ตอนที่ 67
สถานที่ที่ได้พบ
“อธิษฐานอะไรขนาดนั้นกันครับ? หรือว่าเป็นบทเพลงอะไรสักอย่าง? คุณภูติแห่งดวงจันทร์ผู้งดงาม… แบบนี้สินะครับ?”
ในตอนที่กำลังล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ เซเลนก็ได้ยินมิลานพูดประโยคแปลกๆอยู่ข้างหลัง
ทำให้เซเลนคิดว่า ไอ้หมอนี่ มาถึงก็พล่ามอะไรของมัน
ที่แห่งนี้คือสวรรค์ดั้งเดิมในสวนป่าด้านหลังปราสาทภายในพื้นที่พระราชวังอาร์คุยล่า สำหรับมิลานมันคือสถานที่ในความทรงจำของวันที่วงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุน แต่สำหรับเซเลน มันคือวงล้อหัวรถจักรเบรกแตกที่ลากความซวยมามอบให้ต่อเนื่องไม่รู้จบ
และที่สำคัญ ภาพเหตุการณ์การพบพานอันแสนสำคัญของมิลานในวันนั้น ไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของเซเลน
เซเลนผู้ไม่ถูกโรคกับหนุ่มหล่อเพียบพร้อม ในวันที่ได้เห็นมิลานเป็นครั้งแรก ก็รีบวิ่งหนีในทันทีโดยไม่ต้องคิด ราวกับได้พบศัตรูตามธรรมชาติ
“ที่นี่ยังดูเหมือนเดิมเลยนะครับ ไม่สิ ดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนอีก สวนที่จัดโดยมนุษย์ก็ดี แต่ต้นไม้ที่ปล่อยให้โตตามธรรมชาติก็มีความสวยงามในแบบของมันนะครับ”
“งั้นเหรอ?”
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านแมกไม้ หิ่งห้อยมากมายส่องแสงอยู่ทั่วบริเวณ มิลานชื่นชมสภาพแวดล้อมอันงดงาม แต่ก็ไม่ได้เข้าหูเซเลน เธอยังพยายามทำความเข้าใจอยู่ว่า ไอ้เจ้านี่ต้องการอะไรกันแน่ อยู่ดีๆก็บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นแล้วก็เอาแต่พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้อยู่ได้
ทั้งที่จริง พื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวของเซเลน
เซเลนหันหลังให้มิลานและนั่งลงข้างแอ่งน้ำ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตามมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร แต่ถ้าวิ่งหนีด้วยชุดนี้จะทำให้เหนื่อย จึงตัดสินใจอยู่เฉยๆตรงนี้ดีกว่า
“…ผมเข้าไปนั่นข้างๆได้ไหมครับ?”
“…ได้”
จริงๆก็ไม่อยากแต่ขี้เกียจเถียง ถ้าเป็นสาวสวยอย่างอาลัว เซเลนจะขอให้มานั่งข้างๆเองด้วยซ้ำ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งตักพิงหน้าอกนุ่มนิ่มสบายใจ แต่ผู้ชายคนนี้ ทั่งที่อนุญาตให้แล้วยังไม่ขอบคุณอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักว่า คนคนนี้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา แต่ภายในเป็นสัตว์ป่าหื่นกระหาย โดยที่ไม่รู้ตัวว่าความจริงแล้ว สัตว์ป่าหื่นกระหายในรูปร่างภายนอกที่งดงาม คือเซเลนเองมากกว่า แต่เซเลนกลับตันสินมิลานด้วยอคติอยู่ฝ่ายเดียว
คิดในใจว่า ถ้าอีกฝ่ายหงุดหงิดหรือโมโหอะไรมาก็ให้มาระบายกับตนเอง ไม่ว่าจะถูกลงทัณฑ์แบบไหนก็พร้อม ยังดีกว่าให้อาลัวคนสำคัญต้องรับเคราะห์
เซเลนเตรียมใจใช้ตัวเองเป็นโล่ให้อาลัว แม้จะเป็นโล่ที่อ่อนแอก็ตาม
ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ในใจ ภาพที่เห็นในตอนนี้จะมีแต่ ชายหนุ่มกับหญิงสาว งดงามเข้าคู่ นั่งอยู่ริมน้ำภายใต้บรรยากาศเป็นใจ
เซเลนนั่งในท่าชันเข่าและกอดขาตัวเองเพื่อขดตัวให้กลม เหมือนกิ้งกือม้วนตัวเพื่อป้องกันตนเอง โชคร้ายที่เซเลนไม่มีเปลืองแข็ง จึงเท่ากับว่าไม่มีการป้องกันใดๆเลย
ทางฝั่งของมิลาน เมื่อเห็นเซเลนหลบหน้าในท่ากอดเข่าก็ยิ่งทำให้เขาเศร้าใจ
แต่ก็ไม่ได้พยายามก้มมองหรือบอกให้เงยหน้า เพราะเชื่อว่าเซเลนคงไม่อยากให้ใครมาเห็นน้ำตา ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย จากการที่ได้รู้มาว่า แม่ที่ไม่ได้เจอมาตั้งหลายปีก็ยังปฏิเสธเธอ
สายลมในยามค่ำคืนพัดยอดไม้ให้สั่นไหว ประกอบกับเสียงนก เสียงแมลง และเสียงลม ผสมผสานกันลงตัวเป็นบรรยากาศอันเงียบสงบ เซเลนกับมิลานนั่งเคียงข้างกันอยู่พักใหญ่
“ความอ่อนหัดของผม… สร้างปัญหาให้อีกแล้วสินะครับ”
เมื่อเวลาผ่านไป มิลานพูดออกมาเบาๆด้วนท่าทีสำนึกผิด
ก่อนเดินทาง มิลานตั้งใจทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ปรารถนาให้เซเลนมีความสุขยิ่งกว่าใคร ทั้งที่วางแผนรับมือกับอุปสรรค์หลายๆอย่างเอาไว้แล้ว แต่ก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะปิดกั้นหัวใจขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะถูกขนานนามว่าเจ้าหญิงแสงจันทร์ แต่ก็ยังเป็นแค่ลูกสาวตัวน้อยของราชินีไอโรเน่
ถ้าเขาใช้ความรอบคอบให้มากขึ้น เซเลนก็ไม่ต้องถูกทำร้ายจิตใจทันทีที่ได้พบหน้ากัน เรื่องนี้ทำให้มิลานรู้สึกผิดหวังในตัวเองอย่างรุนแรง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซเลน ก็จะยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน ไม่แสดงความเสียใจออกมาให้เธอต้องทุกข์ใจมากไปกว่านี้
“เจ้าชาย ไม่อ่อนหัด”
เซเลนตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
เพียบพร้อมขนาดนี้ ยังจะบ่นอะไรอีก? นี่แกจะโลภมากไปถึงไหน? หรือจะเอาให้เก่งเป็นซุเปอร์ไ○ย่า*เลยใช่ไหม? อย่าบอกนะว่ายังมีขั้นต่อไป ผมสีทองนั่นไม่ใช่ว่าเปลี่ยนเป็นสีฟ้าได้ด้วยหรอกนะ?
เนื่องจากเซเลนสื่อสารไม่แก่งและอ่านบรรยากาศไม่ออก ได้ยินแล้วก็รู้สึกโมโห เพราะเธอรู้ดีว่าเจ้าชายคนนี้เก่งกาจเพียงใด แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ายังเก่งไม่พอ
“ระหว่างที่เซเลนไม่อยู่ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมได้ฝึกฝนเพิ่มเติมหลายๆอย่าง จนสิ่งที่ทำได้มีมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าเป็นเรื่องของจิตใจมนุษย์ ผมก็ยังทำความเข้าใจไม่ได้อยู่ดี”
มิลานพูดอยู่คนเดียวเหมือนบ่นให้ตัวเองฟัง เซเลนที่ฟังอยู่ข้างๆยังไม่มีการเคลื่อนไหว
เธอคิดอยู่อย่างเดียวว่า ขอให้จบเรื่องเร็วๆ จะได้กลับกันเสียที
“แต่ผมยังยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้ มันคือความตั้งใจของผม เพราะฉะนั้น ผมจะทำให้ราชินีไอโรเน่ยอมรับให้ได้”
“พยายามแล้ว”
“เอ๋?”
ในที่สุด เซเลนก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีแดงของเธอปราศจากคราบน้ำตา อันที่จริง เธอก็ไม่ได้ร้องไห้ตั้งแต่แรก การที่ไม่มีน้ำตาก็ถูกต้องอยู่แล้ว
“เจ้าชาย ทำได้ดี พอแล้ว กลับเถอะ”
“เซเลน…”
ในเมื่อทำได้ดีถึงขนาดนี้แล้วก็พอแค่นี้เถอะ กลับบ้านไปซะ
เซเลนต้องการออกประเทศนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนเรื่องงานแต่งงานของพี่สาวจะมีความคืบหน้า ยิ่งงานแต่งล่มไปเลยก็ยิ่งดี เพราะฉะนั้นถึงบอกให้พอ
แต่มิลานไม่ได้คิดเช่นนั้น
จากที่เห็น เชื่อว่าเซเลนต้องร้องไห้อยู่แน่ อย่างน้อย ในใจของเธอก็เป็นเช่นนั้นแน่
และเธอก็ไม่ได้กล่าวโทษเขาที่ไม่มีความละเอียดอ่อน ซ้ำยังบอกว่า ‘เจ้าชายพยายามทำได้ดีที่สุดแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอ กลับไปหาทุกคนกันเถอะ’ แม้จะเจอเรื่องร้ายๆมา จิตใจของเธอก็ยังเข้มแข็ง น่าชื่นชม
“ขอบคุณครับ… ได้ยินเธอให้กำลังใจแบบนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
“ให้กำลังใจ ไม่ใช่”
“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วง”
“เข้าใจ ก็ดี”
เซเลนยิ้มแย้มขึ้นมาทันที ทำให้อีกฝ่ายยอมถอยได้สำเร็จ ทางด้านของมิลาน ได้เห็นสีหน้าอันสดใสของเธอแล้วก็รู้สึกโล่งใจ เพื่อความสุขของเธอผู้นี้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามอีกมากแค่ไหนก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ ในตอนนี้ มิลานมีใจสู้อยู่เต็มเปี่ยม
“ถ้างั้นก็ กลับไปหาทุกคนกันเถอะครับ เพราะวิ่งออกมากะทันหัน เจ้าหญิงอาลัวคงกำลังเป็นห่วงอยู่แน่”
“อือ”
ครั้งนี้ เซเลนยอมทำตามคำพูดของมิลานโดยง่าย แต่ก็เพราะได้ยินว่าอาลัวกำลังเป็นห่วง ไม่เกี่ยวกับมิลานแม้แต่น้อย
มิลานยื่นมือไปหาเซเลน แต่เซเลนก็ไม่ได้จับไว้และเดินนำออกไปจากป่าอย่างรวดเร็ว มิลานยิ้มออกมาเล็กน้อยและเดินตามหลังเธอราวกับเป็นองครักษ์ของเซเลน
“ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปรกติแล้วล่ะ”
“หมดห่วงไปอีกเรื่องแล้วเจ้าค่ะ…”
มารีกับฮิโนเอะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากที่รอคอยมาตลอดตั้งแต่เซเลนแยกตัวออกไป
พวกเขาเป็นห่วงเซเลนจนไม่อาจทนรออยู่เฉยๆได้อีกต่อไป จึงได้ตามเข้ามาในป่า แอบดูอยู่ห่างๆ แม้แต่คุมะฮาจิที่เป็นคนคุ้มกันก็ยังต้องตามมาด้วย
“ขอบคุณที่ช่วยนำทางนะ”
มารีพูดกับหนูตัวหนึ่งที่ผูกริบบินสีแดงไว้รอบคอ ที่ตามมาที่นี้ได้ก็เพราะมีหนูตัวนี้ช่วยนำทาง ซึ่งก็คือบัตเลอร์นั่นเอง
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในป่า หนูตัวนี้ก็โผล่ออกมาให้มารีและคนอื่นๆเห็น และพาทุกคนมาจนถึงตรงนี้
บัตเลอร์ส่งเสียงร้องราวกับต้องการบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ และวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้ อาจจะไปรวมตัวกับเจ้านาย เซเลน ที่หลัง
“ดูเหมือนท่านเซเลนจะรักเจ้าชายมิลานมากเลยนะเจ้าคะ…”
“ใช่แล้ว คนสำคัญของเซเลนเลยล่ะ”
หลังจากมิลานและเซเลนเดินกลับไป ฮิโนเอะกับมารีก็เลิกซ่อนตัวและพูดคุยกัน แน่นอนว่าเห็นฉากรักโรแมนติกที่ทั้งสองนั่งข้างกัน มองหน้ากัน ภายใต้บรรยากาศอันงดงาม… เป็นฉากรักอันหวานชื่นระหว่าชายหญิง ที่ทุกคนเห็นแล้วรู้สึกหลงใหล
มารีกับฮิโนเอะก็เริ่มเข้าสู่วัยที่จะสนใจความรักกันแล้ว จึงชื่นชอบฉากความรักอันสวยงามระหว่างชายหนุ่มผู้หล่อเหลากับหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้
“ได้เห็นก็เข้าใจแล้วว่า หัวใจที่เจ็บปวดของท่านเซเลนควรถูกเยียวยาโดยสุภาพบุรุษที่เหมาะสมเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ฮิโนเอะเองก็มีคาเงะโทระเหมือนกันนี่นา เหลือฉันคนเดียวที่ยังไม่มีคนสำคัญ!”
“กับข้าน้อยไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นเจ้าค่ะ! ท่านคาเงะโทระเป็นเจ้านายของข้าน้อย… ไม่บังอาจคิดเกินเลย…”
“ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ ไม่มีเจ้านายคนไหนลงทุนลงแรงเพื่อลูกน้องเพียงคนเดียวขนาดนี้หรอก”
“เห็นเป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเองก็อยากมีคนสำคัญแบบนั้นบ้างนะ”
“ช่วงเวลาของพวกท่านต้องมาถึงแน่นอนขอรับ แต่ตอนนี้ หากแขกต่างเมืองหายตัวไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบ จะทำให้อาร์คุยล่าเดือดร้อน รีบกลับไปกันก่อนที่จะมีคนออกตามหากันดีกว่าขอรับ”
บทสนทนาระหว่างมารีกับฮิโนเอะเริ่มไปในทิศทางแปลกๆจนคุมาฮาจิเริ่มลำบากใจและรีบตัดจบแต่เพียงเท่านี้ เมื่อทุกคนเห็นพ้อง มารี ฮิโนเอะ และคุมะฮาจิก็เดินตามกันออกจากป่า
เมื่อมารีและคนอื่นๆออกมาถึงลานกว้างทางเดิน เซเลนก็พุ่งเข้าไปกอดอาลัวแน่นจนใบหน้าจมลงในหน้าอก มิลานยังคงเฝ้าดูเธออยู่ข้างๆ
“สำหรับท่านเซเลน คงรู้สึกว่าท่านอาลัวเป็นแม่มากกกว่านะเจ้าคะ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร พี่สาวก็คือพี่สาวอยู่ดี”
มารีและคนอื่นๆไม่มีทางรู้เลยว่า สำหรับเซเลนแล้ว เห็นอาลัวเป็นมากกว่าทั้งแม่และพี่สาว แต่ตามที่ตาเห็น เซเลนแสดงความผูกพันต่ออาลัวไม่ต่างกับความรักที่มีต่อแม่
“มาวางแผนกันใหม่ดีกว่าครับ ต้องมีสักทางที่ทำให้ราชินีไอโรเน่จะยอมรับเซเลนได้”
“เอาสิ! ให้หนูช่วยด้วยนะ!”
เป้าหมายสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ คือเพื่อให้ราชินีไอโรเน่กับเซเลนคืนดีกันให้ได้ แม้จะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด แต่มารีก็จะพยายามเต็มทีร่วมกับคนอื่นๆ ไม่ว่าใครก็ตั้งเป้าไปทีเรื่องเดียวกัน
จะปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ ต้องคิดให้มากกว่านี้ สุดท้ายแล้วเซเลนต้องได้รับความรักจากแม่ที่แท้จริงของเธอ
แม้แต่คุมะฮาจิยังพยักหน้าอยู่เงียบๆ
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ยกเว้นเซเลน ตั้งใจจะอยู่ต่อที่อาร์คุยล่านานเท่าที่จำเป็น ไม่ว่าจะล้มเหลวอีกสักกี่ครั้งก็จะพยายามให้มากขึ้นกว่าครั้งก่อน ดังนั้น เซเลนจึงเป็นคนเดียวที่อยากจะให้ทุกคนรีบกลับให้เร็วที่สุด
____________________
* ซุเปอร์ไซย่า (超サイヤ人) จากเรื่อง Dragon Ball เบ่งพลังได้หลายขั้น ขั้นที่ห้าผมเปลี่ยนเป็นสีฟ้า (ยังไม่สุดท้าย)