บทที่ 214 มาขอร้องอ้อนวอน

บทที่ 214 มาขอร้องอ้อนวอน
โดย

บทที่ 214 มาขอร้องอ้อนวอน

เวลาผ่านไปจนกระทั่งเดือนพฤษภาคมได้มาถึง

ในช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว ผักบางส่วนที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้านก็งอกงามพร้อมรับประทานพอดี

แน่นอนว่าพวกเขากินกุยช่ายกันมานานแล้ว ขนมกุยช่ายถือว่าเป็นของโปรดของครอบครัวเลยทีเดียว

หลินชิงเหอยังสอนหนังสืออยู่ เธอยุ่งมากในทุกวัน ส่วนเม่ยเจี่ยก็ได้ทำงานอีกครั้ง และยังคงดำเนินธุรกิจขายเนื้อหมูต่อ

สามีของหล่อนทำงานในฟาร์มหมูและสามารถได้ผลประโยชน์จากตำแหน่งงานนี้ได้ ทำไมหล่อนถึงจะไม่ทำงานนี้ล่ะ?

“ในเมืองเหมือนจะไม่สงบไปชั่วขณะหนึ่งนะ จะไม่เป็นปัญหากับลูกค้ารายต่อไปของเธอเหรอ?” เม่ยเจี่ยถามเสียงเบาตอนที่หลินชิงเหอมารับเนื้อหมูในวันนั้น

“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้าและถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่ได้ยินมาว่าตอนนี้มีทหารแดงจากข้างนอกเข้ามาในเมืองนี้ ทำให้ในเมืองไม่สงบไปครู่หนึ่งเลยล่ะ” เม่ยเจี่ยบอก

“หลังผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วก็คงดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

หลังทะลุมิติมาที่นี่ เธอก็เริ่มรู้เรื่องราวบางอย่างในยุคนี้แล้ว อย่างเช่นเรื่องทหารแดงพวกนี้

พวกเขาทำงานกันอย่างแข็งขัน แต่อีกไม่นานก็จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว จากนั้นพวกเขาจะหายไปในปีหน้าและไม่มาสร้างปัญหาใด ๆ อีก

แต่ถึงอย่างนั้นการเคลื่อนไหวของทหารแดงจากภายนอกกลุ่มนี้นับว่ายิ่งใหญ่ไม่น้อย

ประเด็นที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาก็คือหวังหลิงกับโจวเหอที่มีความผิดฐานเป็นชู้กัน

จากเรื่องดำมืดในอดีตนี่เอง พวกเขาสองคนจึงถูกอัปเปหิออกจากหมู่บ้าน เล่ากันว่าโจวเหอถูกหามกลับมา ยิ่งกว่านั้นเขายังกลับมาในสภาพถูกตอนด้วย

ส่วนหวังหลิงก็มีสภาพน่าอนาถไม่ต่างกัน ใบหน้าของหล่อนถูกตบตีจนบวมช้ำ แม้แต่คนใกล้ตัวของหล่อนก็ยังจำหล่อนไม่ได้

ด้วยจลาจลที่เกิดขึ้นในเมือง ทุกคนในหมู่บ้านจึงหลีกเลี่ยงสองคนนี้ราวกับเลี่ยงหลบเชื้อโรคไปชั่วขณะหนึ่ง

ในหมู่บ้านโจวเจี่ยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับบ้านตระกูลหลิน

เป็นน้องชายสามตระกูลหลินที่มาแจ้งเรื่องกับพวกเขา

“พี่รองหลินกล้าไปติดพันกับแม่หม้ายในหมู่บ้านเชียวเหรอ? เขาอยากตายหรือไง?” หลินชิงเหออุทานอย่างประหลาดใจ

สภาพแวดล้อมในช่วงนี้นับว่าเข้มงวดกวดขันอย่างยิ่ง แต่พี่ชายรองตระกูลหลินกลับกล้าฝ่าม่านประเพณี แถมภรรยาของเขาก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่เงียบ ๆ ด้วย

“ปกติแล้วในหมู่บ้านจะสงบสุขดีและไม่รู้ว่าโลกข้างนอกเกิดจลาจลร้ายแรงเพียงใด แต่เมื่อวานนี้พวกเขาถูกพาตัวออกไปแล้ว” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ย “พ่อแม่ของเรากับคนอื่น ๆ ก็กำลังจะมาขอความช่วยเหลือจากพี่เขยด้วยเหมือนกัน”

“ในเมื่อตระกูลหลินอยากจะได้ตัวเขาคืน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะจ่ายไหวไหม!” หลินชิงเหอแค่นเสียง

น้องชายสามตระกูลหลินเม้มปากก่อนเอ่ยขึ้น “พี่ครับ ต่อให้ในอดีตจะมีเรื่องบาดหมางกันขนาดไหน แต่เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่นะครับ”

“พี่รองหลินกับพี่ไม่ใช่พี่น้องกัน เช่นเดียวกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่นั้นด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะดึงตัวลูกสาวที่แต่งงานเหมือนสาดน้ำออกนอกเรือนไปแล้วกลับเข้ามาในเรือนอีก” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไร้ใจ

เธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม ต่อให้อยู่ในร่างของหล่อนก็ตาม เธอก็ไม่สนับสนุนพ่อแม่ของเจ้าของร่างเดิมหรอก

แน่นอนว่าถ้าพ่อแม่ของเจ้าของร่างเดิมเป็นคนดี หากไม่ช่วยก็คงจะเกินไป แต่พ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่นี้เป็นแบบนั้นไหมล่ะ?

เธอไม่มีเจตนารังแกแต่อย่างใด คนพวกนี้ที่อ้างว่าตัวเองอายุมากกว่าทำอะไรเธอไม่ได้หรอก เธอจะไม่สุภาพกับเรื่องนี้

“อีกไม่นานพ่อกับแม่จะมาที่นี่แล้วนะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินบอก

เขาไม่ได้ออกไปเช่นกัน และแน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินก็เดินทางมาถึง เป็นเรื่องหายากทีเดียวที่คนทั้งคู่จะมาด้วยกัน

พวกเขาไม่มีทางเลือก หากไม่มาที่นี่ ลูกชายคนรองของพวกเขาต้องถูกจัดการแน่ ทั้งสองจึงต้องมาที่นี่ต่อให้ไม่อยากมาก็ตาม

แต่มีแค่ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินเท่านั้นที่มา ส่วนพี่ชายใหญ่ตระกูลหลินกับสะใภ้รองตระกูลหลินไม่ได้มาด้วย

“โอ้ พวกคุณสองคนถึงกับมาหาฉันที่เป็นเหมือนน้ำสาดออกจากเรือนไปแล้วเชียวเหรอคะ ช่างหายากนะเนี่ย” หลินชิงเหอเอ่ยตรงไปตรงมา

“ชิงเหอ แกต้องช่วยพี่ชายรองของแกนะ แกจะใจร้ายใจดำไม่ช่วยเหลือคนที่กำลังจะตายไม่ได้!” ท่านแม่หลินร้องไห้สะอึกสะอื้น

หลินชิงเหอแค่นเสียง “ถ้าคุณคิดว่ามาบีบน้ำตาใส่ฉันแล้วฉันจะใจอ่อนก็ร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้ต่อไปเถอะค่ะ ฉันจะดูต่อ”

“ชิงเหอ ตอนนี้แกเป็นครูชั้นมัธยมต้นของตำบลแล้วนะ แกไม่ห่วงชื่อเสียงของแกเหรอ?” ท่านแม่หลินจ้องมองเธอ

สายตาน่ารังเกียจแบบนี้ทำให้หลินชิงเหอเกิดความรู้สึกดูหมิ่นขึ้นมาในใจ เธอแค่นเสียงเอ่ยกลับ “ชื่อเสียงของฉันแล้วยังไงเหรอคะ? ต่อให้คุณกล้าตีตราฉันว่าเป็นลูกอกตัญญู ฉันก็จะบอกเหมือนกันค่ะว่าคุณเป็นพ่อแม่จอมเผด็จการ คนพวกนั้นไม่ปล่อยคุณไปเพราะเห็นว่าอายุมากหรอกนะคะ”

ท่านแม่หลินได้ยินก็ตัวสั่นเทิ้มด้วยโทสะ “แก…แกกล้าทำกับฉันที่เป็นแม่แบบนี้เรอะ? แกไม่กลัวว่าลูก ๆ แกจะทำกับแกเหมือนอย่างที่แกทำกับฉันในอนาคตหรือไง?”

“หยุดพูดเรื่องนั้นไปเลยค่ะ คุณดูแลฉันในแบบเดียวกับที่ฉันดูแลลูก ๆ ไหมล่ะคะ? พวกเขารู้ว่าฉันปฏิบัติพวกเขายังไง และฉันก็รู้ว่าคุณปฏิบัติต่อฉันยังไง ฉันนำเงินกลับไปเลี้ยงดูตระกูลหลินเยอะขนาดไหน? ฉันทำงานเพื่อตระกูลหลินมาเยอะขนาดไหนตั้งแต่ยังเล็ก? ยิ่งกว่านั้นตอนที่ฉันแต่งงานกับโจวชิงไป๋ ฉันเอาเงินจากเขามามากขนาดไหน? ซึ่งฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นหนี้อะไรกับตระกูลหลินเลยสักนิด” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงเรียบ

ท่านแม่โจวเดือดจัดจนอยากจะทรุดนั่งลงและตีอกชกหัว

ทันทีที่นางทรุดนั่งลง หลินชิงเหอก็คว้าเก้าอี้นั่งลงและเอ่ยด้วยท่าทีเฉยเมย “จะทำอะไรก็ทำนะคะ ฉันจะนั่งดูอยู่ตรงนี้แหละ”

ท่านแม่หลินพูดต่อไม่ออก นางไม่คิดเลยว่าลูกสาวคนนี้จะใจร้ายไร้ความรู้สึกขนาดนี้!

“ชิงไป๋อยู่ที่ไหน?” ท่านพ่อหลินถามขณะมองดูลูกสาว

“ไปทำงานค่ะ ในครอบครัวนี้มีคนตั้งเยอะแยะ เราจะกินอะไรกันล่ะคะหากเขาไม่ไปทำงาน” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่แยแส

“ชิงเหอ พ่อรู้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเราทำผิดต่อแกในบางเรื่อง แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ไม่มีเรื่องไหนไม่สามารถปล่อยไปได้หรอก ครั้งนี้เรื่องของพี่ชายรองแก…”

ก่อนที่ท่านพ่อหลินจะพูดจบ หลินชิงเหอก็พูดขัดเขาขึ้นมา “อย่าพูดว่าเขาเป็นพี่ชายรองของฉันเลยค่ะ พี่ชายรองหลินไม่ใช่พี่ชายรองของฉัน ฉันไม่มีพี่ชายรองแบบเขา คิดแล้วก็ขายหน้านัก คนที่มีภรรยาอยู่แล้วแต่กลับมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับแม่หม้าย ถูกจับมาแล้วจะโทษใครได้ล่ะคะ?”

ท่านพ่อหลินได้ฟังก็โมโห “เรื่องมันก็เกิดไปแล้ว แกจะทำอะไรได้อีกล่ะ? แกช่วยเขาไม่ได้เหรอ? แกจะปล่อยให้เขาถูกจับแบบนี้เนี่ยนะ?”

“ฉันจะช่วยอะไรได้ล่ะคะ? ฉันเป็นแค่ครูคนหนึ่งในโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบล ไม่ใช่ว่าเขาถูกจับส่งเข้าไปในอำเภอแล้วเหรอคะ? ฉันไม่มีกำลังที่จะช่วยอะไรได้หรอกค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

ความจริงก็คือเธอไม่อยากจะช่วยจริง ๆ เรื่องนี้ในยุคนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ มันจะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

ยุคนี้เป็นยุคที่ใครก็ตามสามารถร้องเรียนได้ หากพี่ชายรองตระกูลหลินกระทำความผิดและถูกปล่อยตัวออกมา แล้วคนอื่น ๆ ล่ะจะว่าอย่างไร? พวกเขาจะไม่ทำแบบนี้เพื่อได้รับการปล่อยตัวออกมาบ้างเหมือนกันเหรอ?

ถึงตอนนั้นโจวชิงไป๋ก็คงจะติดร่างแหไปด้วย หลินชิงเหอจึงไม่อยากยื่นมือช่วยเรื่องนี้เลย

เมื่อเห็นว่าลูกสาวใจร้ายกำลังจะปล่อยให้พี่ชายรองของเธอเน่าขึ้นมาจริง ๆ ท่านแม่หลินก็กรีดร้อง “นังคนใจร้าย นังลูกใจร้ายของตระกูลหลิน พี่ชายรองของตัวเองถูกจับแท้ ๆ แต่ก็ไม่ช่วยเขา ฉันมีลูกสาวเลวขนาดนี้ได้ยังไง!”

“แม่เฒ่า เชิญหอนต่อไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ทุกคนตัดสินกันทีหลังว่าการเลือกความถูกต้องเหนือความภักดีต่อครอบครัวเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ก็แล้วกัน” หลินชิงเหอยังมีท่าทีไม่เปลี่ยนไปขณะเอ่ยอย่างไม่สนใจใยดี

“พี่ครับ” น้องชายสามตระกูลหลินเม้มปากขณะมองพี่สาว

“หุบปาก” หลินชิงเหอตวัดสายตามองเขา “ช่างโง่เขลาจริง ๆ ขนาดพี่ใหญ่กับภรรยาของพี่รองยังไม่กล้ามาแสดงตัวเพราะกลัวจะติดร่างแหไปด้วย ขณะที่นายวิ่งวุ่นไปทั่วเหมือนคนตาบอด นายไม่ต้องทำงานเลี้ยงดูภรรยาและลูก ๆ ของนายหรือไงหะ?”

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ฟาดแล้วค่ะ ต่อให้เป็นพ่อแม่ตัวเองก็ฟาดไม่เลี้ยงเหมือนกันถ้าปฏิบัติไม่ดีด้วย หลินชิงเหอคนนี้ไม่ใช่หลินชิงเหอคนเดิมแล้ว

ชะตากรรมของพี่ชายรองตระกูลหลินจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามตอนหน้าค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset