[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 66

ตอนที่ 66

ฉิวเฉียด

 

 

   นอกจากไอโรเน่ที่ยังเฉยเมย ทุกคนในห้องได้แต่ยืนตาค้าง เมื่อผู้เป็นแม่ เรียกลูกสาวของตนเองว่าสัตว์ประหลาด

   ในตอนนั้น ในใจของมิลานก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ก็ควบคุมสติอารมณ์ไม่ให้โต้ตอบรุนแรง

   เป้าหมายยังคงเป็นการพูดคุย ไม่ใช่การวิวาท

 

“ท่านราชินีไอโรเน่ครับ กรุณาใช้ถ้อยคำให้เหมาะสมด้วย อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับเด็กตัวเล็กๆ”

“ดูเหมือนเจ้าชายมิลานจะถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นหลอกเข้าให้แล้ว ไม่สิ ทุกคนกำลังถูกหลอก แม้ภายนอกจะเห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่ข้างในคือปีศาจ”

“ท่านแม่!”

 

   อาลัวตะโกนแทรกคำพูดของไอโรเน่

 

   เพราะอาลัวซึ่งเป็นพี่สาว รู้จักกับเซเลนมานานกว่ามิลาน จึงมีความอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากกว่า น้องสาวผู้น่ารักของเธอกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ

 

   น่าเสียดาย เรื่องราวจะดำเนินไปได้ง่ายกว่านี้ถ้าสิ่งที่อยู่ข้างในเซเลนเป็นปีศาจจริงๆ

 

“เพราะเหตุใด ท่านราชินีไอโรเน่ถึงรังเกียจเซเลนขนาดนี้กันครับ? ผมจะไม่ขอให้ท่านรักเธอเพียงเพราะเป็นครอบครัวร่วมสายเลือดก็ได้ แต่เพียงเพราะรูปลักษณ์ที่แตกต่างจึงรังเกียจโดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเชียวหรือครับ?”

 

   มิลานพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่ไอโรเน่ได้ฟังแล้วก็แค่ถอนหายใจ

 

“ถึงข้าจะเป็นราชินีของประเทศเล็กๆ แต่ก็เป็นราชินีของประเทศหนึ่ง เพราะฉะนั้น อย่าได้ดูถูกกันนัก ข้าไม่ตัดสินคนที่สีผมหรือสีของดวงตา ในแง่ของรูปลักษณ์ เซเลนสมควรถูกเรียกว่าเป็นผู้ที่ได้รับความรักจากพระเจ้าจริง”

 

   แน่นอนว่าต้องมีคำว่า ‘แต่’ ตามมา

 

“เธอไม่เหมือนกับเด็กทั่วไปในอีกแง่หนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด จะเรียกว่าสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ก็ได้ ข้าไม่เคยรู้สึกแบบเดียวกันนั้นกับอาลัวเลยสักครั้ง แต่ข้าสัมผัสได้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในเด็กคนนี้เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ของโลกนี้”

“บางอย่าง ไม่ใช่ของโลกนี้…”

 

   คำพูดของไอโรเน่ทำให้มิลานต้องคิดหนัก

  เขารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้แตกต่างจากคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกผิดแปลกมากมายจนเหมือนอยู่คนละโลกอย่างที่ว่ามา

   และบางอย่างที่ว่านั่น ก็ใช้สัญชาตญาณของคนเป็นแม่ตัดสิน ไม่มีองค์ประกอบให้เขาทำความเข้าใจได้เลย

 

“นี่ ฮิโนเอะ คิดยังไงกับคำพูดของราชินี? กำลังปิดบังอะไรเกี่ยวกับเซเลนอยู่หรือเปล่า?”

 

  มารีที่อยู่ข้างหลังไม่ไกลจากมิลาน แอบกระซิบพูดคุยกับฮิโนเอะ

   ตามหน้าที่ที่ตกลงกันไว้ ฮิโนเอะจะใช้เวทมนตร์ของเธอจับตามองภายในจิตใจของไอโนเน่ เธอจะบอกได้ทันทีถ้ามีการโกหกเกิดขึ้น

   แต่ฮิโนเอะก็ส่ายหัวด้วยท่าทางผิดหวัง

 

“น่าเสียดาย สิ่งที่ท่านราชินีพูด ตรงกับในจิตใจ ไม่มีการปิดบังและไม่ได้โกหก ช้าน้อยเห็นแต่ความเกลียดชังกับความเศร้าหมองปะปนกันอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”

“งั้นเหรอ…”

 

   เมื่อได้ยินเช่นนั้น มารีก็รูสึกผิดหวังเหมือนกับฮิโนเอะ

   สมัยก่อน ตัวเธอเองเป็นประเภทที่ปากไม่ตรงกับใจ จึงแอบหวังว่าอีกฝ่ายอาจจะรักเซเลนแต่ไม่คิดจะพูดออกมาตรงๆ แต่ก็ไม่มีหวัง

 

   ยิ่งไปกว่านั้น ในวัยเด็กทั้งหมดของมารี ได้รับความรักจากพ่อและแม่อย่างเต็มที่ เธอจึงตกใจเมื่อได้มาเห็นกับตาว่ามีแม่ที่รังเกียจลูกแท้ๆของตัวเอง เพราะฉะนั้น เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือความรู่สึกของเซเลน

 

“แล้วเซเลนล่ะ… ไม่อยากได้ยินเลยแฮะ”

“กำลังกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แสงสว่างที่เคยเห็นได้กลายเป็นความมืดไร้ก้นบึ้ง…”

 

   หลังจากเหลือบมองไปยังเซเลนผู้น่าสงสาร ฮิโนเอะตอบออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาคลอ

  จิตใจที่เคยงดงามยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ถูกแทนที่ด้วยความมืดซับซ้อนยุ่งเหยิง

   ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เธอถูกแม่ปฏิเสธและยังเรียกว่าสัตว์ประหลาด โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด

 

  แน่นอนว่าเป็นเพราะตัวจริงอย่างบัตเลอร์ไม่อยู่ จึงได้เห็นจิตใจปรกติของเซเลนเป็นครั้งแรก ประหนึ่ง เมื่อผู้กล้าหายตัวไป จอมมารจะคืนชีพ

 

“เข้าเรื่องกันดีกว่า ข้าคิดว่าทราบเหตุผลในการมาเยือนของเจ้าชายมิลานอยู่แล้ว ท่านต้องการแต่งงานกับลูกสาวของข้าสินะ…”

“เดี๋ยว!”

 

   ทันที่ที่ไอโรเน่พูดถึงประเด็นหลัก เซเลนที่เงียบมาตลอดก็พูดขัดเสียงดัง

  เซเลนก้าวออกไปข้างหน้าและมองไปที่ไอโรเน่ด้วยท่าทางจริงจัง

 

“จากนี้ ไม่ได้ ไม่ต้องพูด”

“…ไม่ต้องมองด้วยสายตาอ้อนวอนขนาดนั้น ถึงอย่างไรเจ้าก็หลอกข้าไม่ได้อยู่แล้ว”

“ไม่เหมาะ แต่งงาน เจ้าชาย ห้าม”

“…ว่าไงนะ?”

 

  ไอโรเน่แสดงความประหลาดใจออกมาให้เป็นเป็นครั้งแรก

  คิดว่าห้ามไว้เพราะกลัวจะถูกปฏิเสธการแต่งงานกับเจ้าชายที่รักยิ่ง แต่กลายเป็นว่า ไม่อยากให้มีการแต่งงานเพราะเรื่องความเหมาะสม

 

“(ไม่สิ เพราะคิดว่าตนเองไม่คู่ควรที่จะแต่งงานกับเจ้าชาย)”

 

  จากคำพูดที่ไม่เป็นประโยคของเซเลนทำให้ไอโรเน่ตีความออกมาเช่นนั้น

   หมายความว่า เธอเชื่อว่าฐานะของตัวเอง ต่ำต้อยไม่เหมาะสมกับเจ้าชาย

 

“…เป็นความรูสึกที่น่าคิดถึงจริงๆ”

“น่าคิดถึง?”

 

   คำพูดของไอโรเน่ทำให้อาลัวสงสัย

  ไอโรเน่หลับตาและเงยหน้ามองเพดาน นึกถึงช่วงเวลาหนึ่งของตนเองที่ผ่านมานานมากแล้ว

 

“จะว่าไป ข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเจ้า อาลัว พ่อ… ที่เสียไปแล้วของเจ้า ตัวข้าในตอนนั้นไม่ใช่คนที่คู่ควรกับเขา และข้าก็ได้พยายามถอนตัว จนเขาต้องบังคับแต่งตั้งข้าขึ้นเป็นราชินี”

 

   เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น ไอโรเน่หัวเราะอย่างเศร้าสร้อย

   ในตอนนี้ เซเลนก็กำลังมีความคิดแบบเดียวกัน กังวลเรื่องสถานะขอตนจนไม่กล้าแต่งงานกับอีกฝ่าย เหมือนกับตนเองในสมัยก่อนไม่มีผิด

 

   แต่ไม่นาน สีหน้าของไอโรเน่ก็กลับมาจริงจังเหมือนปรกติ และหันไปทางมิทางกับคนอื่นๆ

 

“นอกเรื่องไปเสียได้ ขออภัย ข้าเผลอนึกถึงเรื่องในอดีตไปชั่วขณะ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเรื่องละเอียดอ่อน จะคิดถึงบ้างก็ไม่แปลก เพราะฉะนั้น กลับมาที่ธุระของผมกันเถอะครับ ที่ผมอยากทราบก็คือ ท่านจะสนับสนุนให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นหรือไม่ครับ?”

“ไม่น่าถาม ด้วยอำนาจของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ราชินีประเทศเล็กๆอย่างข้า ไม่อาจขัดความประสงค์ขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลานได้อยู่แล้ว”

 

   อาจจะฟังดูไม่สมเหตุสมผลแต่ก็เป็นความจริง

  เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนั้น จึงต้องเดินทางมาเพื่อแก้ไขความบาดหมางระหว่างไอโรเน่กับเซเลนก่อน

   มิลานได้เตรียมตัวรับมือกับคำตอบเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะพูดออกมา เซเลนก็หันจากไอโรเน่มาเผชิญหน้ากับมิลาน

 

“ไม่ได้!”

“ซ-เซเลน? ต้องขอโทษด้วยครับ แต่เรื่องนี้ต้องคุยให้เรียบร้อย…”

“ไม่ต้อง!”

 

  เสียงตะโกนอันโศกเศร้าของเซเลนดังสะท้อน

 

   หาได้ยากยิ่งที่เซเลนจะพุดเสียงดัง ทั้งที่ปรกติเธอจะเป็นคนเงียบๆเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ถึงความจริงแล้วเธอจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็เถอะ การกระทำของเธอในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับมิลานเป็นอย่างมาก เพราะปรกติเซเลนจะไม่ทำตัวเช่นนี้

 

  เซเลนต้องการเพียงแค่ทำลายงานหมั้นระหว่างเจ้าหญิงแห่งอาร์คุยล่า อาลัว กับ มิลาน แม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง

   ต้องก่อกวนการประชุมในครั้งนี้ ให้เป็นไปอย่างไม่ราบรื่นที่สุด แต่เซเลนก็ไม่มีความคิดดีๆนอกจากคอยพูดแทรก ขัดจังหวะ ทุกครั้งที่มีใครพยายามเข้าเรื่อง

 

  ออกมาเป็นเสียงตะโกนอันเศร้าสร้อย เพราะอยากให้อีกฝ่ายยอมแพ้เร็วๆ จะได้กลับไปนอนต่อสักที

 

“…เอาเป็นว่า เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน ทุกท่านที่อ่อนล้าจากการเดินทางไกลมายังอาร์คุยล่า แยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อนเถิด”

 

  ไอโรเน่พูดออกด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย มิลานกับคนอื่นๆจึงทำตามแต่โดยดีและพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

   เมื่อออกมาข้างนอก มิลานก็ถอนหายใจ

  ก่อนที่จะมาก็คิดเอาไว้แล้วว่าไม่ใช่งานง่ายๆ แต่เรื่องนี้ก็ซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

   สิ่งที่ทำให้ไอโรเน่ปฏิเสธเซเลน ไม่ใช่ทั้งเหตุผลหรือความเชื่อ แต่เป็น ‘สัญชาตญาณของแม่’ ที่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

 

“เซเลน! เดี๋ยวก่อน! จะไปไหนน่ะ!?”

 

   ขณะที่มิลานครุ่นคิดอย่างหนัก ก็ได้ยินเสียงของมารี

   มิลานหันตามไปทันที และเห็นเซเลนออกวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง

 

“เซเลน!”

 

  เสียงเรียกขอมิลานดังไปถึงเธอแน่นอน แต่เซเลนก็ไม่หันกลับมาและแหวกพุ่มไม้เดินหายเข้าไปในสวนที่รกเหมือนป่า

   เมื่อเห็นเช่นนั้น มิลานก็ตามไปทันที

   คนที่เหลือต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อสมาชิกในกลุ่มแยกตัวออกไปถึงสองคนในคราวเดียว

 

“เซเลน คิดจะทำอะไร…”

“เพียงแค่ชั่วครู่ที่ข้าน้อยเห็น หัวใจของท่านเซเลนขุ่นมัว ต้องการออกไปจากที่นี่โดยเร็วเจ้าค่ะ…”

 

  เพราะเซเลนปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ฮิโนเอะจึงมองจิตใจของเธอได้เพียงผิวเผิน แต่ก็เห็นว่ามันยังคงเต็มไปด้วยความมืดมน อารมณ์แปรปรวนซับซ้อน และความรู้สึกอยากออกไปจากที่นี่ในทันที

 

“เพิ่งจะเจอมาขนาดนั้น… ก็พอจะเดาได้อยู่หรอก”

 

   มารีเข้าใจความเจ็บปวดของเซเลน

  หากถูกแม่แท้ๆปฏิบัติด้วยเช่นนี้ มารีคงได้ร้องไห้ตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว

   เพราะฉะนั้น เซเลนที่ไม่ร้องไห้ฟูมฟายและทนอยู่จนจบ ก็เรียกได้ว่าน่าชื่นชม

 

“ทั้งที่ฉันเป็นพี่สาว…”

 

  ที่ตัดสินใจมาด้วยในครั้งนี้ก็เพื่อตามมาดูแลในฐานะพี่สาว แต่มารีก็รู้สึกทุกข์ใจเพราะเมื่อถึงเวลาจริงๆกลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรน้องสาวคนนี้ได้เลย

 

“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเจ้าค่ะ ท่านเซเลนสนุกสนานตลอดการเดินทางก็เพราะมีท่านมารีเบลอยู่เคียงข้างเจ้าค่ะ”

“ขอบใจนะ… แล้ว ทำไมนายยังอยู่ตรงนี้อยู่อีกล่ะ!? ท่านพี่กับเซเลนไปไหนแล้วก็ไม่รู้! เป็นคนคุ้มกันไม่ใช่หรือไง!?”

 

  มารีจับชายเสื้อกิโมโนของคุมะฮาจิดึงหลายๆครั้ง

   จนถึงตอนนี้ คุมะฮาจิตามพวกเธอมาตลอด แต่ก็ได้แต่นิ่งเงียบเหมือนไม่มีตัวตน และไม่แสดงอาการใดๆเป็นพิเศษ

 

“ข้าน้อยถนัดแต่การต่อสู้เท่านั้น ถ้าเป็นการเยียวยาหัวใจของท่านเซเลน ข้าน้อยเชื่อว่าปล่อยให้องค์ชายจัดการเพียงลำพังจะเป็นการดีที่สุดขอรับ”

“ที่ที่พวกเขาเข้าไป ค่อนข้างรกทึบนะเจ้าคะ จะไม่เป็นไรแน่หรือ?”

 

  แม้แต่ฮิโนเอะก็ยังช่วยพูดกับคุมะฮาจิ แต่คุมะฮาจิเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ

 

“ไม่เป็นไรแน่นอนขอรับ จากทิศทางนั้น ข้าน้อยเชื่อว่าองค์ชายรู้อยู่แล้วว่าจะหาท่านเซเลนเจอได้อย่างไร”

“ทำไมมั่นใจนักล่ะ?”

“นั้นก็…”

 

   ขณะเดียวกัน เซเลนวิ่งผ่านป่าไปยังทิศทางที่แน่นอน

 

“อุ! ห้องน้ำ ห้องน้ำ!”

 

   อันที่จริงก็อั้นมาตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมตั้งนาน ถึงจะไร้สามัญสำนึกแต่ข้างในก็เป็นชายวัยกลางคน อย่างน้อยรู้ว่าไม่ควรออกจากที่ประชุมกลางคัน ไม่อยากเป็นเหมือนเด็กที่โผล่ง  ‘อาจารย์ ส้วม*’ ออกมาต่อหน้าทุกคน

 

   ที่เก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้ก็ใกล้จะราดเต็มที โชคดีที่เธอยังจำทางลัดในป่าแห่งนี้ได้ จึงหวังจะทำธุระส่วนตัวในมุมที่คุ้นเคย และแล้ว เซเลนก็มุดเข้าไปในพุ่มไม้แห่งหนึ่ง

 

“เฮ้อ เกือบไปแล้ว”

 

   ชุดที่ใส่อยู่ ทั้งหนาและหนัก เซเลนปลดออกทีละส่วนอย่างยากลำบาก และทันฉิวเฉียดในวินาทีสุดท้าย

  นี่คืออีกเหตุผลที่เธอไม่ชอบสวมใส่ชุดทางการ ดูอย่างราชินีที่ต้องใส่ชุดแบบนี้ตลอดทั้งวันแล้วรู้สึกสงสาร หลังจากจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย เซเลนเดินลึกเข้าไปในป่า

 

   ในเมื่อมีโอกาสเข้ามาที่นี่ จึงอยากแวะไปดูสวรรค์ดั้งเดิมที่เคยแอบมาปลูกไว้ เมื่อมาถึงก็พบว่าต้นไม้ดอกไม้เติบโตขึ้นมามากกว่าสมัยก่อน แม้ส่วนใหญ่เป็นวัชพืช แต่เพราะเซเลนลงมือปลูกโดยไม่มีความรู้ เธอจึงไม่สนว่ามันจะออกมาเป็นต้นอะไร

 

“ตรงนี้”

 

   จากนั้น เซเลนจุ่มมือลงในแอ่งน้ำที่อยู่ติดกับสวรรค์ ผิวน้ำที่สงบนิ่งสั่นไหวเป็นระลอกคลื่น

  จริงๆแล้วก็รู้ว่าควรจะล้างมือหลังออกจากห้องน้ำทันทีที่ทำธุระเสร็จ แต่ตอนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีน้ำ ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่ก็ทนมาจนถึงตรงนี้

   เนื่องจากเซเลนไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้าติดตัว หลังจากล้างมือเสร็จ ก็ยกมือขึ้นมาถูกัน

 

“อธิษฐานอะไรขนาดนั้นกันครับ? หรือว่าเป็นบทเพลงอะไรสักอย่าง? คุณภูติแห่งดวงจันทร์ผู้งดงาม… แบบนี้สินะครับ?”

 

   ขณะที่เซเลนกำลังถูมืออย่างแรง ก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากด้านหลัง

   เมื่อหันไปมองก็พบกับมิลาน ศัตรูคู่อาฆาตได้ตามมาถึงตรงนี้

 

“น่าคิดถึงจริงๆนะครับ ครั้งหนึ่งผมเคยพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้ง่ายๆ”

 

   สมัยที่เขาเริ่มออกเดินทาง มิลานไม่อยากเสียมารยาท จึงพยายามพูดจาอ่อนหวานกับสุภาพสตรีที่พบเจอเป็นประจำ เมื่อคิดแล้วก็น่าหัวเราะ

   ในตอนนี้ มิลานรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่เห็นเซเลนวิ่งเข้าไปในป่าก็คิดไว้แล้วว่าควรจะตามหาที่ไหน ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่สถานที่แห่งนี้ วงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนด้วยคำเอ่ยทักดังกล่าว

 

“หืม?”

 

   แต่เซเลนได้ลืมประโยคนั้นไปเสียสนิท

 

 

____________________

* อาจารย์ ส้วม / 先生 トイレ / Sensei Toilet

คำพูดของนักเรียนที่พูดสั้นๆย่อๆเกินไป ว่า “อาจารย์ ส้วม” เพื่อขออนุญาตเข้าห้องน้ำระหว่างการสอน มักจะถูกครูล้อกลับไปว่า “อาจารย์ไม่ใช่ส้วม”

 

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset