[นิยายแปล] Keiken Zumi na Kimi to, Keiken Zerona Ore ga, Otsukiai Suru Hanashi. – ตอนที่ 11 วันเกิด

ในที่สุดก็มาถึงวันเกิดของชิราคาวะซัง

ตัวผมได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้

โดยใช้สิ่งที่ยามานะซังเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับสิ่งที่ชิราคาวะซังชอบมาเป็นข้อมูลอ้างอิง

ในช่วงหลังเลิกเรียนเกือบทุกวันผมก็ไปยังตัวเมืองด้วยตัวคนเดียวเพื่อสอดส่องและเตรียมตัวสำหรับวันเดทจริง

แล้วเมื่อตอนเที่ยงคืน ผมยังส่งข้อความไปแฮปปี้เบิร์ดเดย์เธอผ่านทาง LINE อีกด้วย

ตอนเดทแรกของเราผมให้ชิราคาวะซังเป็นคนเลือกจุดหมายปลายทางของเดท

ดังนั้นครั้งนี้จะเป็นเดทแรกที่ผมจะได้เป็นฝ่ายนำเธอเอง

 

“อรุณสวัสดิ์ริวโตะ!”

 

ผมได้เจอกับชิราคาวะซังที่บริเวณสถานี A 

ถ้าหากว่าเมื่อคืนเธอมัวแต่เม้าท์มอยเรื่องต่างๆกับยามานะซังจนดึกดื่นค่อนคืนแล้วล่ะก็

เธอคงจะต้องนอนน้อยแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจนัดเจอกันตอน 11 โมง

แม้แต่วันนี้เองชิราคาวะซังก็ยังน่ารักเหมือนเคย

ชุดเดรสรัดรูปยาวสีชมพูของเธอเป็นแบบคอสูงแต่ส่วนบริเวณหน้าอกก็เปิดโชว์เป็นรูปเพรชซึ่งมันก็เรียกได้ว่าเป็นดีไซน์แบบเชิงสาวรุกดุดัน

รองเท้าส้นสูงเองก็เป็นแบบส้นหนาพร้อมกับกระเป๋าสีเงินที่ให้ความรู้สึกเป็นสาวแกลมาดแกร่งอีกด้วย

 

“แล้ววันนี้พวกเราจะไปไหนกันดี?”

 

ชิราคาวะซังถามผมตอนที่เราเดินไปตรงชานชาลา

 

“อืม…..ผมกำลังคิดว่าจะไปที่ฮาราจูกุน่ะครับ ชิราคาวะซังคิดว่าไงครับ?”

 

ดวงตาของชิราคาวะซังเป็นประกายเมื่อเธอได้ยินผมพูดแบบนั้น

 

“จริงเหรอ!! ชั้นอยากไปที่นั่นมากๆเลยล่ะ!! ชั้นร๊ากกกฮาราจูกุที่ซู๊ดเลย!!”

 

พอได้เห็นชิราคาวะซังมีความสุข ผมก็นึกถึงเรื่องที่ยามานะซังบอกผม

 

[พูดถึงลูน่ายังไงก็ต้องเป็นฮาราจูกุนี่แหละ ถ้านายติดปัญหาไม่รู้ว่าจะไปลงเอยที่ไหน นายก็ควรไปที่ฮาราจูกุหรือชิบูย่าซะ แล้วเธอก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีเลยล่ะ]

 

เธอพูดถูกแฮะ…….

ผมรู้สึกได้ถึงการตอบสนองต่อการเดทครั้งนี้ในทันที

พวกเรามาถึงฮาราจูกุและผมก็มุ่งหน้าไปที่ร้านๆหนึ่งก่อนเลย

มันคือร้านคาเฟ่ที่มีหน้าร้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ในตรอกริมถนนทาเคชิตะที่พลุกพล่านไปด้วยคนหนุ่มสาว

 

“นี่ครับ”

 

สิ่งที่ผมยื่นให้กับชิราคาวะซังที่อยู่ด้านนอกของร้านนั่นก็คือชานมไข่มุกซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูเด็ดไฮไลท์ประจำร้าน

 

“ขอบใจจ้า!….อื้มมมม!! อร่อย!!”

 

หลังจากที่เธอได้จิบชานมไข่มุก แววตาของชิราคาวะซังก็เปล่งประกาย

 

[ลูน่าน่ะชอบชานมไข่มุกมากๆ เธอบอกว่าให้ดื่มทั้งวันก็ยังได้ แต่ก็นะเราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไรขนาดนั้น เพราะงั้นเราก็เลยดื่มได้แค่ครั้งละแก้วเท่านั้น]

 

“ชานมไข่มุกนี่มันคือที่สุดแล้วจริงๆนั่นแหละ!! ขอบใจนะริวโตะ!”

 

อย่างที่ยามานะซังพูดไว้เลย ชิราคาวะซังเธอมีความสุขมากๆ

 

“แล้วเจ้านี่มันราคาเท่าไหร่เหรอ? เดี๋ยวชั้นจะจ่ายส่วนของชั้นให้”

 

แล้วผมก็ทำท่าทางห้ามปรามเธอขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือพยายามไปคว้ากระเป๋าเงินของเธอออกมาจากกระเป๋าของเธอ

 

“อ๊ะ! ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยงเอง”

“เอ๊ะ? แต่…..”

“วันนี้เป็นวัดเกิดของเธอเพราะงั้น…..ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองจากผมก็แล้วกันนะครับ”

 

คำพูดของผมทำเธอขมวดคิ้วพร้อมทำสีหน้าลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณที่เลี้ยงนะ! ขอบคุณนะริวโตะ!”

 

เธอพูดขอบคุณผมด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

พอเห็นเธอแบบนั้นผมก็หยิบแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายไหล่

 

“หืม? นั่นอะไรน่ะ?”

“ชิราคาวะซัง ชานมไข่มุกที่กินอยู่ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”

“หมายความว่าไงที่ว่าเป็นยังไงบ้างน่ะ?…….อืม….มันก็อร่อยดีนะ”

 

และผมก็คลี่กระดาษแผ่นนั้นกางออก

กระดาษแผ่นั้นมันก็คือแผ่นปริ้นท์แผนที่ของย่านฮาราจูกุและท่ามกลางแผนที่นั้นผมก็ได้ทำการคัดเลือกเฉพาะร้านชานมไข่มุกเอาไว้ โดยวงกลมสีแดงคือร้านที่ผมได้ไปลองชิมเองมาแล้วพร้อมกับเขียนบทวิเคราะห์เกี่ยวกับรสชาติรวมถึงความประทับใจลงในช่องว่างไว้อีกด้วย

อันที่จริงผมจะทำแบบนี้ลงในมือถือผมเองก็ได้ แต่การที่ได้ทำลงบนกระดาษมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโครงงานวิจัยที่ให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจมากกว่าล่ะนะ

 

“ว้าว! นี่มันอะไรกันเนี่ย ยอดไปเลย!”

 

เมื่อลองมองดูผลลัพธ์ที่มาจากหยาดเหงื่อและหยาดน้ำตาของผม ชิราคาวะซังเธอก็แสดงอาการประหลาดใจ

ผมไม่รู้ว่าตัวเองดื่มชานมไข่มุกไปกี่แก้วแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผมใช้เงินปีใหม่ที่ได้มาไปมากพอตัวเลยในการเดินทางไปมาฮาราจูกุกับพวกเครื่องดื่มและวันนี้ผมก็เอาส่วนที่เหลือติดตัวมาด้วย

 

“ชานมไข่มุกที่เราพึ่งจะดื่มกันไปอุดมไปด้วยนมเป็นส่วนมาก แต่ก็ยังมีรสชาติของตัวชาที่เข้มข้นอีกด้วยรวมถึงขนาดและความรู้สึกยืดหยุ่นเด้งดึ๋งของตัวไข่มุกเองก็กำลังพอดี

ดังนั้นจึงมีความสมดุลโดยรวมที่ดีที่สุด นั่นก็เลยเป็นเหตุผมให้เธอได้ดื่มเจ้านี้ก่อน”

 

ผมต้องการที่จะโชว์ผลลัพธ์ของผมที่ทำดีที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นผมจึงเริ่มพูดอย่างรวดเร็วไม่หยุดปาก ผมก็คิดจะหยุดมันอยู่หรอกเพราะมันฟังดูน่าขนลุกเกินไปแต่ยิ่งคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ผมก็ยิ่งพูดรัวมากขึ้นเท่านั้น

 

“ตามข้อมูลนี้ถ้าหากว่าเธออยากเน้นความหวานผมก็ขอแนะนำร้าน ‘Bubble Monster’ และถ้าหากว่าเธอชอบชานมที่มีรสชาติอ่อนๆ ที่ให้รสชาติของตัวชามากที่สุดก็ต้องเป็นร้าน ‘Aroma Tea House’ และถ้าชอบไข่มุกหนุบหนับหน่อยก็คงจะต้องเดินไปอีกหน่อย เราต้องไปที่ร้าน ‘PRUPRU’ แต่ถ้าเธอไม่แคร์เรื่องชานมเลยผมก็ขอแนะนำนมบราวน์ชูการ์สูตรเข้มข้นที่ร้าน ‘Tiger Café’”

 

ท่าจะไม่ดีแล้วสิ

ผมดันไปเผลอเปิดสวิตซ์แปลกๆของฝั่งโอตาคุแสนมืดมนของผมเข้าแล้วสิ

น่าขนลุกชะมัดและผมก็อยากจะหยุดมันจริงๆ แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วผมก็รู้สึกเริ่มอยากจะอวดภูมิความรู้ทั้งหมดของผมซะแล้วสิ

 

“อย่างแรกเลย ผมสงสัยว่าชานมมันเข้ากันได้กับไข่มุกจริงๆอย่างนั้นเหรอ? เดิมทีตัวไข่มุกมันก็ไม่ได้มีรสชาติอะไรเลยและถึงแม้ว่าจะใส่มันลงไปดื่มกับชานมด้วยและก็ยังสามารถเพิ่มรสชาติไข่มุกได้โดยการเอาตัวไข่มุกไปแช่กับน้ำตาลทรายหรืออะไรสักอย่างก่อน แล้วการที่จะไปเจาะรูตรงกลางของไข่มุกมันก็เป็นเรื่องยุ่งยากด้วยใช่ไหมล่ะครับ?  เพราะมันยืดหยุ่นขนาดที่ตอนเคี้ยวเราก็ยังต้องเคี้ยวหลายต่อหลายครั้งเลยจริงไหม? กล่าวอีกนัยหนึ่งมันจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เธอไม่สามารถลิ้มรสมันได้ในปากของเธออย่างแน่นอนและเพื่อเป็นการชดเชยเรื่องนั้นผมก็เลยคิดว่ามันถูกออกแบบให้ดื่มร่วมกับของเหลวอย่างชานมแต่ก็ตัวชานมเองก็มีขีดจำกัดที่มันสามารถทำได้อยู่ อืม…ผมหมายถึงตัวชานมเองก็เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่ดีในตัวของมันเองแบบนั้นถูกไหมครับ? เธอไม่สามารถทำให้นมมันรสชาติหวานขึ้นหรือข้นขึ้นหน่อยได้ เธอก็ไม่สามารถที่จะเบี่ยงเบนตัวชานมให้ไปเปลี่ยนไปจากรูปแบบดั้งเดิมของมันได้หรือถ้าอย่าง ‘ดื่มแบบชานมธรรมดาๆก็อร่อยอยู่แล้ว’ อ่า….ผมหมายถึงเพราะมันเป็น ‘ชานม’ จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นตราบใดที่มันถูกระบุว่ามันคือ ‘ชานม’ มันก็จะมีความภาคภูมิใจในการเป็นชานมของมันเองอยู่ ยังไงซะเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีกับไข่มุกผมคิดว่ามันคือเครื่องดื่มที่มันให้ความรู้สึกฝาดลิ้นและรสชาติหวานกว่า ในแง่นั้นผมกลับคิดว่าน้ำกะทิกับไข่มุก ที่เป็นที่ฮิตๆกันในช่วงปี 1990 มันเป็นของหวานที่ดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่าชานมอีก

ตอนที่ผมได้ค้นพบเรื่องนี้ ผมก็บึ่งไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและลองเอามาทำดูแต่น้ำกะทิมันกลับข้นและหวานเกินไปส่วนไข่มุกก็ดันเม็ดเล็กอีกต่างหาก บทบาทของมันไม่ต่างจากครูตองซ์ที่อยู่บนซุปเลยเกือบจะไร้รสชาติพอๆกัน แล้วแต่ถ้าเมื่อไหร่เธอเกิดเบื่อกับรสชาติของกลมกล่อมของน้ำซุป เธอจะลองกินมันเพื่อแก้เค็มก็ได้นะเนื้อสัมผัสของพวกมันก็ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินไปอีกแบบ พอลองๆเอาไปเทียบกันแล้ว ผมก็เลยคิดว่าไข่มุกกับชานมมันไม่เข้ากันมากเท่าไหร่

ผมคิดว่านมบราวน์ชูก้าร์คือที่สุดสำหรับเครื่องดื่มที่มีไข่มุกด้วยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ นมสดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับน้ำตาลทรายที่หวานมากจนเกือบจะมากจนเกินไปแต่ตัวไข่มุกที่แช่น้ำตาลทรายจะจืดชืดตอนที่เธอเคี้ยวมัน เอาล่ะ นี่ก็เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดของผมในตอนนี้แล้วล่ะนะ”

 

 

 

ผมที่กำลังจ้องมองแก้วชานมไข่มุกของตัวเองและพูดพล่ามไม่หยุด

และจากนั้นผมก็ดึงสติกลับมาได้และก็ได้ตระหนักเพราะเมื่อผมกรอกตาขึ้นผมก็เห็นชิราคาวะซังยืนอ้าปากค้างอยู่

 

“อ๊ะ…..”

 

ทำลงไปจนได้….

ไม่นะ…..มันน่าขนลุกโครตๆเลยไม่ใช่รึยังไงเนี่ย….ผมถูกลากไปครึ่งโลกเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่ผมครุ่นคิดอยู่ตรงปากของชิราคาวะซังก็ฝืนยิ้มออกมาและเริ่มพูด

 

“นะ-นั่นมัน…….น่าทึ่งมาก ริวโตะ…..นี่นายชอบชานมไข่มุกมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”

“เอ๊ะ? ครับ….อ๊ะ! ไม่ใช่สิ…..”

 

มันไม่คุ้มที่จะพูดโกหกออกไป

ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตอบเธออย่างตรงไปตรงมา

 

“ผมได้ยินมาว่าชิราคาวะซังชอบชานมไข่มุกผมก็เลย…….ศึกษามันมาเพื่อวันนี้น่ะครับ

แล้วก็แถวๆนี้มันก็มีร้านชานมไข่มุกเยอะแยะเต็มไปหมด เพราะงั้นผมก็อยากจะพาเธอไปร้านที่เธอชอบให้ได้ครับ…..”

“เอ๋ นี่นายทำเนี่ยก็เพื่อชั้นอย่างนั้นเหรอ?”

 

ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาของชิราคาวะซังเป็นประกายทันทีที่เธอพูดแบบนั้นออกมา

 

“คะ-ครับ……….แต่ผมก็คิดว่าผมก็คงจะทำเกินไปหน่อย…..”

“ก็ถูกอย่างที่นายว่าจริงๆ!!”

 

ผมรู้สึกตกใจพอเธอพูดแบบนั้น แต่พอลองมองดูใบหน้าของเธอชิราคาวะซังก็ยิ้มออกมา

 

“ถึงแม้มันจะน่าหัวเราะอยู่หน่อยๆ แต่ความหมายของชั้นก็คือนายน่ะกำลังกลายเป็นนักวิจารณ์ชาไข่มุกไปแล้ว! ปกตินายเป็นขนาดนี้เลยรึเปล่าเนี่ย?”

 

พอเปรียบเทียบแผนที่กับใบหน้าของผม ชิราคาวะซังก็หัวเราะหนักมาก

 

“คือผมก็ไม่สามารถที่จะไปทุกๆร้านที่ผมทำเครื่องหมายไว้ได้ ผมก็เลยอาศัยพวกคำรีวิวและพวกบล็อควิจารณ์ร้านอะไรแบบนั้นมาเป็นข้อมูลอ้างอิงน่ะครับ”

 “แต่มันก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ไม่เป็นไรนายไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะ”

 

เธอพูดทั้งๆที่ยังหัวเราะค้างอยู่อย่างนั้นแล้วผมเองก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน

 

“กะ-ก็ถูกของเธอ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็….”

 

ผมมีแรงจูงใจที่บริสุทธิ์กว่ามากในการที่จะทำมากกว่านี้

 

“ผมเองก็อยากที่จะชอบอะไรอย่างน้อยสักอย่างนึง ในบรรดาสิ่งที่ชิราคาวะซังชอบน่ะครับ……”

 

ผมทำเกินไปหน่อย……ผมก้มหน้าก้มตาและคิดทบทวนในใจ

หลังจากนั้นครู่หนึ่งผมก็เงยหน้าขึ้นมามองดูเพราะกังวลว่าทำไมผมถึงไม่ได้คำตอบใดๆตอบกลับมาเลยแล้วผมก็พลางคิดว่า

 

“ไม่นะ…..”

 

ชิราคาวะซังตัวแข็งทื่อไปแล้วและมองมาที่ผมพร้อมกับปากของเธอที่อ้าออกเล็กน้อย

สีหน้าของเธอ ดูประหลาดใจและตกตะลึงเหมือนกับว่าเธอตกใจกับอะไรสักอย่าง

จะทำยังไงดีล่ะ…..บางทีเธออาจจะกำลังผงะกับคำพูดหนุ่มซิงน่าขยะแขยงของผมก็ได้

สงสัยว่าถ้าหากว่ามันเป็นที่สังเกตได้ง่ายขนาดนั้น……คงเป็นการดีกว่าถ้าตอนนี้จะแต่งตัวให้มันดูตลกๆหน่อย

ขณะที่ผมเฝ้าดูเธอพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความคิดเหล่านั้น สีหน้าของชิราคาวะซังก็เปลี่ยนไปครู่หนึ่ง

แก้มของเธอแดงและปากของเธอก็เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

 

“เอ๊ะ?…..”

 

ตกลงเธอไม่ได้กำลังผงะอยู่หรอกเรอะ?

เมื่อผมเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายชิราคาวะซังก็ยิ้มและเริ่มพูด

 

“จริงเหรอ? โดนบอกอะไรแบบนี้……เป็นครั้งแรกเลยล่ะ….”

 

เธอพูดอย่างเขินอาย ซึ่งดูน่ารักและไร้เดียงสา

มันช่างไม่เข้ากันกับแฟชั่นการแต่งตัวแนวสาวมั่นของเธอเลย

 

“ขอบคุณนะ…..ริวโตะ”

 

เธอพูดราวกับว่าบ่นพึมพำออกมา

หน้าอกของผมเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกและผ่อนคลายจากความอึดอัดไป

ชิราคาวะซังมอบรอยยิ้มที่ดีที่สุดของเธอให้กับผมมา

 

“ชั้นคิดว่าวันนี้ชานมไข่มุกมันรสชาติอร่อยที่สุดเท่าที่ชั้นเคยกินมาเลย!!”

 

หลังจากนั้นเราก็เดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆฮาราจูกุตามร้านชานมไข่มุกต่างๆ

เกี่ยวกับเรื่องชานมไข่มุกเนี่ยชิราคาวะซังเธอไม่มีจุดสิ้นสุดสำหรับมันเลยจริงๆ

ไม่ว่าจะร้านไหนก็ตามเธอก็สามารถดื่มชานมไข่มุกที่ใส่มาจนเต็มแก้วให้หมดได้

 

“แล้วนี่ริวโตะไม่ดื่มบ้างเหรอ?”

“ผม…ดื่มไปแก้วหนึ่งจากร้านเมื่อกี้แล้วน่ะครับก็เลย….”

“แต่ของเจ้านี้ก็อร่อยเหมือนกันนะ”

“คือตอนนี้ท้องผมมันเต็มไปด้วยน้ำหมดแล้วน่ะครับ….”

เธอใส่ชุดรัดรูปแบบนั้น แล้วไหงชิราคาวะซังถึงได้ดูชิลๆอยู่ได้ล่ะ?

น้ำที่เธอดื่มไปทั้งหมดทั้งมวลมันถูกดูดซึมไปอยู่ตรงส่วนไหนกันแน่นะ?

 

“อืม…..งั้นก็ช่วยไม่ได้ งั้นชั้นจะให้นายลองชิมของชั้นก็แล้วกัน”

 

ด้วยเหตุนี้ชิราคาวะซังจึงเสนอชานมไข่มุกที่เธอกำลังดื่มด่ำอยู่ให้กับผม

ตรงส่วนปลายของหลอดดูดถูกเคลือบไปด้วยประกายสีแดงแวววาว

การมาถึงแบบสายฟ้าแล่บของโอกาสในการจูบทางอ้อมทำให้อัตราการเต้นของหัวใจของผมแทบจะระเบิดออกมา

 

“นายไม่อยากเหรอ? นายอิ่มแล้วใช่ไหม?”

 

เนื่องจากผมหยุดนิ่งไม่ไหวติงชิราคาวะซังก็เลยถามผม

 

“มะ-ไม่ใช่ครับ! ผมจะชิมครับ! ขอบคุณครับ!”

 

ผมรีบรับแก้วน้ำมาแล้วรีบดูดน้ำผ่านหลอดดูด

 

“เป็นยังไงบ้าง? Cheese and Rock salt เนี่ยสุดยอดไปเลยใช่ม้า? นายพูดถูกจริงๆด้วยเรื่องท็อปปิ้งน่ะ!”

**TL Note : Cheese and Rock salt เป็น 1 ในท็อปปิ้งตัวเลือกที่มักสั่งมาดื่มคู่กับชานมไข่มุก เอาตรงๆแอดก็ไม่ค่อยดื่มมันหรอกมีแต่เคยได้ยินเท่านั้น ส่วนวิธีทำคร่าวๆก็เอาตัวผงชีส + เกลือมาผสมน้ำตามสัดส่วนแล้วปั่นผสมกัน แล้วจึงเอามาราดเป็นท็อปปิ้งบนเมนูชานมไข่มุก**

“คะ-ครับ ผมก็ว่างั้นครับ….”

 

บอกตามตรงผมรู้สึกประหม่าโครตๆ จนเผลอกลืนลงคออย่างเดียวไม่ทันได้ลิ้มรสชาติเลย

ชิราคาวะซังที่ได้แก้วน้ำของเธอคืนไปก็ดูดน้ำโดยใช้หลอดนั้นอีกครั้ง

หวา…..จูบทางอ้อมกัน…..

แต่ผมก็เดาว่าผมคงจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกตระหนักถึงเรื่องแบบนี้ สำหรับชิราคาวะซังนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เธอทำลงไปโดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัวแม้จะเป็นกับเพื่อนผู้ชายของเธอเองก็ตามที

พอผมคิดเรื่องนี้ผมก็รู้สึกหดหู่หน่อยๆ ชิราคาวะซังเธอมองมาที่ผมแล้วก็ยิ้มออกมา

 

“เอ….มันคือการจูบทางอ้อมรึเปล่านะ”

“เอ๊ะ………เอ๋!?”

 

จะช้าเกินไปแล้วครับ ไม่ยุติธรรมเลยชิราคาวะซัง!!

 

“อ๊า! ริวโตะหน้าแดงใหญ่เลยน๊า ~ ~”

 

ชิราคาวะซังเธอหัวเราะแกล้งผมที่จู่ๆผมก็เกิดอาการเขินอายขึ้นมา

การผสมผสานของชิราคาวะซังสาวแกลสุดสวยผู้ที่ดูเหมือนกับว่าเพิ่งหลุดออกมาจากนิตยสารสาวแกลและหนุ่มบ้านๆอย่างผมอาจจะถูกผู้คนในย่านเมืองพากันมองว่าพวกเรานั้นเคมีไม่เข้ากันเลยสักนิด

แต่ตอนนี้ผมก็มีความสุขมากมายเหลือเกินที่ได้อยู่ด้วยกันกับเธอคนนี้

 

ก่อนที่เราจะทันได้เอะใจกัน เราก็ข้ามมื้อเที่ยงและพวกของว่างช่วงบ่ายไปแล้วตะลอนไปร้านชานมไข่มุกราวๆ 6 ร้านได้ ซึ่งก็น่าแปลกที่ชิราคาวะซังเธอสั่งเครื่องดื่มที่มีไข่มุกเต็มแก้วด้วยตัวเธอเองทุกร้านที่เราได้ไปเลย

 

“อ๊า! หมดแรงแย้วว! ขอบใจนะริวโตะ!”

“แล้วนี่เธอไม่อยากดื่มชานมไข่มุกเพิ่มแล้วเหรอ?”

“อื้อ ชั้นอิ่มแล้วล่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ดื่มจนหนำใจขนาดนี้ ~”

 

ชิราคาวะซังยิ้มออกมาอย่างปลื้มปริ่มขณะที่เธอพูด

กว่าจะรู้ตัวตอนนี้ก็ปาไปค่ำจนเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว

เราไปกินเครื่องดื่มไข่มุกก็เจอหลายเรื่องหลายขั้นตอนอย่างการที่เราต้องต่อแถวรอคิวทุกร้าน เรายังต้องเดินไปใกล้ๆแถบชิบูย่าด้วย มันก็เลยดูเหมือนว่าเราใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานมากๆเลยล่ะ

 

“ถ้างั้น…..”

 

เหมือนกับครั้งที่แล้วเดทของพวกเราถูกกำหนดให้จนกว่าจะถึงช่วงพลบค่ำ

พวกเราทั้งคู่ยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายกันอยู่และยังเป็นผู้เยาวน์และผมก็รู้สึกว่ามันคือหนึ่งในรูปร่างที่จะ “หวงแหน” ชิราคาวะซัง

เอาจริงๆก็อยากทำเรื่องลามกนะแต่ก็……..ใช่ ชั้นน่าจะทำมันให้จบๆตั้งแต่ตอนที่ได้อยู๋ในห้องของชิราคาวะซัง…..แม้แต่ตอนนี้เองก็ยังนึกเสียใจอยู่

แต่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของชิราคาวะซัง เพราะงั้นผมถึงได้ตัดสินใจปล่อยให้เธอทำในสิ่งที่เธอชอบ อย่างแรกก็คือการได้ดื่มเครื่องดื่มไข่มุก……..

 

“อ๊ะ!”

 

จากนั้นผมก็นึกขึ้นได้

 

“มีอะไรเหรอริวโตะ?”

“………”

 

ของขวัญ…..ผมยังไม่ทันได้ซื้อของขวัญให้เธอเลยนี่หว่า!

 

[สำหรับเรื่องของขวัญแค่ถามลูน่าที่หน้างานเอาตรงๆเลยก็ได้แล้วก็ซื้อให้วันนั้นเลย แต่ละคนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน อย่างกับพวกเครื่องประดับหรือของสิ่งของจุกจิกเล็กๆน้อยๆ นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแม้แต่ในหมู่ผู้หญิงเองก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะเลือกของขวัญที่โดนใจให้ตัวเองได้ แต่ก็นะ มันก็จะเป็นอีกเรื่องนึงถ้าหากว่านายมีความมั่นใจในเรื่องความรู้สึกของตัวเองล่ะก็นะ]

 

แน่นอนว่าเพราะผมไม่มีความมั่นใจผมก็เลยเลือกทำตามคำแนะนำของยามานะซังและตัดสินใจให้ชิราคาวะซังเลือกด้วยตัวของเธอเอง

ผมคิดว่าให้เธอมีความสุขกับพวกเครื่องดื่มไข่มุกทั้งหลายแหล่จนพอใจก่อน…..ผมคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าเราจะเที่ยวไปร้านเครื่องดื่มไข่มุกจนเวลามันเลยมาจนป่านนี้

นอกจากนี้

ผมเปิดกระเป๋าเงินเพื่อเช็คงบประมาณที่เหลืออยู่ของตัวเองจากจุดบอดที่ชิราคาวะซังมองไม่เห็นและผมก็เหลือเงินประมาณพันกว่าเยน

 

“โกหกหน่า……”

 

ผมออกจากบ้านพร้อมกับเงินหนึ่งหมื่นเยนนะ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน….ไอ้เครื่องดื่มไข่มุกนี่มันจะแพงเกินไปแล้ว!!

 

“อะ-เอ่อ คือ…..ชิราคาวะซัง”

 

ผมเรียกเธอด้วยท่าทางเหนียมอาย

 

“ขอโทษด้วยนะครับ…….ผมอยากให้ชิราคาวะซังเลือกของขวัญวันเกิดของชิราคาวะซังให้ตัวชิราคาวะซังเองแต่………..ตอนนี้ผมเหลือเงินแค่ 1000 เยน แล้วถ้าหากว่าเธอไม่ว่าอะไรให้ผมซื้ออะไรสักอย่างให้เธอด้วยงบราวๆ 1000 เยนได้ไหมครับ”

 

มันไม่เท่เอาซะเลยแต่ผมก็บอกความจริงกับเธอไป

 

“เอ๊ะ?”

 

ดวงตาของชิราคาวะซังเบิกกว้างด้วยความแปลกประหลาดใจ

 

“ชั้นก็ได้มันมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็ที่นายเลี้ยงเครื่องดื่มไข่มุกชั้นไง”

“แต่มันก็ควรเป็นอะไรสักอย่างที่มันจับต้องได้นี่ครับ…..”

“ถ้าอย่างนั้นชั้นขอเจ้านี่ได้รึเปล่าล่ะ? ชั้นคิดว่ามีเจ้านี่ไว้ก็ดีเหมือนกัน”

 

ชิราคาวะซังพูดกับผมแล้วก็หยิบกระดาษที่อยู่ในมือของผมไป

มันคือแผนที่ของร้านเครื่องดื่มไข่มุกทั้งหลายแหล่ที่ผมทำเองกับมือซึ่งผมเดินตะลอนไปทั่วและใช้อ้างอิงตลอดทั้งวัน

 

“เจ้าสิ่งนี้มันน่าทึ่งมากๆเลยล่ะแล้วมันก็เป็นของมีแค่ชิ้นเดียวบนโลกใบนี้อีกด้วย เครื่องดื่มไข่มุกทั้งหมดที่ชั้นได้ดื่มไปในวันนี้เองก็อร่อยมากๆเลยด้วยและทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณการสืบหาเบาะแสของริวโตะล่ะนะ”

 

เมื่อดูแผ่นผับแผนที่นั้น ชิราคาวะซังก็ยิ้มอย่างมีความสุข

 

“การที่มาทำอะไรแบบนี้ให้ชั้น เป็นครั้งแรกเลยล่ะเพราะอย่างนั้น…….ก็เลยอยากที่จะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกกับการที่ริวโตะพยายามอย่างหนักเพื่อชั้นน่ะ แบบนั้นมันคือการแสดงความรักของนายใช่ไหมล่ะ?”

 

คำพูดนั้นทำให้หน้าอกของผมร้อนผ่าว

 

“ชิราคาวะซัง………”

“ชั้นจะเก็บรักษามันไว้อย่างดีเลยล่ะ ไว้วันหลังพวกเรามาเดทชานมไข่มุกกันอีกได้ไหม?”

 

เธอมองมาที่ผมและผมก็พยักหน้าตอบรับอย่างสุดแรงเกิด

 

“แน่นอนครับ!….อ๊ะ! ไว้ผมจะอัพเดทแผนที่ด้วยเมื่อเวลานั้นมาถึงนะครับ มันอาจจะมีร้านใหม่เพิ่มขึ้นมาหรืออะไรสักอย่าง”

 

ชิราคาวะซังหัวเราะเมื่อเธอเห็นผมตอบกลับเธออย่างมีความสุข

 

“ขอบคุณนะริวโตะ”

 

แล้วเธอก็ส่งยิ้มที่เปล่งประกายให้กับผม

 

“มันเป็นวันเกิดอายุครบ 17 ปีที่ดีที่สุดของชั้นเลยล่ะ!!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset