บทที่ 184 ลูกชายคนเล็กต้องการการตามใจ

บทที่ 184 ลูกชายคนเล็กต้องการการตามใจ
โดย

บทที่ 184 ลูกชายคนเล็กต้องการการตามใจ

หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าชายของเธอกำลังสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง

เธอนอนนิ่งในอ้อมแขนของเขาและยังคงท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษต่อ เธอจำได้ไม่มากหรอก แค่ 20 คำต่อวันเท่านั้น

เธอจำมันในตอนเช้าและตอนนี้ก็จำได้ขึ้นใจแล้ว

หญิงสาวเองก็จำวลีต่าง ๆ ในตอนเช้าด้วยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นวลีที่เธอเคยเรียนมาก่อน ซึ่งต้องกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง

เด็ก ๆ ต่างมีพลังงานล้นเหลือ พวกเขาดูไม่เหนื่อยเลยหลังเล่นมาทั้งวัน แต่หลินชิงเหอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก พอถึงบ่ายโมงเธอก็รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนแล้ว

“คุณอยากงีบสักพักไหมคะ?” หลินชิงเหอเก็บตำราภาษาอังกฤษเข้าไปในมิติและเอ่ยถามโจวชิงไป๋

โจวชิงไป๋รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหนังสือในมือของเธอหายวับไป เมื่อคืนนี้เขาก็เห็นแบบนี้เหมือนกันภายใต้แสงจากตะเกียง แต่ในตอนนี้เขาเห็นมันตอนกลางวันแสก ๆ

หลินชิงเหอยักคิ้วให้เขา โจวชิงไป๋จึงตอบกลับ “งีบสักหน่อยก็ได้”

ทั้งคู่จึงพากันนอนงีบ ในขณะที่โจวชิงไป๋อยากจะพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบน หลินชิงเหอก็ห้ามไว้ “คุณนอนพักไปดี ๆ สิคะ!”

ชายคนนี้ไม่รู้จักว่าเมื่อไหร่ควรหยุดจริง ๆ เขาไม่กลัวตายจากเรื่องนี้เหรอ?

โจวชิงไป๋จึงทำได้เพียงกอดเธอแล้วหลับไป

หลินชิงเหอเป็นคนที่หลับง่าย ไม่ช้านานเธอก็หลับ

แต่โจวชิงไป๋กลับนอนไม่หลับ เขาได้แต่มองภรรยา แต่สุดท้ายแล้วการได้กอดภรรยาในอ้อมแขนก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่นานนักเขาก็หลับตามไป

คนทั้งคู่งีบหลับไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง การนอนบนเตียงในช่วงฤดูหนาวแบบนี้มันช่างอุ่นสบายดีจริง ๆ เมื่อเธอตื่นขึ้นจึงรู้สึกเกียจคร้าน แก้มทั้งสองแดงเปล่งปลั่งดูหวานหยดราวกับน้ำผึ้งหรือลูกท้อ ช่างดูน่าดึงดูดนัก

“ภรรยาครับ” โจวชิงไป๋ตื่นนอนและยังมีพลังงานเต็มเปี่ยม มือใหญ่ของเขาวางอยู่บนเอวของเธอ

หลินชิงเหอรู้สึกพอใจกับการถูกเขาลูบไล้ เธอหรี่ตาลงพลางเอ่ยขึ้น “นับจากนี้คุณทำสามวันครั้งนะคะ เมื่อคืนนี้คุณเพิ่งกินเนื้อไป หลังจากวันนี้อีกสองวันเราค่อยคุยกัน”

“ผมไม่ได้ทำงานนะ” โจวชิงไป๋ยืนกราน

เขาไม่เหนื่อยเลยเพราะว่าไม่มีงาน และนั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่เหนื่อยเลยไม่ว่าจะทำกี่ครั้งก็ตาม

หลินชิงเหอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้คิดอะไรอยู่? เธอยิ้มพลางลูบใบหน้าของเขา “ทำตัวดี ๆ เถอะค่ะ อย่าคิดวอกแวกไปกับเรื่องพวกนี้เลย คุณนวดฉันให้ดี ๆ เถอะค่ะ”

จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับและปล่อยให้เขานวดตัวเธอต่อ

ฝ่ามือของชายคนนี้ด้านแข็งแต่กลับให้ความรู้สึกมั่นใจอย่างเหลือล้นและเต็มไปด้วยพลัง อย่างน้อยหลินชิงเหอก็ชอบมัน

เธอไม่ค่อยชื่นชมบรรดาชายหนุ่มหน้าละอ่อนพวกนั้นหรอก เธอชอบชายชาตรีดูเป็นวีรบุรุษแบบนี้มากกว่า

โจวชิงไป๋ไม่ได้เถียงเธอในเรื่องนี้ เขามักมีวิธีทำให้เธอยอมในตอนกลางคืนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาจะยอมนวดตัวให้เธออย่างเชื่อฟังก่อน

หลินชิงเหอรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังยั่วเย้าเธออยู่ ต่อให้เขาจะนวดตัวเธอตามปกติ แต่ก็ไม่วายลอบกินเต้าหู้(ลวนลาม)เธอไปด้วย ยิ่งกว่านั้นยังกินด้วยสีหน้าจริงจังดูใสซื่อ

คนทั้งคู่ตัวติดกันบนเตียงเตาครู่หนึ่งก่อนที่บรรดาเด็ก ๆ จะกลับเข้ามา

เมื่อเด็ก ๆ กลับมาแล้วเห็นประตูห้องของพ่อแม่ปิดอยู่ก็บังเกิดความเกรงใจไม่เดินตรงไปเป็นการรบกวน แต่เดินเข้าไปในห้องของพวกเขาแทน

เริ่มจากปีนี้ เด็กชายทุกคนล้วนนอนห้องข้าง ๆ รวมถึงเจ้าสามด้วย

“ลูกชายสามคนของเราช่างซนกันจริง ๆ” หลินชิงเหอรู้สึกจนใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กชายทั้งสามในห้องข้าง ๆ

“พวกเขาเชื่อฟังคุณอยู่นะ” โจวชิงไป๋บอก

หลินชิงเหออยากจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันเป็นความปรารถนาแรงกล้าที่จะอยู่รอดกันนะ?

“เชื่อฟังฉันก็ดีแล้วนี่คะ ฉันทำอาหารให้กินกับแต่งตัวให้พวกเขาดี ๆ ขนาดนี้ ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟังฉัน ฉันก็จะฟาดด้วยไม้เรียว” หลินชิงเหอกวาดสายตามองเขา

“คุณไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ผมจะทำเอง” โจวชิงไป๋ตอบ

ในครั้งนี้หลินชิงเหออดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมาและมองดูเขา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงพูดว่าถ้าคุณมีแม่เลี้ยง คุณจะมีพ่อเลี้ยงด้วย”

โจวชิงไป๋รู้สึกเคว้งคว้างไป แต่ก็ยังแก้คำอย่างหนักแน่น “คุณเป็นแม่แท้ ๆ ของพวกเขานะ”

เขารู้อยู่ในใจว่าเธอดูแลเขากับลูกชายทั้งสามอย่างไร เธอเป็นภรรยาของเขาและเป็นแม่ของลูก ๆ เขา

หลินชิงเหอไม่ได้แย้ง เธออุทิศตัวเองให้เด็ก ๆ ถึงขนาดนี้ หากพวกเขากล้าอกตัญญู ไม่เชื่อฟัง หรือกล้าทุจริตต่อเธอล่ะก็ เธอจะทุบตีพวกเขาอย่างไม่ปรานี

เมื่อใกล้จะได้เวลาแล้ว หลินชิงเหอจึงหยิบเนื้อไก่ฟ้ามาตุ๋นบางส่วน ส่วนที่เหลือเธอเก็บเอาไว้ผัดกับเห็ดในคืนนี้

“แม่ครับ ถุงเท้าผมมีรูล่ะ” เจ้าสามเดินออกมาหาเธอพร้อมกับบอกเธอ

“ถุงเท้าเป็นรูเหรอ? แม่เพิ่งจะเย็บไปให้ไม่ใช่เหรอไง?” หลินชิงเหอเอ่ย เธอทำบะหมี่ไก่เสร็จก่อนจะเดินตามเขาไป

ถุงเท้าของเจ้าสามมีรอยขาดเพิ่มจริง ๆ ด้วย

“ทำไมมันขาดเร็วจังเลยล่ะ แค่ไม่กี่วันเองนะ” หลินชิงเหอถาม

“ผมก็ไม่รู้ ผมใส่มันแล้วมันก็ขาดแล้ว” เจ้าสามเอ่ยพลางกระพริบตา

หลินชิงเหอจึงเอ่ยเร่ง “งั้นขึ้นไปบนเตียงเตาก่อน แม่จะเย็บซ่อมให้”

พี่น้องทั้งสามต่างมีถุงเท้ากันคนละสองคู่ แต่คู่หนึ่งเพิ่งซักไปเมื่อวานและตากไว้บนหัวเตียงเตา ซึ่งพวกมันต้องแห้งก่อนถึงจะใส่ได้ เธอจึงได้แต่เย็บคู่นี้ให้เขาใส่

เจ้าสามกระโดดขึ้นไปบนเตียงเตา หลินชิงเหอหยิบถุงเท้าของเขามาปะชุน ขณะที่เย็บชุนอยู่นั้นก็พูดกับโจวชิงไป๋ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ “ฉันคิดว่าเจ้าสามเด็กตัวเหม็นนี่ต้องอยากให้ฉันซื้อถุงเท้าใหม่ให้แน่ ๆ ค่ะ เขาเลยจงใจหางานให้ฉันทำแบบนี้”

“หือ?” โจวชิงไป๋หันหน้ามาหาเธอ

“ฉันซ่อมถุงเท้าพวกนี้ให้เขาเมื่อวานซืน วันนี้พวกเขากลับทำมันเป็นรูใหญ่ขนาดนี้อีก” หลินชิงเหอแจงรายละเอียดให้เขาฟัง

โจวชิงไป๋บอก “ปล่อยให้เขาใส่มันต่อเถอะ”

“ถ้าใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้าแล้วเท้าจะเหม็นง่ายนะคะ” หลินชิงเหอหยิบเข็มและด้ายออกมาก่อนจะลงมือเย็บ “ถ้าเด็กคนนี้ยังกล้าทำถุงเท้าขาดอีกล่ะก็ ฉันจะปล่อยให้เท้าของเขาเหม็นแบบนี้แหละ”

ถุงเท้ามีสภาพเก่าเล็กน้อย เพราะมันขาดมาสองรอบแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังใส่ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่

โจวชิงไป๋มองเธอลงมือปะชุนถุงเท้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อซ่อมเสร็จ หลินชิงเหอก็เรียกเจ้าสามมา จากนั้นยื่นถุงเท้าให้เขา ก่อนจ้องลึกในดวงตาของเขาพร้อมพูดว่า “เจ้าสาม ลูกต้องปกป้องถุงเท้าพวกนี้ให้ดี ๆ นะ ถ้ามันขาดอีกรอบลูกจะไม่มีใส่แล้ว”

“ถ้ามันขาด แม่ก็ซื้อคู่ใหม่สิครับ” เจ้าสามเอ่ยพลางกระพริบตา

ฟังดังนี้แล้วหญิงสาวก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้จงใจทำมันขาด เธอเหลือบมองโจวชิงไป๋และเอ่ยในใจ ‘นี่แหละค่ะลูกชายคุณ’

“ปีนี้ครอบครัวเราได้เงินมาน้อยนะ แต่พวกลูกสามคนกลับกินจุมากขึ้นเรื่อย ๆ เงินทุกส่วนใช้ซื้ออาหารหมดแล้ว ไม่มีเงินเหลือพอไว้ซื้ออย่างอื่นแล้ว” หลินชิงเหออธิบาย

“แต่บ้านเรายังซื้อนมได้อยู่นี่ครับ” เจ้าสามชี้ประเด็น

“นั่นก็เป็นเพราะลูกทุกคนกำลังโตอย่างไรล่ะเลยต้องดื่มนม ดูพี่ชายคนโตของลูกสิว่าปีนี้เขาสูงขึ้นขนาดไหน? เกือบ 5 เซนติเมตรเลยนะ บางทีในฤดูหนาวหน้าเขาอาจจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมไม่ได้แล้วและต้องตัดชุดใหม่” เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ หลินชิงเหอก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านในใจขึ้นมาเล็กน้อย

เจ้าใหญ่ยังไม่เข้าสู่วัยเจริญเติบโตเต็มที่และตอนนี้ยังคงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

หลังปีใหม่นี้เขามีอายุเพียง 10 ขวบ แต่สูงเกือบ 150 เซนติเมตรแล้ว ซึ่งเธอประมาณไว้ว่าปีหน้าเขาคงจะสูงเกิน 150 เซนติเมตร

แต่เจ้าสามไม่สนใจเรื่องพวกนั้นเลย เขาแค่ต้องการถุงเท้าคู่ใหม่เท่านั้น

“แม่ครับ ถุงเท้าของผมเก่ามากแล้ว แม่เปลี่ยนเป็นคู่ใหม่ให้ผมได้ไหมครับ?” เจ้าสามรู้ดีว่าถุงเท้าพวกนั้นตัดเย็บดีขนาดไหน เขาจึงรู้ว่ามันไม่มีโอกาสที่จะขาดอีกครั้ง จึงได้แต่พยายามออดอ้อนให้ผู้เป็นแม่ตามใจ

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อกินแม่เบา ๆ หน่อยค่ะ เปลี่ยนจากกินทุกวันมากินสามวันครั้งก็ได้นะคะ แม่ขอร้อง

เจ้าสามเริ่มงอแงกับแม่แล้วค่ะ หลินชิงเหอจะจัดการกับลูกชายคนเล็กอย่างไร ติดตามตอนหน้านะคะ

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset