บทที่ 243 ผมสู้พวกคุณบางคนได้นะ

บทที่ 243 ผมสู้พวกคุณบางคนได้นะ
โดย

บทที่ 243 ผมสู้พวกคุณบางคนได้นะ

เพื่อนร่วมชั้นของเขามีพี่น้องสามคน พี่ชายคนโตเป็นทหาร พี่สาวคนโตแต่งงานแล้ว

จากนั้นก็เป็นเพื่อนของเขาที่อายุแก่กว่าเขา 2 ปี แต่พวกเขาตัวสูงเกือบจะเท่ากัน จากการที่เจ้าใหญ่โตเกินวัย เลยทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดี

จากนั้นลำดับต่อมาก็คือน้องสาวของเพื่อนคนนี้ หล่อนมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าใหญ่ แต่กำลังศึกษาในระดับมัธยมต้น

ฟังจากคำพูดของเจ้าใหญ่แล้ว หล่อนคงจะเป็นคนสวยน่ารัก แต่ด้วยอายุของเจ้าใหญ่แล้วเขาคงไม่มีความคิดแบบนั้นหรอก

หลินชิงเหอรู้สึกว่าบางทีแม่เพื่อนของเขาอาจจะมีความคิดแบบนั้นแทน

ลูกชายคนโตของเธอจะไม่โดดเด่นขนาดนั้นได้อย่างไรล่ะ?

สหายทั้งหลาย บางทีคุณก็ต้องใจร้ายบ้าง

ประเด็นนี้ได้จบลง หลินชิงเหอไม่ได้ควบคุมการเข้าสังคมของลูกชายคนโตหรอก

ย้อนกลับไปที่หอพัก ซึ่งหวังลี่ได้กลับมาถึงก่อนหน้าเธอแล้ว 2 วัน หล่อนดีใจมากที่ได้เห็นเธอ

ในหอพักมีคนอยู่อาศัยทั้งหมด 6 คน โดยที่หวังลี่สนิทกับหลินชิงเหอมากที่สุด ส่วนคนอื่น ๆ นั้นถือว่าธรรมดาทั่ว ๆ ไป ยกเว้นเฉินเสวี่ยที่หล่อนสนิทน้อยที่สุด

เช่นเดียวกับหลินชิงเหอ เธอเข้ากันด้วยดีกับหวังลี่ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่นับว่าสนิทนัก

หลังนั่งรถประจำทางมาหลายวัน หลินชิงเหอก็เหนื่อยแทบตาย เธอเอ่ยขึ้นมากับหวังลี่ “เธออยากไปอาบน้ำไหม?”

“ไปจ้ะ” หวังลี่พยักหน้า

ทั้งสองมาที่โรงอาบน้ำด้วยกัน

บอกตรง ๆ ว่าหลินชิงเหอรับไม่ได้กับโรงอาบน้ำแบบนี้ ทุกคนต้องเปิดเผยกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ชีวิตชาติที่แล้วของเธอที่มาจากทางตอนใต้ของประเทศ ห้องน้ำจะเป็นแบบแยกส่วนตัว ซึ่งเธอไม่เคยมีประสบการณ์กับโรงอาบน้ำสาธารณะแบบนี้เลย

หวังลี่ชินกับเรื่องนี้แล้ว เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลินชิงเหอ หล่อนก็รู้สึกอยากหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอาบน้ำที่นี่มาก่อนนะ จะอายไปทำไมล่ะ?”

จากนั้นหล่อนก็ออกอาการอิจฉาหลินชิงเหอขึ้นมาเล็กน้อย “ผิวเธอสวยเหลือเกิน ทั้งขาวทั้งอ่อนนุ่ม ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้วล่ะก็ ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะมีลูกชายตัวโตขนาดนั้นแล้ว”

“รีบอาบเร็วเข้า” หลินชิงเหอเอ่ย ยิ่งพวกเธออาบน้ำเร็วเท่าไรก็ได้ออกจากโรงอาบน้ำเร็วเท่านั้น จริง ๆ แล้วช่วงนี้ถือว่าสายมากแล้ว เธอจึงไม่คิดว่าจะมีคนอยู่มากนัก

ปกติแล้วเธอเลือกที่จะมาช้ากว่านี้ และยังจำได้จนถึงตอนนี้ว่าครั้งแรกที่มาที่นี่ดันเป็นเวลาที่คนเยอะที่สุดพอดี

ซึ่งภาพที่เห็นทำให้เธอตกใจจนต้องวิ่งออกมา

“เธออยากให้ฉันขัดหลังให้ไหม?” หวังลี่ถาม

“เอาสิ” หลินชิงเหอพยักหน้า

แม้จะรู้สึกค่อนข้างกระดากอายในการรับความเพลิดเพลินแบบนี้ แต่การขัดหลังก็สบายตัวจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งคู่ขัดหลังให้กันและกัน โดยที่หวังลี่ขัดหลังให้หลินชิงเหอก่อน จากนั้นเธอจึงค่อยขัดหลังให้หวังลี่ ทั้งคู่อาบน้ำจนสบายตัวก่อนจะออกจากโรงอาบน้ำ

เมื่อเห็นหลินชิงเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก หวังหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวเราะออกมา “เธอทำตัวแบบนี้จนทำให้ฉันนึกว่าเธอมาจากทางใต้เลยนะนี่”

จริง ๆ แล้วฉันมาจากทางใต้ล่ะ…หลินชิงเหอตอบในใจ

“ฉันไม่เคยอาบน้ำแบบนี้มาก่อนน่ะ เพราะที่บ้านเราอาบน้ำแยกกัน” หลินชิงเหอบอก

“ฉันได้ยินว่าที่โรงอาบน้ำใกล้ ๆ มีผู้ชายคนหนึ่งมาจากทางใต้แล้วอาบน้ำทั้งที่ยังใส่กางเกงด้วยล่ะ ทุกคนหัวเราะเยาะเขาไปพักใหญ่เลย” หวังหลิงยิ้ม

“อะแฮ่ม ประเพณีแต่ละที่ไม่เหมือนกันน่ะ ฉันได้ยินมาว่าทางใต้มีห้องอาบน้ำแยกกัน ไม่ใช่โรงอาบน้ำรวมขนาดใหญ่แบบนี้” หลินชิงเหออธิบาย

“ไม่มีโรงอาบน้ำงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไงเนี่ย? แล้วพวกเขาอาบน้ำกันยังไงเหรอ?” หวังลี่ถามอย่างประหลาดใจ

“คือว่าแต่ละบ้านจะมีห้องน้ำส่วนตัวน่ะ” หลินชิงเหอบอก

“สภาพความเป็นอยู่ของคนภาคใต้นี่ดีจริง ๆ เลยนะ” หวังลี่เอ่ย

สภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ช่างขัดสนนัก พวกเขาจึงไม่มีห้องน้ำแยกแบบนั้น

หลินชิงเหอลั่นวาจาในใจว่าเธอจะต้องสร้างห้องน้ำขนาดใหญ่ไว้ในบ้านในอนาคตให้ได้ เพราะทุกครั้งที่เธอมาใช้โรงอาบน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้มันจะเป็นเงาในใจของเธออยู่ตลอด

โดยเฉพาะการที่เธอมีรูปร่างดีและยังมีผิวขาวนวลผุดผ่อง ทุกคนก็เลยหันมามองเธอเป็นตาเดียว เรื่องนี้ช่างน่าอายนัก

ไม่นานนักหลังจากที่เธอเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัย หลินชิงเหอก็ไม่รู้เลยว่าเฉินเสวี่ยเป็นคนอย่างไร เพราะเธอมากับหล่อนแค่ครั้งเดียว

บางทีอาจเป็นเพราะการถูกหลินชิงเหอแย่งจุดสนใจไปหมด เลยทำให้เฉินเสวี่ยไม่อยากมาที่โรงอาบน้ำกับเธออีกในหลังจากนั้น หล่อนไม่คิดฝันเลยว่าจะมีสาวชนบทที่ผิวขาวนวลเนียนกว่าหล่อน

ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างระหว่างคนทางเหนือกับคนทางใต้เลย

ภาคการศึกษาใหม่จะเริ่มในไม่ช้า โดยเดือนตุลาคมของปีนี้จะมีนักศึกษากลุ่มใหม่มาถึง

แต่หลินชิงเหอกับคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก พวกเขาปรับตัวต่อการเรียนรู้ในภาคการศึกษาใหม่อีกครั้ง

ผลการสอบภาษาอังกฤษของหลินชิงเหอนับว่าดีอย่างเหนือความคาดหมาย หวังลี่เองก็มักมาขอคำชี้แนะจากเธอบ่อย ๆ ซึ่งหลินชิงเหอก็ไม่เคยหวงวิชาเลย

ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้หวังลี่ดีใจมาก เมื่อต่อแถวรับอาหารหรือรอรับของอื่น ๆ เมื่อใด หล่อนก็จะเอามาเผื่อเธอด้วย

บางครั้งหลินชิงเหอก็ช่วยเหลือหล่อนด้วยเหมือนกันโดยไม่แง่งอนแม้แต่น้อย

คนอื่น ๆ ในหอพักต่างอยากมาขอความช่วยเหลือจากหลินชิงเหอ แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อคนพวกนั้นอยู่ในระดับเฉย ๆ ไม่ได้กระตือรือร้นอยากจะช่วยเหมือนตอนอยู่กับหวังลี่

ความสนใจของเฉินเสวี่ยกับคนอื่น ๆ จึงพุ่งไปที่บรรดานักศึกษาใหม่ พวกหล่อนต่างให้ความช่วยเหลือและชี้ทางต่าง ๆ ทำให้ทุกคนมีความประทับใจต่อพวกหล่อนในฐานะที่เป็นรุ่นพี่

แต่เมื่อหลินชิงเหอกล่าวสุนทรพจน์ในงานปฐมนิเทศศิษย์ใหม่ เธอก็แย่งจุดสนใจไปจากพวกหล่อน

เนื่องจากหลินชิงเหอเป็นตัวแทนของภาควิชาภาษาอังกฤษ เธอจึงพูดภาษาอังกฤษได้อย่างลื่นไหลขณะอยู่บนเวที ยิ่งกว่านั้นเธอยังพูดด้วยสำเนียงแบบอังกฤษชัดเจน จนต้องบอกว่าคนทั้งภาควิชาภาษาอังกฤษต่างพากันอัศจรรย์ใจเช่นเดียวกับเหล่านักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเลยทีเดียว

จากนั้นนักศึกษาบางคนที่เกิดความหวั่นไหวอย่างไม่รู้ตัวก็ห้ามใจไว้ไม่อยู่ ทำให้ไม่นานนักหลินชิงเหอก็ได้รับจดหมายรักและอื่น ๆ ทำนองนี้เป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุผลนี้เอง โจวข่ายผู้เป็นลูกชายก็ได้ออกโรงอีกครั้ง เขาคัดลอกเรียงความของเมื่อปีที่แล้วปักลงบนป้ายประกาศอีกครั้งหนึ่ง

คุณพ่อกับคุณย่าของเขาจะเป็นกังวลก็ถูกแล้ว แม่ของเขาเสน่ห์แรงเกินไป ต่อให้เธอไม่มีเจตนานั้นอยู่ในใจเลย แต่เธอก็ไม่อาจหยุดยั้งคนที่ทยอยมาจีบเธอได้

โจวข่ายจึงแปะประกาศอีกครั้ง

หลังแปะเรียงความบนป้ายแล้ว เขาก็ขอยืมใช้สถานีวิทยุของมหาวิทยาลัยอ่านเรียงความ แม่ของผม

เขาอวยแม่ของเขาเช่นเดียวกับขับขานลำนำความกตัญญูเป็นร้อยบรรทัด แน่นอนว่าที่สำคัญกว่านั้นเขาก็ได้เอ่ยเตือนในตอนท้ายว่า “แม่ของผมแต่งงานแล้วนะครับ หล่อนมีลูกชายสามคนและยังมีพ่อของผมอยู่ ถ้าพวกคุณแน่ใจว่าจะเอาชนะพวกเรา 4 คนได้ ก็เชิญเขียนจดหมายรักส่งให้แม่ผมอีกได้เลย อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะครับ ผมสู้พวกคุณบางคนได้นะ!”

หลินชิงเหอมีสีหน้าคล้ำลง เด็กชายตัวเหม็นนี่กล้าขู่คนอื่นด้วยเหรอ

ส่วนหวังลี่ลงไปหัวเราะตัวงออยู่บนพื้นแล้ว “โอ้ ฉันขำแทบตายแน่ะ ไม่ใช่ว่าลูกชายของเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเธอเพราะว่าพ่อของเขาสั่งมาหรอกเหรอ?”

“เดี๋ยวฉันจะจัดการกับเจ้าเด็กนี่ทีหลัง” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยความกังวลและอยากจะไปดูเขาสักหน่อย

“อย่าห่วงเลย เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เขากล้าปกป้องแม่ของเขาแบบนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็ยังทนได้อยู่ล่ะ” หวังลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

แต่ถึงอย่างนั้น หลินชิงเหอก็ยังไปหาลูกชาย

เรื่องนี้ไม่เป็นไรจริง ๆ ด้วย โจวข่ายแค่ถูกอาจารย์หัวเราะใส่ จากนั้นเรื่องก็เงียบไป

เห็นดังนี้แล้วหลินชิงเหอจึงโล่งใจ จากนั้นเธอก็วางแผนจะตำหนิโจวข่าย แต่เด็กชายวิ่งเร็วกว่าใคร ๆ จึงทำให้หลินชิงเหอไม่อาจวิ่งตามเขาได้ทัน

“แล้วแม่จะคอยดูว่าจะจัดการลูกได้ไหมเมื่อเราถึงบ้านแล้ว” หลินชิงเหอทำได้เพียงเอ่ยทิ้งท้ายเพื่อกู้หน้าตัวเองคืนมาก่อนจะปล่อยเขาไป

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เรื่องโรงอาบน้ำรวมนี่ผู้แปลก็เคยมีประสบการณ์ตอนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นมาเหมือนกันนะคะ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่เข้าไปแล้วเจอทุกคนนุ่งลมห่มฟ้ากันหมด แต่ตอนนั้นจ่ายเงินค่าเข้าไปแล้ว ก็เลยคิดว่า อืม…ยังไงเขากับเราก็มีอะไร ๆ เหมือน ๆ กันหมดล่ะนะ ก็เลยเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตามเขาไป นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นไม่หายเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ภาวนาแค่อย่าเจอคนรู้จักอยู่ในนั้นก็พอ ๕๕๕

เจ้าใหญ่แสบมากเล่นใหญ่มาก แม่คงอายไปพักใหญ่ ๆ ส่วนพ่อคงภูมิใจ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset