจักรพรรดิฟาร์มาสน่ะ เป็นบุคคลเช่นไรกันแน่รึ?”
“……”
แอนตันไต่ถามออกมาเช่นนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ทว่าคำถามนั้นมันเป็นอะไรที่เฮเลนาตอบได้ยาก
หากเฮเลนาพูดอะไรมั่ว ๆ ไป มันก็อาจส่งผลเป็นอุปสรรคต่อแผนการของฟาร์มาสได้
แม้แอนตันจะเป็นบิดาของเฮเลนา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นมหาเสนาบดีผู้มีตำแหน่งสูงสุดในราชสำนักด้วย
“ข้าน่ะ ที่ผ่านมาคิดว่าฝ่าบาทเป็นจักรพรรดิที่โง่เขลา”
“……งั้นหรือคะ”
“ปล่อยให้กังฉินอย่างโนลด์ลุนด์คดโกงได้ตามใจ ไม่มีความสนใจในเรื่องการเมืองการปกครอง ไม่ห้ามปรามการอาละวาดของพระขนิษฐา ข้าคิดว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาผู้ทำให้ราชสำนักปั่นป่วนเช่นนั้นมาตลอด และเกรงว่าใครต่อใครในราชสำนักก็คงกำลังคิดกับฝ่าบาทแบบเดียวกันอยู่เป็นแน่”
“……”
ได้มาฟังดูอีกที ก็ยิ่งรู้ชัดว่าฟาร์มาสไม่เป็นที่ชื่นชอบขนาดไหน
หากกล่าวว่า เป็นจักรพรรดิแค่เพียงในนาม ก็คงจะเป็นการประเมินที่ไม่ผิดเลย
ถึงแม้วิธีคิดของโนลด์ลุนด์ที่พยายามจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้นกับวิธีคิดของแอนตันที่พยายามจะแก้ไขอยู่มันจะแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงเลยก็เถอะ
“เฮเลนาเอ๋ย……เจ้าล่ะคิดอย่างไรบ้าง ฝ่าบาทเป็นบุคคลอย่างที่ข้าคิดจริง ๆ หรือเปล่า”
“……”
“ทำไมถึงได้รักใคร่โปรดปรานเฮเลนา เรื่องนั้นแหละที่ไม่เข้าใจ แต่เดิมทีเพราะมีข่าวลือว่าฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานเฮเลนาแพร่ออกมา ข้าถึงเริ่มสามารถต่อต้านการคดโกงของโนลด์ลุนด์ได้ เรื่องนี้……เป็นความบังเอิญจริง ๆ น่ะหรือ?”
“……”
เฮเลนาไม่ตอบ
จะให้ตอบก็ยุ่งยากน่ารำคาญ
อยากจะรีบ ๆ กลับห้องแล้ว
“เฮเลนา”
“……ท่านพ่อ ต่อจากนี้คือวังหลังแล้วค่ะ”
เธอมาด้วยกันกับแอนตัน จนถึงประตูทางเข้าของวังหลัง
ต่อจากตรงนี้ไปคือสวนดอกไม้ที่รวบรวมไว้เพียงเหล่าสาวงามและห้ามบุรุษกล้ำกราย—วังหลัง
ต่อให้เป็นบิดาของเฮเลนา ก็ไม่สามารถเข้าไปลึกกว่านี้ได้
“เฮเลนา!”
“หากมีโอกาสอะไรสักอย่างไว้ค่อยพบกันใหม่นะคะ”
จะให้เขามีความเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้
ถึงแม้แอนตันจะเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ แต่การปล่อยให้มีคนที่ล่วงรู้แผนการเพิ่มขึ้นในราชสำนักเบื้องหน้านั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่เรียกว่าแผนการนั้นยิ่งมีคนรู้เนื้อหาใจความน้อยเท่าไหร่ โอกาสที่เนื้อหานั้นจะรั่วไหลออกไปก็ยิ่งน้อยลงตามไปด้วย
เฮเลนาเมินเฉยต่อแอนตันที่ยังคงส่งเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง และก้าวเข้าสู่ด้านในวังหลัง
ไปสู่ส่วนลึกที่สุด—ซึ่งก็คือห้องของเธอเอง
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ ท่านเฮเลนา”
“……อเลกเซีย”
“อันดับแรกจะรับประทานอาหารก่อนไหมคะ? หรือว่าอยากจะอาบน้ำคะ?”
เธออุตส่าห์รออยู่ที่นี่ตลอดจนกว่าเฮเลนาจะกลับมาสินะ
นางกำนัลที่เชื่อใจได้มากที่สุดสำหรับเฮเลนาผู้ไม่ได้พาสาวใช้มาด้วย—อเลกเซีย
เมื่อเฮเลนาได้เห็นรอยยิ้มเหมือนเช่นปกติของเธอ ก็รู้สึกโล่งใจ
“โทษทีนะ อเลกเซีย……”
“คะ?”
เฮเลนาเดินเข้าไปในห้อง หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว พลางเอื้อมมือไปปิดประตูตามหลัง
จากนั้นก็—ทิ้งร่างเข้าใส่อเลกเซีย
“ท ท่านเฮเลนา!?”
“อา……”
“หนัก……เอ้ย ไม่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น! เป็นอะไรไปหรือคะ!?”
เหมือนได้ยินคำบ่นที่เสียมารยาทชอบกล แต่เฮเลนาก็ตัดสินใจเมินมันไปซะ
ไม่มีแรงเหลือพอจะมาคิดเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นอีกแล้ว
“เหนื่อย อ่ะ……”
“ค คะ? ย ยากลำบากหน่อยนะคะท่านเฮเลนา”
“……”
ทั้งมื้ออาหารหรือการอาบน้ำมันไม่จำเป็น
ตอนนี้ สิ่งที่จำเป็นสำหรับเธอก็คือการพักผ่อน
เพราะความสบายใจที่ได้กลับมาถึงห้อง พลังมันก็เลยหนีหายจากร่างกายไปหมดในคราวเดียว
“ท่านเฮเลนาคะ!”
“……”
แม้จะรู้สึกผิดต่ออเลกเซีย แต่ตอนนี้เธอต้องขอพักก่อนแล้ว
เฮเลนาหลับตาลงทั้งที่ยังกอดอเลกเซียแน่นอยู่ หลับไปทั้งแบบนี้เลยก็ได้ใช่ไหมนะ
เธอปล่อยสติให้หลุดลอยไปโดยสมบูรณ์—ทว่าด้วยความที่เป็นนักรบ ร่างกายนั้นจึงไม่ขยับเขยื้อน
“ท ท่านเฮเลนาคะ! ข้าเองก็ต้องขอเวลาเตรียมใจ……!”
“……”
“ม ไม่สิ ถ้าท่านเฮเลนาไม่ว่ายังไงก็ต้องการล่ะก็ เอ่อ……ข ข้าก็……!”
“……คร่อกฟี้—”
เฮเลนาล้มลงกับเตียงทั้งที่ยังกอดอเลกเซียเอาไว้แน่น
แล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราอันล้ำลึกไปทั้งแบบนั้น
“อ เอ๋ เอ่อ!? ท ทำไมข้าถึงได้ถูกกอดอยู่ล่ะคะ!?”
และแล้ว
หนึ่งวันที่ยาวนานที่สุดของเฮเลนานับตั้งแต่เข้าวังหลังมาก็ได้สิ้นสุดลงไปในรูปแบบนี้เอง