บทที่ 274 บ้านใหม่

บทที่ 274 บ้านใหม่
โดย
EnjoyBook
บทที่ 274 บ้านใหม่

 

หลินชิงเหอถามลูกชายคนโตในเรื่องที่เขาให้ไข่กับบรรณารักษ์ในตอนที่เขาเอาไข่มาให้เธอในวันนี้

 

“อ้า? ผมให้ไข่เขาไปล่ะครับ เขาขอผม ผมก็เลยบอกเขาไปว่าจะเอามาให้” โจวข่ายบอกพลางเกาศีรษะ “คุณตาคนนั้นเขาช่วยในแบบของเขาเหรอครับ?”

 

“อืม” หลินชิงเหอพยักหน้า

 

บรรณารักษ์ชราคนนั้นเป็นคนแซ่หวัง ซึ่งเป็นแซ่ที่ธรรมดาดาษดื่นทั่วไปในเมืองหลวง

 

เขากับหลินชิงเหอนับว่าเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน เพราะเขามักจะช่วยจองที่นั่งให้เธอบ่อย ๆ แต่เธอไม่คิดเลยว่าลูกชายของตนเองจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาด้วย

 

ทันทีที่ได้ยินว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้จัดสรรที่อยู่ให้ เขาก็ถ่ายโอนอพาร์ตเมนต์ในนามของเขาให้กับทางมหาวิทยาลัย

 

แม้เขาจะรับเงินไปเป็นจำนวนหนึ่ง เขาก็ทำให้เรื่องราวทั้งหลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับหลินชิงเหอ

 

“อพาร์ตเมนต์นี้ค่อนข้างดีนะ พื้นที่มากกว่า 50 ตารางเมตร ถึงตัวอาคารจะดูเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังมีสภาพดีอยู่” อาจารย์ของหลินชิงเหอมาหาเธอในอีก 2 วันต่อมาและบอกเรื่องนี้

 

“ฉันคุยกับคุณลุงหวังแล้วค่ะ หลังเลิกสอนวันนี้ฉันเลยจะไปตรวจดูกับเขา” หลินชิงเหอบอก

 

“ได้สิ คุณลุงหวังบอกกับทางมหาวิทยาลัยว่ายกอาคารนี้ให้เธอโดยเฉพาะเลยล่ะ” อาจารย์ของเธอยิ้ม

 

“ฉันจะจำบุญคุณนี้ไว้ในใจเลยค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

 

หลังสอนหนังสือเสร็จ หลินชิงเหอก็พาลูกชายคนโตเดินตามคุณลุงหวังไป

 

“สถานที่แห่งนี้ดีก็จริง แต่ก็มีคนอาศัยอยู่ที่นี่เยอะ ถ้าคุณต้องอยู่คนเดียวก็อย่าเพิ่งมา อยู่อาศัยในมหาวิทยาลัยจัดการเรื่องต่าง ๆ ไปก่อน เมื่อสามีคุณมาแล้วก็ค่อยมาอยู่” คุณลุงหวังแนะนำ

 

“ต้องกังวลอะไรล่ะครับ? มีผมอยู่ที่นี่แล้ว” โจวข่ายบอกเมื่อได้ยินดังนี้

 

“เธอไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวันนี่ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่จะหาเธอได้ไหม?” คุณลุงหวังเอ่ยตรง ๆ “ปีนี้มีคนกลับเข้าเมืองหลายคนอยู่ ผมเดาว่าในอนาคตจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่าจะไม่มีอะไรมารับประกันความปลอดภัยในที่สาธารณะแล้ว ดังนั้นฟังผมไว้ให้ดีเถอะครับ”

 

“ก็จริงนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้าเห็นด้วย

 

“อืม คุณไปดูสภาพก่อนนะครับ เป็นห้องกลางบนชั้นสาม” คุณลุงหวังเอ่ยและยื่นกุญแจให้สองแม่ลูก

 

“คุณลุงไม่ขึ้นมาด้วยเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม

 

“ไม่ล่ะครับ” คุณลุงหวังโบกมือและหันหลังกลับ ก่อนจะจากไปเขาก็เอ่ยเตือนไว้ “คนแซ่จางที่อยู่ห้องข้าง ๆ เป็นพวกคนไม่ดีนะ ระวังตัวด้วยหากอนาคตคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว”

 

“ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้าตอบ

 

หลังมองเขาเดินจากไป หลินชิงเหอกับลูกชายคนโตก็เดินขึ้นไปบนชั้นสาม ที่นี่มีทั้งหมด 4 ชั้น ต้องบอกว่าชั้นสามได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

 

มันอาจดูรกหน่อย แต่ในยุคนี้ก็เป็นแบบนี้ มีที่ให้อยู่อาศัยก็นับว่าดีแล้ว

 

หลินชิงเหอกับโจวข่ายเปิดประตูเพื่อดูสภาพภายในห้อง

 

บางทีอาจเป็นเพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่มานานแล้ว ในห้องนั้นก็เลยดูว่างเปล่าและมีแต่ฝุ่น แต่ถึงอย่างนั้นมีห้องให้อยู่อาศัยก็นับว่าเยี่ยมยอดแล้ว

 

“แม่ บ้านนี้ดูกว้างขวางดีนะครับ บ้านของเวิงกั๋วเหลียงเพื่อนผมใหญ่เกือบเท่านี้เลย” โจวข่ายมองไปรอบ ๆ ด้วยความพอใจอย่างยิ่ง

 

“ดีทีเดียวเลยล่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

 

ที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ทันทีที่โจวชิงไป๋มาถึง พวกเขาก็จะมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ส่วนลูกชายคนโตสามารถอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยได้

 

ขณะที่เธออยู่กับโจวชิงไป๋ที่นี่ มันก็จะมีห้องสำหรับลูกชายอีก 2 คน

 

ส่วนท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวยังพามาไม่ได้ในช่วงนี้ ต้องรอจนกว่าตลาดจะเปิดตัวจริง ๆ และพวกเขาสามารถซื้อบ้านได้ก่อน

 

ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป หลินชิงเหอกับโจวข่ายก็มีงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งงาน

 

หลังเลิกเรียนพวกเขาจะช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ในตอนเย็นและย้ายเครื่องเรือนเข้าไปในห้อง ซึ่งมันมีไม่มากนัก แต่ละวันทยอยขนเข้าไปอย่างสองอย่าง ไม่นานเกินหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ที่แห่งนี้ก็ดูน่าอยู่ขึ้น

 

“ครอบครัวของเธอจะย้ายเข้ามาในเร็ว ๆ นี้แล้วเหรอจ๊ะ? เฒ่าหวังขายห้องนี้ไปแล้วหรือ?” หญิงชราคนหนึ่งถามด้วยรอยยิ้ม

 

“คุณป้าคือ?” หลินชิงเหอมองนาง

 

“ป้าอยู่ห้องข้าง ๆ ทางด้านซ้ายน่ะ เรียกว่าป้าหม่าก็ได้” หญิงชราท่าทางกระตือรือร้นเอ่ยอย่างร่าเริง

 

“สวัสดีค่ะป้าหม่า คือทางมหาวิทยาลัยจัดที่พักให้ฉันน่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย

 

“เป็นเพราะเฒ่าหวังถ่ายโอนบ้านหลังนี้ให้กับทางมหาวิทยาลัยแล้วทางนั้นก็เลยจัดให้เธองั้นเหรอจ๊ะ?” คุณป้าหม่าเอ่ย และพูดต่อโดยไม่รอคำตอบของหลินชิงเหอ “ถ่ายโอนไปก็ดีแล้ว ช่วยเขาให้พ้นจากคนมีปัญหาพวกนั้นได้เยอะเลย”

 

“คนมีปัญหาคือใครเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่คุณลุงหวังเอ่ยเมื่อก่อนหน้านั้นได้จึงลดเสียงลง “เป็นพวกคนแซ่จางที่อยู่ข้าง ๆ หรือเปล่าคะ?”

 

“ใช่แล้วล่ะ เป็นพวกคนแซ่จางแหละจ้ะ” คุณป้าหม่าลดเสียงลงต่ำจนเป็นเสียงกระซิบ “คนแซ่จางพวกนี้เป็นคนไม่ดี ก่อนหน้านั้นพวกเขามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกคนบ้านหวัง แต่ในพริบตาเดียวพวกเขาก็ฟ้องตระกูลหวัง และทำลายชีวิตของเฒ่าหวังน่ะ”

 

หลินชิงเหอถึงกับนึกในใจ ไม่แปลกเลยว่าทำไมคุณลุงหวังที่เป็นคนใจกว้างถึงเตือนเธอไว้ล่วงหน้า

 

“เธอสอนอะไรที่โรงเรียนเหรอจ๊ะ?” คุณป้าหม่าถาม

 

“ภาษาอังกฤษค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

 

“สอนภาษาอังกฤษทั้งที่อายุน้อยขนาดนี้เชียว เธออายุราว 25 ใช่ไหมจ๊ะ? แล้วนั่นน้องชายของเธอสินะ?” คุณป้าหม่าเอ่ย

 

“นั่นลูกชายของฉันค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะ “คุณป้าคะ ฉันเกือบจะ 40 แล้วค่ะ” ตอนนี้เธอยังไม่ถึง 40 หรอก แต่มันก็ไม่มีผลต่อการคุยโม้ของเธอ

 

“ 40 ?” คุณป้าตะลึงไป “ฉันนึกว่าเธอยังไม่แต่งงานนะเนี่ย? พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นลูกชายของเธอหรอกเหรอ? คิดว่าเขาเป็นน้องชายของเธอเสียอีก”

 

“ฉันเกือบจะ 40 แล้วจริง ๆ ค่ะ เขาเป็นลูกชายของฉันจริง ๆ ค่ะฉันไม่ได้พูดเล่น อย่าดูที่ขนาดตัวของเขานะคะ ปีนี้เขาเพิ่งจะ 15 ปีเท่านั้น” หลินชิงเหอเอ่ยต่อ “ที่บ้านก็ยังมีอีก 2 คนนะคะ ทันทีที่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ พวกเขาก็จะตามสามีฉันมาค่ะ คุณป้าหม่า ในอนาคตฉันจะเป็นเพื่อนบ้านของป้านะคะ ญาติที่อยู่ห่างไกลอย่างไรก็สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ไม่ได้หรอกค่ะ ดังนั้นรบกวนคุณป้าหม่าช่วยดูแลเราด้วยนะคะ”

 

อย่าประมาทหญิงชราพวกนี้เชียว เมื่อเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่นี้ พวกนางก็จะเป็นคนแรกที่รู้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องผูกมิตรกับพวกนางไว้

 

“แน่นอนจ้ะ ลูกชายของเธอช่างเปี่ยมพลังดีนะ” คุณป้าหม่าเอ่ยด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า

 

“พ่อของเขาเคยเป็นทหารมาก่อนน่ะค่ะ เขาก็เลยเหมือนพ่อราวกับถอดแบบกันมา” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างถ่อมตัว

 

“นั่นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ” คุณป้าหม่าพยักหน้าและกระซิบต่อ “อาจารย์หลิน อย่าไปสุงสิงกับคนตระกูลจางห้องข้าง ๆ นะ ในย่านนี้ชื่อเสียงของพวกเขาเหม็นโฉ่สุดแล้วล่ะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะคุณลุงหวังให้การดูแลเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถ่ายโอนที่ให้กับมหาวิทยาลัย ฉันจะเข้ากับพวกเขาได้อย่างไรละคะ?” หลินชิงเหอบอกตรง ๆ

 

“ดูเหมือนเธอกับเฒ่าหวังจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะจ๊ะ” คุณป้าหม่ายิ้ม จากนั้นก็มอบมะเขือเทศสองลูกให้หลินชิงเหอและเดินกลับห้องไป

 

หลินชิงเหอยังไม่กินมะเขือเทศพวกนั้นเพราะมือของเธอยังสกปรกอยู่ เธอจึงล้างมือ ปิดประตูห้อง จากนั้นก็กลับไปที่มหาวิทยาลัยและแบ่งมะเขือเทศให้หวังลี่ไปหนึ่งลูก

 

“ทำไมฉันเพิ่งรู้ว่าเธอไม่ชอบเนื้อสัตว์แต่กินแค่ของพวกนี้นะ?” หวังลี่เอ่ย

 

“มันมีประโยชน์กับสุขภาพน่ะ” หลินชิงเหอตอบ ในปีนี้มิติของเธอเต็มไปด้วยมะเขือเทศเพื่อเก็บไว้กินตอนฤดูหนาว เพราะในฤดูหนาวไม่มีผลไม้อยู่เลย ที่นี่ทั้งแห้งและเย็นมาก ไม่เหมือนกับทางภาคใต้ที่ดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิในทุกฤดู

 

“ฉันยังไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านเธอเลย พรุ่งนี้ไปดูกันไหม?” หวังลี่เอ่ย

 

“ก็ได้ พรุ่งนี้ไปซื้อของกับฉันแล้วกัน จะน่าเสียดายมากถ้าไม่ได้ใช้แรงงานฟรี” หลินชิงเหอยิ้ม

 

“เธอยังจะพูดแบบนี้อีกนะ ตอนทำความสะอาดบ้านไม่เห็นเรียกฉันไปช่วยเลย” หวังลี่เอ่ยด้วยอาการแกล้งงอน

……………………………………………………………………………………

 

สารจากผู้แปล

 

แม่มีบ้านใหม่อยู่แล้ว รอพ่อมาอยู่ด้วยนะคะ

 

ที่แม่พูดก็จริงล่ะค่ะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที คุณป้าข้างบ้านรู้ก่อนตลอด ๕๕๕

 

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset