บทที่ 151 คนของเธอสำคัญอันดับแรก

บทที่ 151 คนของเธอสำคัญอันดับแรก
โดย

บทที่ 151 คนของเธอสำคัญอันดับแรก

เธอสับเปลี่ยนนำหม้อใบใหม่ไปเก็บไว้ที่บ้านแล้วนำหม้อใบเก่ามาให้น้องชายสามตระกูลหลินแทน

หลินชิงเหอปั่นจักรยานไปหาน้องชายสามตระกูลหลินและบอกให้เขามารับหม้อกลับไปเมื่อมีเวลาว่าง

และแน่นอนว่าหญิงสาวให้เงินกับเขาก่อนเพื่อให้เขาได้สร้างบ้านหลังใหม่

เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินแยกตัวออกจากบ้านใหญ่ เขาก็ได้รับเงินสิบกว่าหยวนเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่เพียงพอต่อการสร้างบ้านหลังหนึ่งแน่นอน ต่อให้เขามีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน จากการที่เขาแตกต่างจากคนในตระกูลหลินส่วนใหญ่ และได้รับความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก แต่เขาก็ต้องการค่าวัสดุสร้างบ้านเป็นจำนวนมากอยู่ดี

“ตัดบ้านดินทิ้งไปได้เลย มันสร้างลำบากเวลาฝนตก พี่จะถามพี่เขยให้นะว่าที่ไหนพอจะมีอิฐกับกระเบื้องขายบ้าง ถ้ามีล่ะก็ นายก็พยายามสร้างบ้านอิฐให้สุดฝีมือไปเลยนะ” หลินชิงเหอแนะนำเขา

ทางฝั่งน้องชายสามตระกูลหลินได้รับอนุญาตให้สร้างบ้านแล้ว ทางเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านที่เป็นคนแซ่หลินได้โยกย้ายที่ดินที่ลูกชายคนโตของเขาเคยจองไว้เมื่อนานมาแล้วให้กับน้องชายสามแห่งตระกูลหลิน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในกลุ่ม

แต่ถึงอย่างนั้นคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็ไม่กล้ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นการเปลี่ยนมือจากคนหนึ่งไปเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่มีใครได้รับผลเสียจากเรื่องนี้หรอกถูกไหม?

แล้วน้องชายสามตระกูลหลินก็เริ่มสร้างบ้าน

ถึงโจวชิงไป๋ผู้เป็นพี่เขยจะไม่ได้มาช่วยเขาสร้างบ้าน แต่ก็อำนวยความสะดวกให้ด้วยการส่งอิฐมา 2 เกวียน

ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าช่วยเหลือเขามากแล้ว

คนจำนวนมากในหมู่บ้านต่างไปช่วยเหลือ และมันก็ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก่อนที่บ้านของน้องชายสามตระกูลหลินจะสร้างเสร็จเรียบร้อย

มันมีห้องเพียงห้องเดียวและเตาเพียงหนึ่งเตา

สภาพบ้านค่อนข้างแออัด แต่ต้องบอกว่ามันเป็นสวรรค์โดยแท้ที่สามารถย้ายออกจากครอบครัวใหญ่มาอาศัยอยู่ด้วยตัวเองได้

ทันทีที่บ้านสร้างเสร็จ พวกเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่ บ้านหลังนี้ใช้เงินสร้างไปทั้งหมด 140 หยวน โดยที่รวมต้นทุนค่าอิฐกับกระเบื้องแล้ว เป็นเรื่องดีทีเดียวที่โจวชิงไป๋สามารถออกค่าอิฐกับกระเบื้องให้ล่วงหน้าได้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะจ่ายมันไหว

นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนดีควรกระทำเลย

บ้านของน้องชายสามตระกูลหลินเสร็จสมบูรณ์ และทั้งครอบครัวก็ย้ายออกจากบ้านใหญ่

โดยไม่ต้องบอก คนในตระกูลหลินต่างถามกันให้แซดว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาได้เงินสร้างบ้านมาจากไหน?

เดิมทีพวกเขานึกสงสัยว่าโจวชิงไป๋อาจเป็นคนช่วย แต่เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านก็ออกหน้าแทนและบอกว่าเขาใช้เส้นสายบางอย่าง

เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านปฏิบัติต่อน้องชายสามตระกูลหลินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เพราะชายหนุ่มเคยช่วยชีวิตหลานชายของเขาไว้ เด็กชายตัวน้อยแสนซนคนนั้นได้ตามเด็กโตคนอื่น ๆ ไปเล่นน้ำในบริเวณน้ำตื้น

เขาพลัดตกลงไปและเด็กโตคนอื่น ๆ ก็หนีกันหมด ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายสามตระกูลหลินเดินผ่านมาและกระโดดลงไปคว้าตัวเขาขึ้นฝั่ง เด็กน้อยคงตกอยู่ในอันตราย

เป็นเพราะเหตุการณ์นี้เอง น้องชายสามตระกูลหลินจึงได้รับการดูแลจากเขา

น้องชายสามตระกูลหลินเกรงว่าจะทำให้พี่สาวของเขาติดร่างแหไปด้วย เขาก็เลยแจ้งเรื่องจะย้ายบ้านกับเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านไว้ล่วงหน้าเมื่อนานมาแล้ว

“นอกจากอิฐกับโครงสร้างพื้นฐานแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกที่หม้อใบนี้จะเป็นของคุณนะคะ คุณเลขาธิการสาขา?” ท่านแม่หลินตั้งคำถาม

“ผมเข้าไปในเมืองและเห็นคนบางคนอยากเอาหม้อมาแลก ผมก็เลยได้มันกลับมา ที่บ้านผมมีหม้ออยู่ใบหนึ่งแล้ว ก็เลยไม่ได้ใช้งานหม้อใบนี้ ผมเลยตั้งใจว่าจะมอบให้กับผู้อาวุโสสูงสุดในอนาคต แต่ลูกชายคนที่สามของคุณต้องรีบใช้ไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นผมเลยยกให้เขาไปก่อน” เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านอธิบาย

คนในตระกูลหลินถึงกับเงียบไป

มันก็แค่ช่วยเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? คุณต้องเป็นห่วงเขามากขนาดนี้เลยหรือยังไง?

แต่ถึงเป็นแบบนี้ ชาวบ้านทั้งหลายต่างยกย่องสรรเสริญเลขาธิการสาขาของหมู่บ้าน

การกระทำของเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ ยิ่งกว่านั้นเด็กคนนั้นที่น้องชายสามตระกูลหลินช่วยดึงขึ้นจากน้ำยังเป็นหลานชายของเขา เขาจะไม่ตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ไม่นานนัก น้องชายสามตระกูลหลินก็ได้ย้ายออกจากบ้านใหญ่อย่างสะดวกตามที่เห็น

ตอนนี้เขาย้ายออกจากบ้านตระกูลหลินแล้ว เขาจึงไม่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับคนที่เหลืออีก

เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินมาเยี่ยมและพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็ฉายแววปิติยินดีอย่างเห็นได้ชัด

การไม่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ในตระกูลหลินช่างเป็นเรื่องที่วิเศษนัก หลินชิงเหอเองก็รู้สึกดีใจไปกับเขาด้วย

การย้ายออกจากบ้านใหญ่หมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องทนอยู่อย่างเบียดเสียดกับคนอื่น ต่อให้ในสามมื้อจะไม่ได้กินอะไร มันก็ยังทำให้คนในครอบครัวมีความสุขอยู่ดี

เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถึงเดือนมิถุนายน

อากาศเดือนนี้ช่างร้อนอบอ้าว ยิ่งกว่านั้นการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนยังเริ่มในวันสิ้นเดือนของเดือนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องยุ่งวุ่นวายมาก

หลินชิงเหอเข้ามาในอำเภอเพื่อมาขายเนื้อหมูในวันนั้น เจ้าสามอยากตามมาด้วย แต่หลินชิงเหอไม่ยอมให้เขาตามมา

แน่นอนว่าหลินชิงเหอเป็นห่วงเขาที่ต้องอยู่คนเดียว มันคงจะดีกว่าหากว่าเขาได้อยู่กับพี่ชายคนรองของเขา ดังนั้นเธอจึงให้เขาอยู่บ้านกับคุณย่า และสัญญาว่าจะซื้อถังหูลู่กลับมาฝาก

หลินชิงเหอเข้ามาในอำเภอและขายระบายเนื้อหมูที่มีอยู่ในมือ จากนั้นเธอก็ซื้อไข่สามตะกร้าในตลาดมืด

คนในตลาดมืดถามเธอว่าทำไมถึงซื้อไข่ไปเสียเยอะแยะ หลินชิงเหอทำเพียงตอบว่าเธอไม่ได้ซื้อไปให้ครอบครัวของเธอเพียงครอบครัวเดียว แต่ยังมีคนอื่น ๆ มาร่วมกินอาหารด้วย

แม้หลินชิงเหอจะใช้ผ้าคลุมปิดหน้าตัวเอง แต่ชายผู้คุมก็รู้ว่าเธอเป็นแค่ลูกค้าธรรมดา จึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เงินอยู่ในมือหนึ่งแลกกับสินค้าจากอีกมือหนึ่งก็เท่านั้นเอง

หลินชิงเหอเก็บไข่สามตะกร้าเข้ามิติ จากนั้นก็จัดการกับของอื่น ๆ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้าน

ในระหว่างทางที่กลับบ้าน เธอก็หยิบเนื้อแดงน้ำหนักราว 2 ชั่งออกมา

เมื่อรู้ว่าสะใภ้สี่เข้าไปในอำเภอ ท่านแม่โจวก็ไม่ประหลาดใจที่เห็นเธอกลับมาพร้อมกับเนื้อและไข่ นางเพียงกระซิบเตือน “เธอต้องระวังตัวหน่อยนะเวลาเข้าตลาดมืด”

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันคุ้นเคยกับตลาดมืดแล้ว ฉันไม่ยอมให้คนอื่นเจอตัวหรอกค่ะ” หลินชิงเหอให้ความวางใจ

จากนั้นเธอก็เริ่มปรุงอาหารจานเนื้อ

หลินชิงเหอหั่นเนื้อแดงมาใช้ส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นหมูตุ๋นให้ทุกคนกิน ส่วนที่เหลือครึ่งหนึ่งเธอก็เก็บไว้ หากเอาไปทอดก็จะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว มันจึงไม่เป็นความคิดที่แย่นักในการเก็บไว้กินวันพรุ่งนี้

ถึงอย่างนั้นท่านแม่โจวก็ยังรู้สึกว่ามีเนื้อมากเกินไป แต่เมื่อเห็นว่าลูกชายและหลานชายของนางรับประทานกันอย่างมีความสุข นางก็ไม่ได้พูดอะไร

การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนในวันสิ้นเดือนมิถุนายนคือวันเริ่มต้นการใช้จ่ายอย่างหนัก หลินชิงเหอทำแต่อาหารดี ๆ ทุกวัน ก็เพื่อทำให้โจวชิงไป๋มีพื้นฐานร่างกายที่แข็งแรง

ต่อให้ในตอนนี้เขาจะเหนื่อยล้า แต่เขาก็ไม่เป็นอะไรเลย

ส่วนท่านพ่อโจวกับเด็ก ๆ ถือเป็นปัจจัยร่วม ในสายตาของหลินชิงเหอนั้น โจวชิงไป๋คือคนสำคัญอันดับหนึ่ง

โจวชิงไป๋มีชีวิตสมกับความตั้งใจ เขากินอิ่มในทุกมื้อและยังมีเวลาออกไปจับปลาไหลอีกด้วย

โดยเฉพาะตอนที่เขารู้ว่าไม่สามารถเลี้ยงไก่เกินจำนวน 2 ตัวได้แล้วในปีนี้ ดังนั้นก่อนถึงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อน เขาก็จับปลาหนีชิวกับปลาไหลมาเลี้ยงตุนไว้ในอ่างเป็นจำนวนมาก

หลังสัญญาณแตรแห่งการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนดังขึ้น หลินชิงเหอก็นำปลาที่สะสมไว้มาปรุงอาหารให้เขา

อาหารที่เธอทำมีต้มปลาหนีชิวกับเต้าหู้ ปลาหนีชิวตุ๋น ปลาไหลนาตุ๋น และข้าวหน้าปลาไหลตุ๋นกับผักดอง ทุกอย่างล้วนโอชารสอย่างยิ่ง

แถมช่วงนี้ยังไม่ขาดอาหารจานเนื้อ แม้ในมิติของหลินชิงเหอจะมีเนื้ออยู่ไม่มากนัก แต่ก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง เธอไปหาเม่ยเจี่ยเพื่อขอซื้อเพิ่ม และเปลี่ยนพวกมันทั้งหมดให้กลายเป็นอาหารแสนอร่อยให้พวกเขาทาน

ท่านแม่โจวเฝ้าดูการกระทำทุกอย่าง นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าอย่างไรเสียเธอก็มีลูกชายของนางเป็นที่หนึ่งในใจ ต่อให้การกระทำของเธอจะดูฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยก็ตาม

นางเห็นตลอดทุกครั้งที่ร่วมโต๊ะอาหารเย็น เธอจะไม่ยุ่งกับเด็ก ๆ เลย แต่กลับคะยั้นคะยอชิงไป๋ให้ทานมากขึ้น และยังให้เขาซดน้ำซุปอร่อย ๆ อีกด้วย

แถมเธอยังรู้ว่าเขากำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเกี่ยวฤดูร้อน เธอเลยยอมทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่ในสวนหลังบ้านด้วยตัวเอง

คงไม่ใช่การกล่าวเกินไปนักที่จะบอกว่าเธอทำทุกอย่างจริง ๆ

แน่นอนว่าส่วนใหญ่ท่านแม่โจวก็มาช่วยงานด้วย นางไม่ได้เข้าร่วมการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเหมือนกันและอยู่บ้านว่าง ๆ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะมาช่วย

การเอาใจใส่ผู้คนในบ้านของหลินชิงเหอช่างมีประโยชน์อย่างแท้จริง หลังผ่านไปได้เกินครึ่งเดือนต่อมา การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนก็สิ้นสุดลง แม้แววตาของโจวชิงไป๋จะมีร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้า แต่กำลังใจของเขากลับไม่ลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่นิดเดียว

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น้องชายสามตระกูลหลินได้อยู่บ้านใหม่แล้วค่ะ ยินดีด้วยนะคะ หลุดพ้นจากบ้านใหญ่เสียที

ท่านแม่โจวรู้สึกเอ็นดูแม่แล้วค่ะ ต่อจากนี้ไปแม่คงลบคำสบประมาทว่าเป็นหญิงขี้เกียจฟุ่มเฟือยได้แล้ว

พ่อดูมีความสุขมาก กลับมาเหนื่อยๆ ก็มีของอร่อยให้กิน แล้วพ่อจะไม่รักแม่ได้อย่างไรล่ะคะ

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset