“อะไรกัน เห็นข้าพเจ้าแบบนี้แต่จากการที่ต้องเป็นผู้ดูแลขององค์ชายมิราโนะทำให้รู้จักทวีปนี้ดีขอรับ สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆที่ถูกต้องแม่นยำได้สนุกยิ่งกว่าพวกนักภูมิศาสตร์มากทฤษฎีตรงนั้นเยอะนะขอรับ”
คุมะฮาจิพูดติดตลก แล้วก็หยิบแผนที่เก่าๆออกมาจากบริเวณอกเอามากางบนพื้นหญ้า แผนที่นั้นดูจะเป็นแบบที่ใช้กันอยู่ เทียบกับแผนที่ที่เซเลเน่เห็นในหนังสือภาพแล้วมีความละเอียดเยอะกว่ามาก จากที่มีเขียนข้อความพวก[ประเทศนี้หญิงแจ่มเยอะ]หรือ[เหล้าห่วยแตก]ไปทั่ว แสดงว่าจริงๆแล้วน่าจะเอาไว้ใช้ดูข้อมูลอย่างอื่นมากกว่า
คุมะฮาจินั่งไขว่ห้างลงแล้วกางแผนที่ขนาดใหญ่ออก สำหรับคนตัวใหญ่อย่างคุมะฮาจิแล้วแค่ชี้นิ้วก็ไปถึงอีกฝั่งแล้ว แต่สำหรับคนตัวเล็กอย่างเซเลเน่จำเป็นต้องยกตัวขึ้นไปถึงจะมองแผนที่ได้ สำหรับเซเลเน่ที่เคยแค่เห็นแผนที่รอบๆอาร์คุยล่านั้นการได้เห็นแผนที่ทั้งทวีปจากมุมบนนั้นถือเป็นครั้งแรก พอได้เห็นรูปร่างแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าทวีปใหญ่นี้รูปร่างเหมือนกับทวีปออสเตรเลีย
“เอาล่ะควรจะเริ่มพูดให้ท่านเซเลเน่จากส่วนไหนดีนะ…เอาเถอะ พูดจากส่วนพื้นฐานล่ะกัน เริ่มจากประเทศที่ท่านเซเลเน่อาศัยอยู่ราชอาณาจักรอาร์คุยล่าขอรับ”
“อืม”
จุดที่คุมะฮาจิชี้ไปคือส่วนล่างสุดของทวีป ประเทศเล็กจนจะเรียกว่าประเทศได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ประเทศเกิดของเซเลเน่ อาร์คุยล่านั่นเอง
“แล้วก็ประเทศที่พวกข้าพเจ้ากำลังมุ่งไปก็คือราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ขอรับ อย่างที่เห็นเป็นประเทศที่ใหญที่สุดในทวีปแห่งนี้ขอรับ”
แล้วคุมะฮาจิก็ลากนิ้วจากอาร์คุยล่าไปทางขวาบน–ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วเซเลเน่ก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย ถึงจะเคยได้ยินว่าเฮริฟาลเต้จะเป็นประเทศที่ใหญ่มาก แต่พอได้เห็นแผนที่จริงๆแล้วมันใหญ่แบบเวอร์ๆมาก
เพียงแค่ราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว แล้วพื้นที่ส่วนที่เหลือรวมอาร์คุยล่าแล้วก็แบ่งเป็นประเทศต่างๆ ถึงจะเตรียมใจทำล่ายประเทศสักประเทศแล้วแต่นี่มันเป็นเป้าหมวยที่ใหญ่เกินไป เวเลเน่ได้แต่กุมหัวในใจว่าจะเอายังไงดี
ขณะที่มองหาเงื่อนงำสักอย่างสู่แผนการ เซเลเน่ก็เห็นจุดแปลกๆ ถึงแม้ว่าจะจรืงที่ราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้จะเป็นประเทศที่ใหญ่ แต่ว่าส่วนเหนือของทวีปครึ่งหนึ่งนั้นถูกปกคุลมไปด้วยป่าสีขาวไม่ได้บอกชัดเจนว่าเป็นของประเทศไหน
แล้วขึ้นทางเหนือไปอีก ก็ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าเป็นป่า เขียนเพียงแค่เขียนว่าเป็นรูปภูเขาหินอย่างลวกๆ หรือก็คือพื้นที่ทางด้านเหนือของทวีปนั้นแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย
“ขึ้นไปข้างบน ขาว”
“ตามที่เห็น ท่านเซเลเน่ไม่เคยได้เห็นทั้งทวีปแบบนี้สินะขอรับ งั้นมาเริ่มอธิบายไปทีละส่วนกัน”
“สอนภูมิศาสตร์ให้เซเลเน่อยู่เหรอ?”
ขณะที่เซเลเน่กับคุมะฮาจินั่งตรงข้ามกัน อยู่ๆมิราโนะที่อยู่กับพวกผู้ติดตามคนอื่นมาตลอดก็มายืนอยู่ข้างๆเซเลเน่ ข้างหลังก็มีคนรับใช้หนึ่งคนถือหม้อใบใหญ่ติดตามมาด้วย ดูเหมือนว่าอาหารกลางวันจะเสร็จแล้วเลยถือมาให้
“ผมขอร่วมวงด้วยได้ไหม?”
โดยไม่ทันให้เซเลเน่บอกว่า”ไม่ได้”มิราโนะก็มานั่งข้างๆเซเลเน่ เซเลเน่ทำหน้าตาบูดบึ้งแบบที่ไม่ควรทำกับคนหใหญ่คนโต แต่ดูเหมือนว่ามิราโนะจะไม่ได้ใส่ใจ
พอทั้งสามคนนั่งล้อมแผนที่แล้วคนรับใช้ก็วางอาหารกลางวันให้ เป็นเนื้อแห้งที่เห็บไว้อย่างดี ซุปที่ต้นด้วยของอย่างมันฝรั่งกับสมุนไพรมากมายกับขนมปังสีดำ เหมือนกับทั้งสองคน เซเลเน่เองก็ดื่มด่ำกับขนมปังสีดำ วัตถุดิบชั้นเลิศหรือฝีมือคนทำชั้นเยี่ยมหรือว่าทั้งสองอย่างเลย ซุปรสเค็มเองก็รสชาติอร่อย เซเลเน่นั้นแค่นี้ก็พอใจมากแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเอาอาหารให้บัตเลอร์ แต่เนื่องจากหนูไม่สามารถออกมาให้คนเห็นได้ เซเลเน่เลยคิดว่าจะแบ่งเก็บบางส่วนไว้เอาไปให้ทีหลัง
“เอ พูดถึงไหนแล้วนะ ใช่แล้ว ส่วนสีขาวในทวีปสินะขอรับ ตรงนั้นคือสถานที่ที่ถูกเรียนว่า[ป่าขาว]ขอรับ”
“ป่าขาว?”
“ถูกต้องขอรับ อย่างที่เห็น ทั้งป่าเป็นสีขาวเลยขอรับ? มันเป็นผลจากพลังเวทขอรับ”
สิ่งนี้เซเลเน่พึ่งเคยได้ยินครั้งแรก ถึงเคยเห็นส่วนสีขาวของแผนที่มาแล้วแต่เพราะเป็นแผนที่ที่ทำให้ดูง่ายๆเลยคิดว่าเป็นประเทศหิมะหรือขี้เกียจวาดเฉยๆ
“ส่วนเหนือของทวีป–ถ้าให้พูดตามแผนที่นี้ ยิ่งขึ้นไปข้างบนพลังเวทในแผ่นดินก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ถ้าเป็นมนุษย์ที่มีพลังเวทแบบผมกับเซเลเน่ก็ว่าไปอย่าง แต่คนธรรมไร้พลังเวลแบบคุมะฮาจิ คงจะสูญเสียความรู้สึก แล้วก็เกิดการคลั่งของพลังเวทจนร่างกายพังไปเลย เพราะฉะนั้นในป่าขาวนี้จึงมีแต่พวกเอลฟ์อาศัยอยู่”
“อย่าว่าหมีสิ”
“ไม่ใช่ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย…”
เซเลเน่ขัดการอธิบายของมิราโนะ ขณะคิดว่าคุมะฮาจิโดนดูถูกอยู่นั้นก็รู้สึกถึงข้อมูลที่ดูสำคัญ
“เอลฟ์? หูยาว?”
“รู้ดีเหมือนกันนี่ เอลฟ์–หรือที่ถูกเรียกว่าเผ่าหูยาวหรือคนป่า พวกเขาจะไม่ค่อยออกมาจากป่า รูปร่างภายนอกก็เหมือนกับเราแต่เพราะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ปรับตัวให้อาศัยในป่าจึงมีความสามารถในการจัดการพลังเวทที่ดี แต่ว่าก็เพราะไม่ค่อยได้มีการพูดคุยกันเท่าไหร่ผมเองก็รู้แค่จากข่าวลือเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เอง”
“แต่ว่าการที่ท่านเซเลเน่เข้าใจอะไรง่ายนี่ช่วยได้เยอะมากเลยนะขอรับ ด้วยอายุของท่านเซเลเน่การที่สามารถเข้าใจเรื่องราวที่พูดได้เนี่ยถือว่าสุดยอดมากเลยนะขอรับ”
“เอะเฮะเฮะ”
เซเลเน่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ถึงภายนอกจะเห็นสาวน้อย แต่ข้างในก็เป็นตาลุง การที่มาภูมิใจกับเรื่องแบบนี้สิแปลก
“แล้ว ข้างบนนั้น!?”
“ข้ามจากป่าขาวไปก็เป็นที่ที่ถูกเรียกว่ายอดเขามังกรขอรับ”
“ยอดเขามังกร?”
“ดินแดนหลังจากป่าขาวมนุษย์เข้าไปไม่ได้เลยไม่มีการบันทึกไว้น่ะขอรับ ผู้ที่อาศัยอยู่ในยอดเขามังกรก็คือผู้ที่ปกครองโลก หรือก็คือ…”
คุมะฮาจิหยุดคำพูดลง แล้วก็มองไปขอบฟ้าไกล เซเลเน่กับมิราโนะเองก็มองตามไป
“นั่นไงขอรับ”
พอคุมะฮาจิพูดอย่างยิ้มๆเซเลเน่ก็ต้องประหลาดใจ สิ่งที่ตัดผ่านท้องฟ้าจากขอบฟ้าไกลก็คือสัตว์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่
“มะ มังกร!?”
“พึ่งเคยเห็นมังกรเหรอ? ก็นะ พวกมันไม่ค่อยบินมาที่สุดขอบทิศใต้อย่างอาร์คุยล่าเท่าไหร่นี่นา”
เซเลเน่เมินคำพูดของมิราโนะแล้วจ้องไปที่รูปร่างของสัตว์ขนาดยักษ์—มังกร
มังกรนั้นทั่วร่างถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเพลิงราวกับกำลังลุกไหม้ แขนขาขนาดยักษ์ราวกับตอไม้ ปีกหนังราวกับค้างคาว แล้วก็หางยาวกับเขา ถึงแม้จะบินอยู่สูงมาก แต่ถึงจะมองไกลๆก็เห็นได้ชัดว่ามีขนาดใหญ่
มังกรนั้นถือว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองแห่งท้องฟ้าเลยไม้สนใจมนุษย์เบื้องล่างแล้วก็บินชิวๆเหมือนกับเดินเล่น
การปรากฎตัวของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่เห็นได้แค่ในเกมหรือมังงะทำให้เซเลเน่ได้แต่มองขึ้นไปอย่างตะลึง พอรู้สึกตัวก็รีบดึงชายเสื้อของคุมะฮาจิ
“หมี หมี! เร็ว!”
“อะ อะไรเหรอขอรับ? ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้นก็ได้ขอรับ ถึงพวกมันจะมีร่างกายใหญ่โต แต่ก็ไม่ทำอะไรพวกเราก่อนไม่จำเป็นต้องหนี…”
“ไม่ใช่! ล่าสิ!”
เซเลเน่นั้นตื่นเต้นสุดๆ ฝั่งนั้นกำลังประมาทบินขึ้นอยู่เหนือหัว เป็นโอกาสดีที่จะล่า อยากจะเห็นมันกรีดร้องออกมากับตาให้เร็วที่สุด
ตรงกันข้ามกับเซเลเน่ที่กำลังตื่นเต้น คุมะฮาจิกับมิราโนะมองไปที่เซเลเน่ ขณะที่เซเลเน่นั้นคิดว่าพวกนั้นมัวทำอะไรกัน คุมะฮาจิก็หัวเราะลั่นออกมา มิราโนะที่ปกติจะทำตัวสงบๆก็ด้วย
เซเลเน่ไม่เข้าใจอะไรจึงทำตาปริบๆจ้องไปที่ทั้งสองคนที่หัวเราะกันยกใหญ่ พูดอะไรให้น่าขำออกไปกัน สำหรับเซเลเน่ที่หมกหมุ่นในเกมล่ามังกรที่มีคนสี่คนถืออาวุธขนาดใหญ่เหวี่ยงไปมาแล้วมังกรมันก็คือสัตว์ป่าสำหรับล่าเหมือนกับกวางและก็หมูป่า ยิ่งกว่านั้นเซเลเน่ที่ไม่มีเพื่อนเลยนั้นก็เล่นด้วยตัวคนเดียวมาตลอด แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง
“การล่า การล่ามังกรน่ะ! ท่านเซเลเน่ มันก็มีอยู่แค่ในนิทานภาพหรือตำนานเท่านั้นล่ะขอรับ”
ไม่รู้ว่าพูดแปลกๆออกไป คุมะฮาจิจึงหัวเราะแล้วตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นๆ ทั้งๆที่รู้ว่า[ล่า]ของเซเลเน่คือ[ล่ามังกร]แท้ๆ แต่ด้วยสามัญสำนึกของพวกเขาก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนิดหนึ่ง ก่อนที่มิราโนะจะพูดเพื่อให้เซเลเน่ที่งอนจนพองแก้มออกมาสงบลง
“เซเลเน่ มังกรน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่คนละระดับกับเรา ตามที่คุมะฮาจิบอก ถึงมันจะมีทั้งเรื่องที่ว่าการทำสัญญากับมังกรจะทำให้ได้พลังมหาศาล หรือเรื่องที่ว่าต่อสู้จัดการมังกรสามวันสามคืนอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นแค่เรื่องที่เพ้อเจ้อน่ะ”
“…ไม่ล่าเหรอ?”
ถึงอย่างนั้นเซเลเน่ก็ยังไม่ละความพยายาม ไม่ว่ายังไงก็อยากจะเห็นฉากล่ามังกรของจริง คุมะฮาจิก็มีดาบดีๆ มิราโนะก็มีดาบหรูๆ แค่ล่ามังกรสักตัวสองตัวไม่น่าจะยากอะไรนี่นา เซเลเน่คิดเช่นนั้น
สามวันสามคืนอะไรกัน ถ้าเป็นตัวเองล่ะก็แค่มังกรบินสอบห้านาทีก็เหลือแหล่แล้วเซเลเน่บ่นในใจ เซเล่เน่ผู้ไม่ยอมแพ้และหัวไม่ค่อยดี
“ก็นะ กำจัดมังกร ฝึกฝนตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่ดูโรมานซ์ดีออกขอรับ เอาไงดีองค์ชาย จัดการมังกรทดสอบฝีมือหน่อยไหมขอรับ?”
“อย่าพูดบ้าๆสิ ถ้าอยากจะฆ่าตัวตายล่ะก็ฮาราคีรีท้องตามพิธีบ้านนายไปสิ ทำไปคนเดียวเลย”
มิราโนะตอบกลับคำหยอกของคุมะฮาจิ แล้วมิราโนะก็ยิ้มเจื่อนๆอธิบายให้เซเลเน่ที่ทำหน้าไม่พอใจ
ถึงจะไม่รู้ระบบนิเวศของมังกร แต่ดูเหมือนว่าจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่ามนุษย์และมีพลังชีวิตและพลังเวทแบบที่มนุษย์แข็งแกร่งแบบเทียบไม่ติด ไม่เหมือนกับโลกใบเก่าที่มนุษย์เป็นผู้ปกครอง โลกใบนี้มังกรนั้นอยู่จุดสูงสุด
กลับกันในเรื่องความฉลาดนั้นไม่ค่อยจะมีข้อมูลแต่ก็พอจะมีทฤฎีอยู่บ้าง บ้างก็ว่าเท่ากับมนุษย์ บ้างก็ว่ามีมากกว่านั้น แต่ก็มีเรื่องที่ว่ามันสนใจการแสดงเลยเข้ามาเที่ยวเมืองมนุษย์ แต่กลับทำให้นักแสดงและคนดีหนีกันหมดจนทำให้มันโกรธทำลายจนเมืองอยู่ สำหรับมังกรแล้วชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับมดปลวก ก็ถือเป็นแนวคิดที่ปกติ
“งั้นเหรอ…”
หลังจากคุมะฮาจิและมิราโนะอธิบายให้ฟังว่ามังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งแค่ไหนจบเซเลเน่ก็ยังคงรู้สึกแย้งอยู่บ้าง เวลานั้นเองมังกรที่บินอยู่บนฟ้าก็ราวกับรู้สึกตัวว่ามีสัตว์ตัวเล็กๆสามตัวกำลังพูดถึงจึงได้บินลงมาที่พื้นดินทันที ก่อให้เกิดลมแรง เซเลเน่จึงต้องรีบยกมือขึ้นจับหมวกเอาไว้ไม่ปลิว
มังกรที่ลงมานั้นก็ไม่่ได้ทำการฆ่าใครแต่อย่างใด แล้วก็บินกลับขึ้นไปเป็นรูปตัว U หมุนตัวกลับเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของตัวเอง หลังจากนั้นก็เร่งความเร็วบินกลับไปทางทิสเหนือราวกับเหยี่ยว
“สุดยอด”
“ขอรับ ตราบใดที่สิงโดไม่คิดจะจับตุ่ม พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรมนุษย์เราเหมือนกันขอรับ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวขนาดนั้นหรอกขอรับ เอาล่ะ กินกันอิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อเถอะขอรับ”
พูดจบคุมะฮาจิก็ม้วนแผนที่เก็บในอก ถึงแม้มังกรจะจากไปแล้วเซเลเน่ก็ยังคงมองไปทิศนั้นอยู่ มิราโนะจึงบอกให้ปล่อยเธอไว้ตัวคนเดียวสักพักแล้วลากคุมะฮาจิออกมาพร้อมกับถือจานชามที่ว่างเปล่าไปช่วยทำความสะอาด
“คุมะฮาจิ ต้องขอขอบคุณนะ”
“ทำไมเหรอขอรับ?”
“เรื่องที่สอนเกี่ยวกับทวีปนี้ให้กับเด็กคนนั้นน่ะ ดูเหมือนจะชอบนะ มังกรก็โผล่มาได้จังหวะพอดี อยากจะขอบคุณเขาด้วยเหมือนกัน”
“อะไรกัน เรื่องเล็กน้อยขอรับ”
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเวลาพักก็หมดลง รถม้าที่เซเลเน่นั่งอยู่ก็เริ่มออกดินอีกครั้ง เซเลเน่ที่ทำตาปลาตายมาตลอดนั้นตอนนี้นั่งบนรถม้าอย่างเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มเล็กๆราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
พอได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเซเลเน่ที่จนถึงตอนนี้ก็เฉยๆมาตลอดมิราโนะก็ยิ้มอย่างสบายใจ โลกนี้นั้นไม่ได้มีแต่สิ่งที่น่ากลัว ต่อจากนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้มีความสุขอีกมากมาย ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่เขาก็อยากจะบอกเรื่องนี้ ดังนั้นการที่ได้เห็นเธอยิ้มจึงทำให้รู้สึกดี
มิราโนะนั้นขอบคุณคุมะฮาจิเพื่อนและมังกรที่ผ่านมาโดยบังเอิญในใจ แล้วม้าก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง
แต่ว่าตัวเซเลเน่นั้นได้วางแผนการสุดชั่วร้ายไว้แล้ว ถึงจะล่ามอนสเตอร์ไม่ได้แต่ข้อมูลเมื่อครูก็ถือว่ามีประโยชน์มาก ถึงเอลฟ์จะน่าสนใจ แต่ถ้ามังกรแข็งแกร่งขนาดนั้นล่ะก็ ถ้าได้ยุอะไรสักหน่อยประเทศใหญ่แค่ไหนก็คงทำให้หายไปได้แน่ๆ เซเลเน่คิดเช่นนั้น
“ฟุฟุฟุ”
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงแท้ๆ แต่พอคิดถึงสภาพองค์ชายที่หวาดกลัวแล้ว เซเลเน่ก็เลียมุมปากแล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา