บทที่ 240 นอนพักอีกสักหน่อย

บทที่ 240 นอนพักอีกสักหน่อย
โดย

บทที่ 240 นอนพักอีกสักหน่อย

หลังหลินชิงเหอกลับไป​ โจวชิงไป๋ก็ทำงานต่อ​ แต่เขาดูมีพลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนหลินชิงเหอนั้นเตรียมทำอาหารแสนอร่อยในทันทีที่กลับถึงบ้าน

อาหารกลางวันเป็นบะหมี่ไก่​ ส่วนมื้อเย็นเธอกะว่าจะทำเหลียงผี​ เพราะชิงไป๋ชอบกิน

ในตอนที่หลินชิงเหอทำเหลียงผีนั้นท่านแม่โจวก็เรียนรู้อยู่ข้าง ๆ​ หลินชิงเหอจึงเอ่ยโน้มน้าว​ ​”คุณแม่อย่าคิดว่าเป็นปัญหาเลยค่ะ​ คุณพ่อกับชิงไป๋ทำงานอยู่ในทุ่งนา​ หากพวกเขาไม่ได้กินอาหารดี ๆ​ มันก็จะส่งผลต่อกระดูกและเลือดของพวกเขา​ พวกเขาจะมีชีวิตได้ไม่ยืนยาว​ ในอนาคตประเทศของเรากำลังพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ​ ฉันอยากย้ายไปเมืองหลวงเพื่อเจริญก้าวหน้า​ ถึงตอนนั้นฉันก็อยากจะพาคุณแม่กับคุณพ่อไปใช้ชีวิตที่นั่นด้วยนะคะ”

“หือ?” ท่านแม่โจวอึ้งไป​ “เธออยากพาฉันกับคุณพ่อไปเมืองหลวงด้วยเหรอ?”

“ถ้าในอนาคตมีการพัฒนาดีขึ้นเราก็จะไปค่ะ​ ย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ที่นั่น​ แต่ตอนนี้อะไร ๆ​ ยังไม่ลงตัว​ ดังนั้นคุณแม่อย่าประหยัดเกินไปนะคะ​ ถ้าคุณประหยัดเกินไป​ สุขภาพก็จะไม่ดี​ จากนั้นอนาคตก็ต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียค่ารักษา​ คุณแม่ใช้เงินไปกับการดูแลสุขภาพให้ดี ๆ​ เถอะค่ะ”หลินชิงเหอเอ่ยต่อ

“แต่คุณพ่อกับฉันทีทะเบียนบ้านอยู่ที่นี่นะ​ เราจะย้ายไปที่นั่นได้ยังไง?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้

“คุณแม่อย่าไปพูดเรื่องนี้ข้างนอกนะคะ” หลินชิงเหอกระซิบ

ท่านแม่โจวพยักหน้า​ทันที​ จากนั้นหลินชิงเหอก็บอกนางว่าในอนาคตจะพัฒนาไปอย่างไรบ้าง

“ฉันไม่คิดที่จะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วค่ะ​ ฉันวางแผนว่าจะพาเด็ก ๆ​ ทั้งหมดไปด้วย​ ตอนนั้นชิงไป๋คงมาอยู่กับฉันแล้ว​ และถึงตอนนั้นฉันก็วางแผนพาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ด้วย” หลินชิงเหอเอ่ย

“ถึงตอนนั้นเราค่อยว่ากัน​ ไว้ค่อยว่ากันนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยซ้ำ

หลินชิงเหอพยักหน้าและไม่ว่าอะไร​ นอกจากเหลียงผีแล้ว​ เธอก็ทำถั่วพุ่มหั่นเต๋าผัดไข่​และผัดหมูบางส่วน

สิ่งเหล่านี้เอาไว้กินเคียงกับเหลียงผี

เหนืออื่นใดนั้นก็มีซุปปลาที่ใช้เนื้อปลาหลีที่โจวต้งนำมาให้

หลินชิงเหอเปลี่ยนหัวปลาให้เป็นซุปหัวปลาใส่เต้าหู้​ ส่วนเนื้อนั้นเธอปรุงเป็นอาหารจานเคียงกับเหลียงผี

อาหารเย็นในคืนนี้ช่างเลิศรสอย่างหาใดเปรียบ

และยังไม่จบแค่นั้น

หลินชิงเหอรู้ว่าคืนนี้ชิงไป๋ต้องวุ่นวายกับเธอแน่นอน​ แค่ก ๆ​ ขอโทษที่ต้องบอกความจริงอันน่าอาย​ แต่เธอคิดถึงเขามาก

เธอจึงใช้โอกาสที่ท่านแม่โจวง่วนอยู่ที่สวนหลังบ้านทำเกี๊ยวไส้หมูกับกุยช่าย​ หลังจากทำเสร็จแล้วเธอก็นำใส่ชามเก็บไว้ในมิติ

นี่เป็นอาหารว่างมื้อดึกของโจวชิงไป๋

ส่วนเป็ดปักกิ่งที่เธอนำกลับมาก็ได้สลายหายไปเป็นของว่างของทุกคนตอนที่กินบะหมี่น้ำไก่กันแล้ว​ ​

ในตอนนี้ผู้คนกินจุกันมาก​ ต่อให้มีเป็ดย่างปริมาณมากขนาดนี้มันก็ต้านปากของคนจำนวนมากไม่อยู่

แค่แต่ละคนได้กินกันหนึ่งชิ้นมันก็หายไปแล้ว​ พวกเขาเคี้ยวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

เจ้ารองเองก็รู้สึกอิจฉาอย่างมากเช่นกัน​ เขาจำได้ว่าเมืองหลวงมีอาหารอร่อย ๆ​ อยู่มาก​ หลินชิงเหอจึงบอกให้เขาสอบเข้าให้ได้หากมีความสามารถ

ตอนนี้ควรเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน​ แต่เนื่องจากปีที่แล้วเพิ่งมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย​ จึงเพิ่งเริ่มการเรียนการสอนในตอนนี้​ โดยเฉพาะหลังจากที่ก่อกำเนิดนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง 2 คน​ หลินชิงเหอกับโจวข่าย​ ผู้นำเกียรติยศมาสู่หมู่บ้าน

ดังนั้นปีนี้จึงไม่มี​ปิดเทอมภาคฤดูร้อน​ ทั้งโรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยมต้นมีการเรียนการสอนเพิ่มเติมแทน

เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านในตอนเย็น​ อาหารเย็นอันอุดมสมบูรณ์​ก็มาวางบนโต๊ะแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงโจวชิงไป๋กับลูกชายทั้งสองเลย​ แม้แต่ท่านพ่อโจวก็มีท่าทางกะปรี้กะเปร่าเร็วกว่าเดิม

มันเทียบกันไม่ได้จริง ๆ​ ทันทีที่สะใภ้สี่กลับมา​ อาหารที่บ้านก็ดีเลิศจนไม่อาจสรรหาคำใดมาชมได้พอ​ ใครล่ะจะไม่อยากกินอาหารอร่อย ๆ?

“แกงนี้ฉันใส่เต้าหู้ลงไปตุ๋นด้วยนะคะ​ แล้วยังใส่ขิงกับขึ้นฉ่ายลงไปด้วย​ จะได้ไม่คาว” หลินชิงเหอบอก​ เธอตักแกงให้ท่านพ่อโจวก่อน​ จากนั้นก็เป็นโจวชิงไป๋

ส่วนเจ้ารองกับเจ้าสามเหรอ​ ตักกันเองซะเถอะ

“คุณก็กินด้วยสิ” โจวชิงไป๋บอก

“อืม” หลินชิงเหอพยักหน้า

จากนั้นทั้งครอบครัวก็กินอาหารเย็นอย่างเต็มรูปแบบ

หลังกินอาหารเย็นเสร็จพวกเขาก็พักผ่อน​ ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาก็กินแตงโม โดยทั้งครอบครัวต่างนั่งกันบนเสื่อที่ลานบ้าน

ในตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว

ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างกลับบ้าน

ส่วนเด็ก ๆ​ ก็ทบทวนตำราอยู่ในห้องข้าง ๆ

โจวชิงไป๋คว้าเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ​ จากนั้นเดินออกมาในสภาพนุ่งกางเกงขาสั้น​ หลินชิงเหอรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยยามเห็นสายตาเป็นประกายเรืองรองของเขา

เธอรอกินน้ำหวานหลังจากรู้สึกกระหายมานาน

“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” หลินชิงเหอบอก

โจวชิงไป๋พยักหน้าและรอให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า​ จากนั้นเขาก็หยิบไปซัก

ส่วนหลินชิงเหอไม่ได้เข้ามาในห้องทันทีหลังอาบน้ำเสร็จ​ เธอมาหาเจ้ารองกับเจ้าสามเพื่อสอนหนังสือครู่หนึ่งก่อนให้หลักการ​ จนเลยสองทุ่มแล้วเธอจึงบอกให้สองพี่น้องเข้านอนแต่หัวค่ำ

จากนั้นหลินชิงเหอก็กลับมา

โจวชิงไป๋ส่งสายตาเชื้อเชิญให้ภรรยา

“ชิงไป๋”​ หลินชิงเหอเอ่ยเสียงนุ่ม

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับด้วยเสียงทุ้ม

โจวชิงไป๋นั่งอยู่ตรงริมเตียงเตา​ หลินชิงเหอก้าวขึ้นไปนั่งบนตักของเขา​ ทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดกัน​ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอารมณ์รัญจวนอยู่

หลังทั้งคู่กอดกันครู่หนึ่ง​ ก็เป็นธรรมดาที่จะเข้าสู่กิจกรรมหลัก

พวกเขายังคงนัวเนียกันอยู่ตั้งแต่สามทุ่มจนถึงราวเที่ยงคืน​ เกือบถึง 00.30 นาทีทีเดียว!

หลินชิงเหอเหนื่อยมาก​ เธอหยิบเกี๊ยวน้ำหมูกับกุยช่ายที่เตรียมไว้ให้โจวชิงไป๋ได้กิน​ จากนั้นก็หันหลังและผล็อยหลับไป

โจวชิงไป๋เขมือบเกี๊ยวจนหมด​ แม้แต่น้ำซุปก็ไม่เหลือ จากนั้นก็ปีนขึ้นเตียงและกอดภรรยา​ ​ทั้งคู่หลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ

เป็นเพราะพวกเขายุ่งกันจนถึงกลางดึก​ เช้าวันต่อมาพวกเขาจึงตื่นสาย

แต่โชคดีที่ท่านแม่โจวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น​ เมื่อหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ตื่นนอน​ นางก็นึ่งหมั่นโถวเตรียมไว้แล้ว

หลินชิงเหอทำไข่เจียว​ ซุปมะเขือเทศ​ และแตงกวาผัด​ จากนั้นก็พร้อมรับประทาน

“สะใภ้สี่​ นอนมากกว่านี้เถอะ​ ที่บ้านไม่มีงานอะไรต้องทำแล้ว” ท่านแม่โจวเอ่ยกับเธอ

ใบหน้าของหลินชิงเหอไม่ได้เกิดริ้วแดงใด ๆ​ พร้อมกับเอ่ยอย่างใจเย็น​ “ฉันนอนไม่หลับหรอกค่ะ​ ฉันต้องไปรับเนื้อส่วนหนึ่งกลับจากบ้านของเม่ยเจี่ยก่อน”

โจวชิงไป๋ซักเสื้อผ้าของเมื่อคืนนี้โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องซัก​ ดังนั้นเธอจึงขี่จักรยานออกไป

เธอมองหาเม่ยเจี่ย ธุรกิจขายเนื้อของเธอกับเม่ยเจี่ยหยุดชะงักไปเพราะเธอเข้าไปศึกษาในเมืองหลวง​ แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังดีใจมากที่ได้รู้จักกับนักปราชญ์อย่างหลินชิงเหอ

เมื่อวานนี้หลินชิงเหอมาที่ตำบลเพื่อซื้อแตงโมและสั่งเนื้อกับเม่ยเจี่ย​ ด้วยเหตุนี้เธอจึงมาเพื่อรวบรวมมัน

เม่ยเจี่ยเตรียมเนื้อสามชั้นให้เธอ เช่นเดียวกับเนื้อซี่โครงและเนื้อติดกระดูก

หลังจ่ายเงินเสร็จ​ เม่ยเจี่ยก็พูดขึ้นมาด้วย​รอยยิ้ม​ “ไม่รู้ว่านาฬิกาในเมืองหลวงจะแพงมากไหมนะ?”

“แพงมากค่ะ​ พี่จะซื้อนาฬิกาไม่ได้นอกจากว่าจะมีเงินอย่างน้อย 300 หยวน” หลินชิงเหอได้ยินและรู้ว่าหล่อนหมายความว่าอย่างไร​ เธอจึงตอบไป

“แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?” เม่ยเจี่ยโพล่งออกมา

“ถ้าพี่จะซื้อนาฬิกาก็ซื้อในอำเภอเถอะค่ะ​ คุณภาพไม่ได้แย่​ มันมีไว้ดูเวลาแค่นั้น​ พี่ไม่ต้องซื้อเรือนที่แพง ๆ​ หรอก​ ฉันเองยังไม่อยากซื้อให้ชิงไป๋เลยค่ะหลังเห็นราคาของมันแล้ว” หลินชิงเหอบอก

เธออยากซื้อนาฬิกาแต่ก็แพงเกินไป​ มันมีราคามากกว่า 300 หยวนเลยทีเดียว​ เธอจึงวางแผนลงไปทางใต้ใน 1 หรือ 2 ปีเพื่อไปดูราคา​ แต่ตอนนี้ช่างมันเถอะ

………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่เองก็ใช่ย่อยนะคะ​ ยั่วพ่อแบบ…

ก็คนมันห่างกันไปนานนี่เนอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset