[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 59.51

ตอนพิเศษ 01

อันตรายคืบคลาน

 

 

“ยังอีก ยังอีก…!”

 

   ในห้องหนึ่งในปราสาทเฮลิฟาลเต้ เซเลนเดินวนรอบๆห้อง ท่าทางดูกระวนกระวาย

 

   ข่าวลือเรื่องปาฏิหาริย์การคืนชีพของเซเลน ถูกบอกต่อจากสุสานนักบุญเซเลน แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปภายในเวลาอันสั่น

   เซเลนถูกพาตัวกลับมายังเมืองหลวงของเฮลิฟาลเต้อีกครั้ง ในห้องเดิมของเธอที่สภาพเหมือนกับเมื่อสองปีที่แล้ว

 

  จากตำนานเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ขับไล่ความชั่วร้ายเมื่อสองปีก่อน กับรูปโฉมอันงดงามที่ผู้คนล่ำลือ ทำให้มีคนมากมายมาขอเข้าพบ และเรียกร้องให้แสดงตัวสู่สาธารณะ แต่กษัตริย์ชวานก็ได้ปฏิเสธลงไปทั้งหมด

 

“ในเมื่อไม่รู้ว่าเด็กคนนี้คืนชีพมาได้อย่างไร ก็ตัดสินใจผลีผลามไม่ได้”

 

   …เหตุผลของชวานนั้นง่ายดาย เพราะคืนชีพขึ้นมากะทันหัน ก็อาจเสียชีวิตกะทันหันอีกครั้งได้เช่นเดียวกัน และที่สำคัญ ร่างกายของเซเลนอยู่ในสภาพจำศีลมานานกว่าสองปี จะมีปัญหาด้านสุขภาพมากแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ จึงต้องหลีกเลี่ยงการแสดงตัวให้มากที่สุด

 

   จึงมีความเห็นตรงกันว่า ควรให้เวลาเซเลนปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมปัจจุบันสักระยะหนึ่ง และหลังจากที่ติดตามดูอาการจนแน่ใจแล้วว่าไม่พบสิ่งผิดปรกติ ก็ให้อิสระได้เหมือนเดิม อาจเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่ก็จำเป็น คล้ายกับกรณีที่สวนสัตว์ไม่ปล่อยหมีแพนด้าออกมาให้ผู้ชมได้เห็นเพราะมีแนวโน้มว่ามันอาจจะป่วยอยู่

 

   ถึงอย่างนั้น ความจริงแล้วเซเลนใช้ชีวิตตามปรกติ มีสุขภาพดี อยู่ที่ยอดเขามังกร ไม่จำเป็นต้องได้รับการพยาบาล

   เดิมทีเซเลนก็เป็นคนชอบเก็บตัว รักสันโดษ จึงรับข้อเสนอโดยไม่ต้องคิด เพราะวิธีการนี้มีแต่ประโยชน์สำหรับเธอ

 

   เพียงแค่สามวัน เซเลนก็ประสบความสำเร็จในการปรับตัว เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นนอนกลางวันตื่นกลางคืน การใช้ชีวิตแบบมนุษย์กลางวันตลอดสองปีที่ผ่านมาเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันที่จริง ควรเรียกว่าล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ

 

  แต่เซเลนที่ควรนอนอยู่ตอนนี้ก็ได้ตื่นอยู่ในตอนกลางวันด้วยตัวเอง นั่นก็เพราะวันนี้มีเหตุการณ์ที่พลาดไม่ได้

 

   ―และแล้วก็ได้เวลา

 

  มีเสียงเคาะประตูเบาๆอยู่หน้าห้อง เพราะรอเวลานี้มานานราวกับสัตว์นักล่ารอโอกาสตะครุบเหยื่อ เซเลนเปิดประตูออกไปทันทีโดยไม่พูดตอบรับ 

 

“ท่านพี่!”

“เซเลนจริงๆด้วย! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!”

 

   หน้าห้องมีสาวใช้ที่พาแขกผู้หนึ่งมาเข้าพบ ซึ่งคนที่ถูกพามาก็คือ อาลัว พี่สาวสุดที่รักของเซเลน

 

“ท่านพี่! คิดถึง ที่สุด!”

“เหมือนกันเลย แต่ที่มาวันนี้เป็นความลับ จะบอกใครไม่ได้นะคะ”

 

  อาลัวพูดขณะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากและขยิบตาให้

 

   ข่าวการกลับมาของเซเลน ได้ยินถึงหูอาลัวมาตั้งนานแล้ว แต่ฐานะของอาลัวในเฮลิฟาลเต้นั้นเป็นเพียงนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ การขอเข้าพบบุคคลสำคัญที่อยู่ภายในพระราชวังเฮลิฟาลเต้อย่างเซเลน จึงไม่สามารถทำได้

 

  คนที่จัดการในเรื่องนี้ให้คือมิลาน ที่เชิญอาลัวมาอย่างลับๆ ให้สองพี่น้องได้พบหน้ากันในรอบสองปี เป็นฉากที่น่าประทับใจจนทั้งเซเลนและอาลัวหลั่งน้ำตาออกมา สาวใช้ที่คอยเฝ้ารับรองแขกอยู่ข้างๆเห็นแล้วก็ตื้นตันจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเช่นเดียวกัน

 

  เพราะไม่อยากรบกวนบรรยากาศของทั้งสอง สาวใช้จึงออกไปรออยู่หน้าห้องและปิดประตูอย่างเงียบๆ ในห้องนี้เหลือเพียงเซเลนกับอาลัว

 

“ดีใจจริงๆ… ที่ได้เจออีกครั้ง พี่สาวคนนี้มีความสุขที่สุด…”

“ทางนี้ เหมือนกัน…”

 

   จากนั้น เซเลนเข้าไปกอดอาลัว เนื่องจากความสูงที่ต่างกัน ทำให้ใบหน้าของเซเลนตรงกับหน้าอกของอาลัวพอดี แต่ต่อทั้งสองมีความสูงเท่ากัน เซเลนก็จะกอดอาลัวที่ตำแหน่งนี้อยู่ดี

 

“ท่านพี่ โตขึ้น”

“เซเลนก็เหมือนกัน สวยขึ้นเยอะเลยนะ ถึงตอนผมสั้นก็ดูเหมาะ แต่พี่ก็ชอบเธอที่ผมยาวมากกว่าอยู่ดี”

 

   อาลัวเอามือสางผมของเซเลนเบาๆ ความงดงามดุจเทพธิดา กับเส้นผมนุ่มลื่นของเซเลนที่ผ่านมาสองปีได้ถูกไว้ยาวถึงกลางหลัง ทุกเส้นเงางามเหมือนสายพิณ

 

   แต่คำชมเหล่านั้นส่งไปไม่ถึงเซเลน เพราะหน้าอกของอาลัวมีคุณภาพและปริมาณที่สูงขึ้น ได้ดึงความสนใจของเซเลนไปจนหมด

 

“ถ้ารู้ว่าเซเลนแข็งแรงดี ทุกคนต้องดีใจแน่ ก่อนหน้านี้เจ้าชายมิลานก็มาพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ”

“เจ้าชาย?… อ๊า!?”

 

   หลังจากที่พูดถึง ‘เจ้าชายมิลาน’ เซเลนก็มีท่าทีแปลกไป แม้แต่อาลัวก็ไม่เข้าใจว่าเซเลนคิดอะไรอยู่

 

“มีอะไรหรือเปล่าคะ? อยู่ดีๆก็พูดออกมาเสียงดัง”

“ท่านพี่! รอเดี๋ยว จะไปคุย ให้รู้เรื่อง!”

“มีธุระเหรอ?”

 

  เซเลนรีบร้อนออกจากห้องไปก่อนที่จะได้ตอบอาลัว เซเลนที่ปรกติจะทำตัวเฉื่อยแฉะเหมือนตัวสลอธ ตอนนี้วิ่งด้วยความเร็วสูง —หรือเรียกให้ถูกต้องว่า ความเร็วสูงสำหรับเซเลน

 

“อ้าว? เซเลน ฉันกำลังจะไปหาอยู่พอดี ทำไมถึงออกมาแถวนี้ล่ะ?”

“ม-มารี!?”

 

   ระหว่างที่เซเลนวิ่งไปตามทางเดินอย่างเหน็ดเหนื่อยก็ได้พบกับเด็กสาวในชุดสีแดงสด มารีในตอนนี้ตัดผมสั้นเหมือนกับเซเลนในสมัยก่อน ดูเหมือนเธอจะชินกับทรงผมนี้แล้ว

   ในถาดที่มารีถืออยู่ มีชุดถ้วยชากับชามคุกกี้อบใหม่ๆ

 

“ไม่ใช่ว่าวันนี้ท่านพี่อาลัวมาเข้าพบเธออย่างไม่เป็นทางการอยู่หรอกเหรอ? ฉันก็กำลังจะไปนั่งดื่มชาคุยกันสามคนอยู่นี่ไง”

 

   มารียิ้มอย่างร่าเริง ช่วงนี้มารีมักจะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา คนที่ร่าเริงที่สุดจากการกลับมาของเซเลนก็น่าจะเป็นเธอคนนี้ การที่ลงมือเตรียมของว่างเหล่านี้ด้วยตัวเองอยู่ตอนนี้คือหลักฐาน

 

   ทีแรก อาลัวกับมารีไม่ค่อยมั่นใจที่จะจัดงานเลี้ยงน้ำชาในครั้งนี้ แต่เซเลนก็ได้ระดมข้ออ้างทั้งหมดเพื่อสนับสนุนจนได้รับการอนุมัติ แต่ตอนนี้เซเลนมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ 

 

“มารี! เจ้าชาย!? อยู่ไหม!?”

“เอ๋ ท่านพี่เหรอ? ก็น่าจะอยู่ในห้องแหละ…”

“ขอบคุณ!”

“อ-อือ…?”

 

   บทสนทนาจบลงในทันที เซเลนวิ่งจากไป เหลือไว้เพียงมารีที่ยังถือถาดของว่างด้วยสีหน้าที่งุนงง

 

“แฮ่ก… แฮ่ก… ยังหรอก…”

 

   โครงสร้างภายในปราสาทเฮลิฟาลเต้นั้น ไม่ซับซ้อน แต่ก็ใหญ่โตกว้างขวางจนเทียบได้กับป้อมปราการ เซเลนผู้อ่อนเอแค่เดินยังเหนื่อยแต่กลับต้องมาวิ่ง เพราะเรื่องที่จะถามเจ้าชาย สำคัญยิ่งกว่าความยากลำบากนี้

 

“เจ้าชาย!”

 

   ในที่สุดก็ถึงรังของศัตรู เซเลนหายใจเข้าลึกๆและผลักประตูเข้าไปข้างใน ทั้งที่จริง ต่อให้ไม่ใช่ห้องของเจ้าชายก็น่าจะเคาะตามมารยาท และมิลานก็อยู่ที่นี่ตามที่มารีบอกไว้ กำลังทำงานเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง

 

“หึม? เซเลนนี่นา? ตอนนี้น่าจะอยู่กับเจ้าหญิงอาลัวที่ห้องไม่ใช่เหรอครับ?”

 

   การที่ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง สร้างความประหลาดใจให้มิลานได้บ้าง แต่เมื่อหันไปเห็นเซเลน เขาก็คลายระวังและสงสัยว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่ในตอนนี้

 

“เจ้าชาย ตอบมา!”

“อยากรู้เรื่องอะไรหรือครับ?”

 

  เซเลนเดินหน้าเข้าไปในห้องของเจ้าชายเพื่อไปจ้องตาให้ใกล้ที่สุด ทั้งที่มีเจตนาข่มขู่แต่ก็ไม่รู้สึกน่ากลัวแม้แต่น้อย ทางด้านมิลานเอง นอกจากความสงสัยก็ไม่มีปฏิกิริยาอื่น แม้เซเลนจะส่งสายตาข่มขู่ออกไปเต็มที่ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

 

“เอ่ เซเลนครับ หน้า ใกล้ไปแล้ว…”

“ไม่เป็นไร! ตอบมา!”

 

   เข้ามากดดันทั้งๆที่ไม่ให้ความรู้สึกคุกคาม มิลานเห็นแล้วก็อยากจะหัวเราะ แต่ก็ตั้งใจว่าจะตอบคำถามของเซเลนอยู่แล้ว

 

“เจ้าชาย กับท่านพี่ ขั้นไหน?”

“ขั้นไหน? …เอ่อ ขั้นไหนของอะไรหรือครับ? หรือว่าหมายถึงความสัมพันธ์อะไรทำนองนี้?”

“ใช่!”

 

   เซเลนจ้องตามิลาน หากทำแบบนี้กับคนอื่นในชีวิตก่อนก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกระอักกระอ่วนได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ ถึงจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แค่ไหนก็ไม่ทำให้รู้สึกกดดันได้เลย

 

“กับเจ้าหญิงอาลัว ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ อันที่จริง ผมเองก็เพิ่งกลับมาประเทศนี้เมื่อเร็วๆนี้เองครับ”

“แน่นะ?”

“ถ้าไม่เชื่อ จะให้ท่านพ่อ ท่านแม่หรือมารี ช่วยยืนยันก็ได้ครับ”

“สาบาน?”

“สาบานครับ”

 

   มิลานตอบออกไปตรงๆ ด้วยรอยยิ้มที่ดูงงๆ ดูเหมือนเซเลนอยากจะพูดอะไรต่อแต่ก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

 

  จากนั้นเซเลนก็ไปขอเข้าพบราชาชวานกับราชินีไอบิส เพื่อยืนยันคำตอบให้ตรงกับมิลาน และยังถามอย่างหวาดระแวงอีกว่ามิลานดูสนิทสนมกับอาลัวมากแค่ไหน

   เมื่อพยานให้การตรงกัน เซเลนจึงตัดสินให้จำเลย มิลาน พ้นข้อกล่าวหา และกลับห้องไปอย่างสบายใจ โดยที่มีอาลัวและมารีรอเธออยู่

 

  งานเลี้ยงน้ำชาของสามสาว(หนึ่งชายวัยกลางคน) ก็ได้เริ่มขึ้นตามที่นัดหมายกันไว้ เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานได้ยินถึงหน้าห้อง และวันวันในเฮลิฟาลเต้ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

 

 

   ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆

 

 

“เพราะอยู่ดีๆเซเลนก็มาถามอะไรแปลกๆ ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ…”

 

   ในเวลาเดียวกัน มิลานเข้ามาขอคำปรึกษากับชวานและไอบิส เพราะก่อนหน้านี้ เขาทำงานเอกสารอยู่ในห้องแล้วเซเลนก็บุกเข้ามาถามเรื่องเกี่ยวกับอาลัว พอให้คำตอบไปแล้ว เธอก็จากไปทันที เป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ยากเกินเข้าใจ

 

“มิลานนะมิลาน ทั้งที่เติบโตมากกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ก็ดูเหมือนยังโตไม่พออยู่ดี”

 

   ไอบิสหัวเราะให้กับมิลานที่ซื่อผิดคาด

 

“ยังไงครับ?”

“เจ้าเองก็ยังหนุ่มยังแน่น น่าจะอยู่ในวัยที่เข้าใจเรื่องความรักได้แล้ว”

“เรื่อง ความรัก!”

 

   ชวานถอนหายใจและตอบคำถามต่อจากไอบิส

 

“เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยซ้ำ กับคนที่ยอมตายเพื่อแกได้อย่างเซเลน นั่นแหละ คือความรักที่เด็กคนนั้นมีให้กับแก”

“เรื่องนั้น ผมก็เข้าใจดีครับ… เพราะเซเลนเอาชีวิตเข้าแลก ผมจึงยังปลอดภัยอยู่ได้”

“สำหรับเซเลนแล้ว ถ้าคนที่รักยิ่งกว่าชีวิตตน ไปมอบความรักให้คนอื่นล่ะ คิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร?”

“นั่นมัน…”

 

  เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางที่มิลานจะไม่เข้าใจ

 

“หมายความว่า เซเลนกำลังหึงหวงผมอยู่สินะครับ?”

“การที่อยู่ดีๆก็มาคาดคั้นขอคำตอบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแกกับเจ้าหญิงอาลัว มันไม่มีเหตุผลอื่นหรอก”

 

   แน่นอนว่าคนที่ถูกหึงเป็นอีกคน เซเลนต้องการถามให้แน่ใจว่ามิลานไม่ได้ฉวยโอกาสล่วงเกินอาลัว เพราะได้พบกับอาลัวเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนาน เซเลนจึงคึกคะนองจนบุกเข้าไปหา

 

   ในตอนที่ได้พบกัน เห็นได้ชัดเลยว่าอาลัวมีความงดงามมากขึ้น ทำให้เธอคิดขึ้นมาได้ว่า คนอย่างมิลานจะยอมอยู่เฉยๆจริงหรือ จึงต้องการคำยืนยันให้แน่ใจ เพราะสมองของเซเลนเองก็เชื่องช้าพอๆกับร่างกาย

 

   หรือก็คือ แม้จะใจร้อนขนาดต้องไปลงมือสอบสวนด้วยตัวเองในทันทีทันใด จนได้คำตอบที่ทำให้เซเลนรู้สึกโล่งใจ แต่ในอีกมุมหนึ่ง การที่เพิ่งจะฉุกคิดได้เอาป่านนี้ มันก็สายเกินกว่าที่จะทำอะไรได้แล้ว ครั้งนี้ยังโชคดีที่มีพยานช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของมิลาน

 

“มิลานเอ๋ย สักวันหนึ่งแกจะต้องปกครองประเทศ การที่แกจะทำได้อย่างมั่นคง ต้องชนะใจประชาชน ต้องเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย และความรู้สึกของผู้คนคือสิ่งละเอียดอ่อนที่แกจะมองข้ามไม่ได้”

“…เข้าใจแล้วครับ เพราะเซเลนเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้ ทำให้ผมรู้สึกกับเธอเหมือนเป็นผู้มีพระคุณ”

 

   แม้ในความจริง เธอมาลอบโจมตี  ไม่ได้มาช่วย แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขารอดมาได้

 

“ถ้าอย่างนั้น มิลาน ทำไมลูกไม่ลองมองเซเลนในฐานะผู้หญิงดูล่ะจ๊ะ? หัวใจของสาวน้อยน่ะ อ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มากเลยล่ะ รู้ไหม?”

“เธอเพิ่งจะสิบขวบเองนะครับ!?”

“ก็แค่ตอนนี้ อีกไม่กี่ปีก็โตมาเป็นผู้หญิงที่ดีแล้ว ลูกเองก็ต้องเติบโตให้ไม่น้อยหน้าเจ้าหญิงแสงจันทร์คนนั้นด้วยล่ะ ทำได้ใช่ไหม?”

“…แน่นอนครับ ผมจะจำให้ขึ้นใจ”

 

   หลังจากได้พ่อและแม่ช่วยสั่งสอนอย่างอ่อนโยน มิลานกลับออกมานอกห้องและเงยหน้ามองเพดาน

 

“นั่นสินะ อีกไม่กี่ไปเซเลนก็จะถึงวัยที่ออกเรือนได้แล้ว…”

 

   มิลานคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง เซเลนจะเป็นดอกไม้งามที่บานสะพรั่ง หากถึงเวลานั้น คนที่เธอควงแขนกลับเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา คิดแล้วก็รู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก

 

“หัวใจของสาวน้อย สินะ ผมเองก็ต้องเรียนรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”

 

   มิลานยิ้มออกมาจางๆและกลับไปที่ห้องของตัวเอง ด้วยเหตุผลบางอย่าง สีหน้าของเขาหนักแน่นจริงจังราวกับจะออกรบ

 

 

   ◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆

 

 

“อุหวา!?”

“อะไรของเธอน่ะ? ชาร้อนไปเหรอ?”

“เปล่า ขนลุก…”

“ไม่สบายหรือเปล่าคะ? เดี๋ยวพี่ไปขอยาให้เอาไหม?”

“ไม่เป็นไร ล่ะมั้ง…”

 

   ขณะที่มิลานตัดสินใจอยู่อีกที่หนึ่ง เซเลนรู้สึกเย็นวูบขึ้นมา เหมือนสัญชาตญาณของเธอรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา แต่ก็กลับเป็นปรกติในเวลาไม่นาน

 

“(อาจจะเป็น ที่อากาศ…)”

 

   สุดท้ายแล้ว เซเลนก็ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า คุกกี้อบใหม่ๆ กับสาวสวยข้างกาย อาลัวและมารี เซเลนใช้เวลาในตอนนี้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่านาฬิกาแห่งโชคชะตาอันน่าสยดสยองได้เริ่มนับถอยหลังแล้ว

 

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset