บทที่ 183 ชาติที่แล้วเธอต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ๆ

บทที่ 183 ชาติที่แล้วเธอต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ๆ
โดย

บทที่ 183 ชาติที่แล้วเธอต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ๆ

เช้าวันต่อมา โจวชิงไป๋ก็ต้มโจ๊กเสร็จเรียบร้อย

วันนี้พวกเขากินโจ๊กข้าวฟ่างเคียงกับไข่เค็ม ซึ่งไข่เค็มเป็นสูตรเฉพาะตัวของหลินชิงเหอด้วยเช่นกัน น้ำมันในไข่ค่อนข้างสูงจนเยิ้ม

ทั้งครอบครัวกินกันอย่างมีความสุข

“พ่อครับ วันนี้พ่ออยากขึ้นเขาไปล่าไก่ฟ้าหรือเปล่า?” เจ้าใหญ่เอ่ยชวนพ่อ ขณะดวงตาของเจ้ารองกับเจ้าสามเป็นประกาย

ดวงตาของซูเฉิงน้อยเองก็เป็นประกายระยับด้วยเช่นกัน แต่เขาเด็กเกินกว่าที่จะไป ก็เลยจะถูกส่งให้ไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าของเขาในภายหลัง

“ได้สิ” โจวชิงไป๋เหลือบมองภรรยาขณะเอ่ยตอบ

สิ่งที่หลินชิงเหอเล่าเมื่อคืน เขาไม่เก็บมาใส่ใจนักในวันนี้ ซึ่งหลินชิงเหอก็เข้าใจโจวชิงไป๋ดีอยู่ เธอต้องให้เวลาเขาได้ตกผลึกความคิดสักหน่อยถูกไหมล่ะ?

เขาอาจกินเธอจนเกลี้ยงบนเตียงเตาได้ตามที่เขาต้องการ มากกว่านั้นยังแสดงอาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ บอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาต้องรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจบ้างสิถูกไหม?

หลังกินอาหารเสร็จ โจวชิงไป๋ก็พาเด็กชายสามพี่น้องออกไปล่าไก่ฟ้า ซึ่งมันก็มีอีกคำหนึ่งที่ไว้ใช้เรียกการล่าไก่ฟ้า นั่นก็คือการเก็บไก่ฟ้า

ในวันหิมะตก ไก่ฟ้าจะตัวแข็งหลังเหน็ดเหนื่อยจากการถูกไล่ตาม ในตอนนั้นเองมันก็จะหยุดนิ่งและปล่อยให้ตัวเองโดนจับ ดูเหมือนกับการเก็บมันขึ้นจริง ๆ

หลินชิงเหอปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ หลังแน่ใจว่าทั้งพ่อและลูก ๆ เกาะกลุ่มกันดีแล้วก็ปล่อยให้พวกเขาออกจากบ้าน

แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกจากบ้านไป โจวชิงไป๋ก็ได้คว้าตัวเธอมาจูบอย่างดูดดื่มเนิ่นนานครั้งหนึ่ง ทำให้เธอถึงกับหน้าแดงและใจเต้นแรง

พวกเขาออกไปกันหมดแล้ว หลินชิงเหอจึงเดินกลับไปทบทวนตำราภาษาอังกฤษตามลำพัก ขณะที่ซูเฉิงน้อยถูกส่งไปยังบ้านของท่านแม่โจว

แม้เธอจะเกือบคืนความรู้ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ยังมีพื้นฐานจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง ตราบใดที่รู้ว่าแต่ละคำอ่านออกเสียงอย่างไรมันก็คงไม่เป็นไร

หลังจำศัพท์ได้ 20 คำ และ 10 ประโยคในครั้งเดียว หลินชิงเหอก็เข้าครัวเพื่อหุงหาอาหารขณะท่องจำศัพท์ไปด้วย

ในชีวิตชาติที่แล้วเธอไม่คิดเลยว่าจะได้เป็นภรรยาและแม่ที่ดีแบบนี้?

พ่อและลูกชายทั้งสามเพิ่งออกจากบ้านไม่นาน ส่วนเธอเริ่มเตรียมอาหารอร่อย ๆ รอให้พวกเขากลับมากิน เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำงานหนักอยู่แล้ว

หลินชิงเหอนึ่งถั่วแดงเท่าที่จำเป็นเพื่อเตรียมทำโรลถั่วแดงหนึ่งหม้อ

โรลถั่วแดงมีรสชาติดี ทั้งครอบครัวล้วนชอบกิน

ขณะที่เธอทำโรลถั่วแดงอยู่นั้น สะใภ้ใหญ่ได้มาเยี่ยมพอดี เมื่อเห็นสะใภ้สี่กำลังทำอาหารอีกครั้งหล่อนก็รู้สึกชื่นชม

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหยางหยางกับเด็กคนอื่น ๆ ถึงบอกว่าอาสะใภ้สี่ทำอาหารอร่อยที่สุดและอยากจะเป็นลูกของเธอ” สะใภ้ใหญ่หัวเราะ

หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่โอกาสสำคัญอะไรหรอกค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่เองก็ทำได้นะคะตอนที่มีเวลาว่าง”

“มันยากไปหน่อยน่ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ

“ในเมื่อพี่ว่างแล้วและไม่มีอะไรอย่างอื่นทำ มันก็เป็นโอกาสดีที่จะทำอาหารให้พี่ชายใหญ่กับเด็ก ๆ มากขึ้นนะคะ ตลอดทั้งปีพี่มีเวลาพักตอนนี้ ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ทำอาหารอร่อย ๆ บำรุงพวกเขาหน่อยล่ะคะ? แล้วพี่จะทนงานหนักตลอดทั้งปีไหวเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยโน้มน้าวขณะที่มือก็ง่วนอยู่กับการทำอาหาร

“ที่บ้านพี่ก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ” สะใภ้ใหญ่ไม่สนใจ

“เป็นเรื่องดีนะคะที่จะรักสามีของพี่ให้มากขึ้น” หลินชิงเหอยืนกราน

เธอไม่สนใจว่าคนอื่นจะทำอย่างไร อย่างไรก็ตามที่บ้านของเธอต้องมีอาหารทั้งสามมื้อให้โจวชิงไป๋ เพื่อที่เขาจะได้รับสารอาหารเพียงพอ

ในยุคนี้ไม่มีอาหารเสริมอะไรหรอก หากเป็นในอนาคต เธอคงจะซื้อกระเพาะปลาหรือไม่ก็รังนกมาบำรุงเขาได้ ในยุคนี้พวกเขาไม่มีของดีแบบนั้นหรอก หากเธอไม่ใส่ใจลงไปกับการทำอาหารสามมื้อต่อวัน มันก็เหลือกำลังที่จะบำรุงเขา

สะใภ้ใหญ่เห็นด้วยกับที่เธอบอก “งั้นพี่จะทำอาหารดี ๆ ถ้ากลับถึงบ้านแล้วนะจ๊ะ”

หลินชิงเหอหัวเราะ เธอแค่แสดงความคิดเห็นของเธอเท่านั้น “พี่สะใภ้ใหญ่อย่าประหลาดใจไปเลยค่ะ ฉันก็แค่พูดขึ้นมา ฉันเป็นห่วงสภาพร่างกายของชิงไป๋น่ะค่ะ พี่เองก็รู้ว่าทำไมเขาถึงลาออก ถึงร่างกายของเขาจะดูแข็งแรง เขาก็สู้พี่ชายใหญ่กับคนอื่น ๆ ไม่ได้หรอกค่ะ”

สะใภ้ใหญ่หัวเราะในลำคอก่อนเอ่ยขึ้น “ต่อให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ มันก็น่าจะสมานตัวนานแล้วนี่จ้ะ”

หล่อนเห็นสภาพร่างกายของน้องชายสี่แล้ว เขาดูด้อยกว่าคนอื่นตรงไหนกัน? หรืออาการเก่ามันกลับมากำเริบอีกรอบกันนะ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รับการบำรุงดีเยี่ยมขนาดนี้ เป็นเพราะมีคนที่สามารถดูแลคนอื่นและทำอาหารอร่อย ๆ อยู่ที่บ้านนี่เอง

หลินชิงเหอไม่ได้เอ่ยอะไรมากกว่านั้นในเรื่องนี้ สะใภ้ใหญ่จึงช่วยเธอก่อไฟหรือทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งโรลถั่วแดงถือว่าทำง่ายมาก แต่เนื่องจากเธอไม่ได้ทำไว้เป็นจำนวนมาก เธอเลยมอบให้สะใภ้ใหญ่ไปเพียงสองลูกขณะที่หล่อนกลับไป

สะใภ้ใหญ่อยากจะปฏิเสธ เพราะหล่อนแค่แวะมาหาเพื่อคลายความเบื่อเหงา ขณะที่อยู่บ้านอีกฝ่ายหล่อนก็ช่วยงานบ้าง ไม่ถือว่าเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

ในเมื่อหล่อนไม่อาจปฏิเสธได้ หล่อนจึงได้แต่รับไว้

หล่อนนำโรลถั่วแดงกลับไปแบ่งให้ลูก ๆ เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ชอบกินขนาดไหน สะใภ้ใหญ่ก็มีแรงใจที่จะทำ หล่อนนำถั่วแดงแช่น้ำพักไว้ และเย็นนั้นเองครอบครัวของหล่อนก็ทำโรลถั่วแดงเหมือนกัน

หลินชิงเหอทำโรลถั่วแดงและพักไว้ในหม้อ ขณะเดียวกันเธอก็หยิบบางลูกไปกินเป็นอาหารกลางวัน และศึกษาตำราเรียนภาษาอังกฤษต่อ

พ่อและลูกชายทั้งสามกลับมาราวเที่ยงวัน และไม่ได้กลับมามือเปล่า แต่แบกไก่ฟ้าสีเทามาด้วยตัวหนึ่ง

ดวงตาของเด็ก ๆ เป็นประกายแม้ว่าแก้มของพวกเขาจะแดงปลั่งจากอากาศหนาว พวกเขาล้วนมีความปิติลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด

“ทอดไก่ฟ้าครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่งตุ๋นดีไหมคะ?” หลินชิงเหอยิ้มกว้างและรู้สึกดีใจมากเช่นกัน

ไก่สี่ตัวที่บ้านถูกปล่อยไว้ให้ออกไข่จึงไม่สามารถนำมาทำอาหารได้ การจับไก่ฟ้ามาได้ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้มีอาหารเพิ่มหนึ่งจาน

“คุณตัดสินใจเถอะ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

อาหารมื้อกลางวันนี้จึงเป็นโรลถั่วแดงทานพร้อมกับชาถั่วลิสงผสมงา

ชาถั่วลิสงผสมงานี้ไม่ใช่ชาจริง ๆ หรอก เกิดจากการที่เธอบดงากับถั่วลิสงเข้าด้วยกันจนข้นเหลวแล้วค่อยเติมน้ำเดือดลงไป จากนั้นก็เติมน้ำซุปเข้าไปอีกนิดหน่อย มันก็กลายเป็นชาถั่วลิสงผสมงาแบบดั้งเดิมที่อร่อยมากแล้ว

มันช่างเข้ากันกับโรลถั่วแดงเหลือเกิน

หลังกินอาหารเสร็จ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามต่างออกจากบ้าน และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ลืมที่จะหยิบถั่วลิสงคั่วที่แม่ของพวกเขาทำไปคนละหนึ่งกำมือเป็นอาหารว่างด้วย

ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็ไม่ได้แวะมากินข้าวที่บ้าน เพื่อไม่ให้ซูสวิ่นน้อยไม่สบาย โจวชิงไป๋จึงเป็นฝ่ายส่งอาหารไปบ้านนั้นแทน

โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอจึงเป็นสมาชิกในครอบครัวที่เหลืออยู่ในตอนนี้

โจวชิงไป๋จัดการชำแหละไก่ฟ้าอย่างเชี่ยวชาญและสับมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับมือที่ล้างสะอาดแล้ว

หลินชิงเหอที่ได้สารภาพความจริงกับเขาไปแล้วก็ไม่ได้กระวนกระวายใจกับเขาเลย คำศัพท์ภาษาอังกฤษออกมาจากปากของเธอคำแล้วคำเล่า

เธอไม่กลัวว่าจะมีใครบางคนอยู่ข้างนอก หากมีล่ะก็เจ้าเฟยอิงจะส่งเสียงเห่า ต่อให้เป็นท่านแม่โจวมาหามันก็จะเห่าเตือน

โจวชิงไป๋มองภรรยาอยู่เงียบ ๆ

“คุณมองฉันมานานแล้วนะคะ คุณยังจะมองต่อไหมคะ?” หลินชิงเหออดรนทนไม่ไหว หลังถูกเขาจ้องมองมา 5 นาที เธอก็สบสายตากับเขา

โจวชิงไป๋รวบตัวเธอมาไว้ในอ้อมแขน มีเพียงการได้กอดเธอเท่านั้นทำให้เขารู้สึกสงบลงได้

ชาติที่แล้วเธอต้องมีชีวิตที่ดีแน่ ๆ เลยสินะ? เขาคิด

เธอเต็มใจจะอยู่กับเขาแบบนี้จริง ๆ เหรอ? เขาสาบานว่าจะยกทุกอย่างที่เขามีให้กับเธอ แต่ความจริงแล้วเขาไม่มีอะไรจะให้เธอเลยจริง ๆ

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่ออย่าเพิ่งน้อยใจนะคะ การที่พ่อเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกสำหรับแม่แล้วค่ะ

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset