บทที่ 215 ปล่อยตัว

บทที่ 215 ปล่อยตัว
โดย

บทที่ 215 ปล่อยตัว

หลังโดนเอ็ดให้ถอยไป น้องชายสามตระกูลหลินก็พูดอะไรไม่ออก

หลินชิงเหอไม่ใส่ใจเขาอีก น้องชายของเธอเป็นคนใจดีบริสุทธิ์ เป็นหน่อพันธุ์ที่ดีจากกอไผ่ที่เลว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ติดต่อเขาอยู่หรอก

พี่ชายรองตระกูลหลินไม่ได้มีเมตตาอะไรต่อผู้เป็นน้องชาย ครั้งที่แล้วน้องชายสามตระกูลหลินอยากจะแยกตัวออก พี่ชายรองตระกูลหลินยังยุยงให้เขาออกจากตระกูลอยู่เลย

เรื่องนี้สะใภ้สามตระกูลหลินแอบเล่าให้เธอฟัง

แต่ในตอนที่เกิดเรื่องกับพี่ชายรองตระกูลหลิน น้องชายสามตระกูลหลินกลับยังมีความสุขที่จะช่วยเหลือเป็นธุระให้

ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินบอกได้ว่าลูกสาวคนนี้ไม่มีเจตนาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ ท่านแม่หลินถึงกับหยุดเรียกร้องความสนใจ ดวงตาของนางฉายแววราวกับจะกินเลือดกินเนื้อหลินชิงเหอ

“ถ้าแกไม่ช่วยอาสอง หญิงแก่คนนี้ก็จะตายตรงนี้ล่ะ!” ท่านแม่หลินลุกขึ้นและส่งเสียงคำรามดุร้าย

“งั้นฉันก็จะให้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นค่าโลงศพและฝังคุณแบบศพสวย ๆ นะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

คิดขู่เธอเหรอ? ไม่ได้ผลหรอก ถ้าพวกเขาขู่เธอได้ครั้งหนึ่ง พวกเขาก็จะขู่ครั้งต่อไปได้ ครั้งนี้เป็นเรื่องของพี่ชายรองตระกูลหลิน แล้วครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องไหนล่ะ?

เธอจึงตัดไฟแต่ต้นลมเสีย

“ดี​ ดีมาก​ งั้นฉันจะให้แกได้เห็นฉันตายตรงนี้แหละ!” ท่านแม่หลินประกาศกร้าวและวิ่งพุ่งตรงไปที่กำแพงในทันที

หลินชิงเหอไม่ได้ปิดตาเลย​ ขณะที่น้องชายสามตระกูลหลินหวาดกลัวเสียจนต้องรีบหยุดนางไว้​ “แม่ครับ​ ค่อย ๆ​ พูดกันนะครับ​ อย่าฆ่าตัวตายเลย!”

“นังคนใจร้าย​ ฉันอุตส่าห์คลอดแกกับเลี้ยงดูแกมา​ ตอนนี้แกกลับตอบแทนเราด้วยการดูฉันที่เป็นแม่แกตายตรงหน้าน่ะเหรอ!” ท่านแม่หลินไม่สนใจลูกชายและถลึงจ้องมองหลินชิงเหอ

นางกำลังจะพุ่งชนกำแพงฆ่าตัวตายอยู่แล้ว แต่เธอกลับยังเฉยและไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ ท่าทีดูราวกับว่านางไม่ใช่แม่ของเธอ

“แม่เฒ่า ลูกสาวของคุณน่ะตายไปแล้ว หล่อนตายไปตั้งแต่ตอนที่กลับไปขอเงินที่บ้านแม่ตัวเองแล้วไม่ได้เงินนี่แหละ คุณมาที่นี่เพื่อมีปัญหากับฉัน ฉันก็ไม่สนใจคุณเหมือนกัน” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่แยแส

“พอได้แล้ว ฉันจะบอกให้นะ ต่อให้แกไม่คิดจะจดจำฉัน ฉันก็ยังเป็นแม่แก!” ท่านแม่หลินขบฟันกรอด

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นแม่สามีของฉันก็จะมาในทันที แล้วเรื่องนี้ก็จะไม่จบลงง่าย ๆ ด้วย คราวที่แล้วแม่สามีของฉันเรียกผู้หญิงในหมู่บ้านบางคนไปช่วยตบตีแม่สามีกับสะใภ้ของพี่สาวรองฝั่งสามีมาแล้ว และไม่มีใครกล้าพูดอะไรด้วย” หลินชิงเหอบอก

ท่านแม่หลินที่ชอบรังแกคนอ่อนแอแต่ขลาดกลัวคนแข็งแกร่งถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินดังนี้

นางได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน เพราะหมู่บ้านโจวเจี่ยไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านตระกูลหลินนัก ยิ่งกว่านั้นเหตุการณ์นี้ยังบานปลายไปไกล เมื่อใดที่มีคนมารวมตัวกันเพื่ออัดใครสักคน เรื่องราวก็ย่อมจะขยายเป็นวงกว้าง

“ตราบใดที่แกให้ชิงไป๋ช่วยประกันตัวพี่ชายรองออกมา เราก็จะไม่มายุ่งกับแกอีก ถ้าแกอยากจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลหลินล่ะก็ ไม่มีปัญหา!” ท่านพ่อหลินขบฟันกรอด

“ไม่ว่ายังไงมันก็เกิดไปแล้วค่ะ ฉันตัดสัมพันธ์ของฉันเอง คุณจะยังเหลือเยื่อใยอยู่ก็เป็นเรื่องของคุณ ฉันไม่เกี่ยว แล้วอีกอย่างหนึ่ง อย่าคิดที่จะได้เงินไปจากฉันแม้แต่เหมาเดียว แต่ถ้าคุณเสียเมื่อไหร่ ฉันก็จะสงเคราะห์ให้บ้างสักเล็กน้อย” หลินชิงเหอแค่นเสียงก่อนจะเอ่ยตอบ

“งั้นแกบอกฉันมาสิว่าแกจะช่วยในเรื่องนี้ยังไง!” ท่านพ่อหลินจ้องมองเธอ

“ผมจะเข้าไปในอำเภอเพื่อตรวจสอบเรื่องของพี่ชายรองตระกูลหลินครับ” โจวชิงไป๋เอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาในบ้าน

หลินชิงเหอมองเขาพลางย่นคิ้ว “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ? ทำไมคุณถึงกลับมาล่ะ? อีกอย่างคุณจะช่วยเหลือเรื่องของพี่ชายรองตระกูลหลินไม่ได้นะคะ”

“ผมแค่ตรวจสอบดูน่ะ” โจวชิงไป๋ส่งสายตาเป็นเชิงรับประกัน

หลินชิงเหอจึงกวาดสายตามองท่านพ่อหลินและท่านแม่หลิน “งั้นฟังให้ดีแล้วกันค่ะ ชิงไป๋ของฉันยินดีที่จะไปตรวจสอบเรื่องนี้ในอำเภอ พี่ชายรองตระกูลหลินกระทำความผิด เขาต้องได้รับโทษ ไม่ว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่หรือจะเป็นยังไงหลังถูกปล่อยตัวแล้วก็เชิญพวกคุณจัดการกันเอาเอง ถ้าในอนาคตพวกคุณกล้ามาทำร้ายครอบครัวฉัน ฉันก็จะปล่อยให้สุนัขที่บ้านกัดซะ!”

ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินรู้ว่าเธอเอาจริง ทั้งคู่จึงหันไปทางโจวชิงไป๋ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่สนใจ “คำพูดของภรรยาผมถือเป็นคำสั่งสูงสุดครับ”

สองสามีภรรยาชราได้ยินก็แทบจะกระอักเลือด

แต่ถึงอย่างนั้นโจวชิงไป๋ก็ยังไปสืบเรื่องให้ เขาขี่จักรยานไปที่อำเภอ

พี่ชายรองตระกูลหลินถูกจับกุมเมื่อวานนี้ พอโจวชิงไป๋เห็นเขา อีกฝ่ายก็ถูกซ้อมจนมีสภาพเละเทะแล้ว

“ชิงไป๋ น้องเขยของผม รีบ…รีบมาช่วยผมเร็ว รีบปล่อยผมออกไป” พี่ชายรองตระกูลหลินคลานกระเสือกกระสนมาอยู่ตรงหน้าเขา

แต่ก่อนที่เขาจะไปถึง เขาก็ถูกทหารแดงคนหนึ่งเตะกลับไป

พี่ชายรองตระกูลหลินหวาดกลัวจนไม่กล้าผายลมแม้แต่ครั้งเดียว เขาทำเพียงมองโจวชิงไป๋ด้วยสายตาวิงวอน

โจวชิงไป๋เมินเขาและเดินตรงไปหาสหายร่วมทัพ

“คดีของเขาไม่หนักนัก แม่หม้ายคนนั้นบอกว่าหล่อนไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับเขา เขาแค่แสดงเจตนาออกมาเท่านั้น ก็เลยโดนแค่ซ้อม คุณรับตัวเขากลับไปได้เลย” สหายของเขาเอ่ยพลางหยิบแฟ้มเอกสารออกมา

แม่หม้ายคนนั้นขบฟันกรอดและยืนกรานว่าพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เพราะถ้ามีอะไรจริง ๆ หล่อนก็จะหนีไม่รอด

พี่ชายรองตระกูลหลินเองก็พูดว่าเขาถูกใส่ร้าย คนสองคนต่างสารภาพตรงกัน ต่างจากหวังหลิงกับโจวเหอที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาจนไม่อาจปฏิเสธได้

ดังนั้นในตอนนี้จึงเป็นแค่ขั้นทรมาน ยังไม่ตัดสินว่ามีความผิดจริง

แต่ถ้าโจวชิงไป๋ไม่มา เรื่องนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นเมื่อโจวชิงไป๋มาแล้ว พี่ชายรองตระกูลหลินก็ถูกปล่อยตัวได้

โจวชิงไป๋ยังปล่อยแม่หม้ายคู่กรณีของพี่ชายรองตระกูลหลินออกมาด้วย

เขาไม่สนใจในเรื่องที่พี่ชายรองตระกูลหลินเดินเหินไม่สะดวก เขาฟังแค่คำสั่งของภรรยาเท่านั้น หากไม่สามารถนำตัวออกมาได้ก็ไม่ต้องเข้าแทรกแซง หากนำตัวออกมาได้ก็ไม่ต้องสนใจกับความเป็นความตายของเขาหลังพาตัวออกมาแล้ว

โจวชิงไป๋เองก็ไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายรองตระกูลหลินเหมือนกัน เมื่อพาตัวอีกฝ่ายออกมาได้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่ของเขา ต่อให้ภรรยาไม่ได้สั่ง เขาก็คิดที่จะจากลากับอีกฝ่ายกันตรงนี้อยู่แล้ว

ทั้งพี่ชายรองตระกูลหลินกับแม่ม่ายคนนั้นต่างกลับหมู่บ้าน​ แม้จะถูกทุบตีอย่างหนักจนได้รับบาดเจ็บ​ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ถูกปล่อยตัว

ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังพ้นจากความผิดด้วย

พี่ชายรองตระกูลหลินทั้งก่นด่าสาปแช่งคนในหมู่บ้านที่ใส่ร้ายเขา​ ส่วนแม่ม่ายคนนั้นก็ผสมโรงด่าถึงโคตรเหง้าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วรุ่นเช่นกัน

เป็นเพราะคนทั้งคู่ยืนกระต่ายขาเดียวอย่างหนักแน่นและไม่มีใครเห็นตอนที่พวกเขากระทำความผิด​ มันจึงเป็นแค่ข่าวลือ​ คนทั้งหลายจึงไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนกระทำความผิดจริงหรือไม่

ในที่สุด​ คนทั้งคู่ก็รอดพ้นความตายมาได้เส้นยาแดงผ่าแปด

จากการที่ทหารแดงจากนอกเมืองมาอยู่นี่เอง​ ทำให้ทั้งอำเภอ ทุกตำบลในอำเภอต่างตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน

เหตุการณ์​เช่นนี้คงอยู่จนกระทั่งเดือนมิถุนายน​ เมื่อคนพวกนั้นถอนกำลังออก​ ทุกคนในอำเภอถึงได้โล่งใจ

ตอนที่คนเหล่านั้นอยู่ที่นี่​ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรดัง ๆ​ บนถนนในอำเภอเลย

ไม่นานนักทุกคนก็ไม่มีเวลามาสนใจกับเรื่องนี้​ เพราะเมื่อถึงกลางเดือนมิถุนายน​ ฝนก็ตกลงมา​ เป็นช่วงเวลาที่ใกล้ถึงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนพร้อมกับฝนตกหนักอีกระลอกหนึ่ง​ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนถึงกับเสียววาบ!

ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป​ จะเกิดอะไรขึ้นกับธัญพืชที่ปลูกไว้ล่ะ!

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ​ เลย​ แม้แต่โจวชิงไป๋ยังย่นคิ้วเล็กน้อย​ ฝนครั้งนี้ดูท่าว่าจะไม่หยุดตกภายใน 2-3 วันนี้

แล้วก็เป็นอย่างที่คาด​ ฝนตกอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน​ ขณะที่ทุกคนกำลังประหวั่นพรั่นพรึง​อยู่ในใจ​ ท้องฟ้าก็แจ่มใส

แตรสัญญาณการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนดังขึ้นในวันแรกที่ฝนหยุดตก​ แล้วทุกคนก็ลงมือทำ​งาน!

………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่ชายรองตระกูลหลินถือว่าโชคดีนะคะเนี่ยที่ไม่มีใครจับได้คาหนังคาเขาเหมือนกรณีหวังหลิง​ ไม่งั้นไม่รอดแน่ๆ

หลังจากนี้เฮียแกคงขยาดไปอีกนาน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset