บทที่ 282 ไร้ยางอาย

บทที่ 282 ไร้ยางอาย
โดย

บทที่ 282 ไร้ยางอาย

“นั่นสิ อากาศหนาวขนาดนี้ต้องเอาผ้านวมไปด้วยนะ ถ้าไปถึงที่นั่นก็ต้องเสียเงินซื้ออีกเป็นหลายหยวนแล้วมันจะสายเกินไป” พี่สาวรองเอ่ยโน้มน้าว

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ที่นั่นพร้อมแล้ว แค่ย้ายเข้าไปอยู่เท่านั้นเองค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยให้ความวางใจ

“พี่ครับ นี่เป็นแป้งจี่ที่ภรรยาผมทำให้พี่ พี่เขย และหลาน ๆ เก็บไว้กินนะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ยพลางยื่นห่อของเล็ก ๆ ให้

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ย

หลังพูดจบ เขาก็ขี่จักรยานจากไป หลังขี่ไปได้ครึ่งทางเขาก็หยุดและตะโกนบอก “พี่ ดูที่ก้นห่อนะครับ”

หลังบอกเสร็จเขาก็ขี่จักรยานจากไปอย่างรวดเร็ว

หลินชิงเหอรีบมองที่ก้นห่อและพบว่ามีธนบัตร 10 หยวนอยู่ 5 ใบ

พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง และสะใภ้คนอื่น ๆ ต่างเห็นกันทั้งหมด

“เจ้าเด็กเหม็นนี่” หลินชิงเหอเอ่ยพลางอมยิ้ม เดิมเธอวางแผนว่าจะใช้โอกาสที่น้องชายสามของเธอกลับไปแล้วหยิบเงินขึ้นมาต่อหน้าสะใภ้ทั้งสาม แต่ไม่คิดเลยว่าน้องชายของเธอจะให้เงินมา

เธอไม่มีเวลาที่จะถอนเงินออกมา เงินพวกนี้น้องชายเป็นคนให้ทั้งหมด

เธอใช้เงินไปเป็นจำนวนมากในการซื้อจักรยานคันนี้ แต่หลังผ่านมาหลายปี มันก็ไม่ได้มีมูลค่ามากขนาดนั้นแล้ว

“เขากลัวว่าเธอจะมีเงินไม่พอใช้เมื่อไปอยู่ที่นั่นน่ะจ้ะ” สะใภ้ใหญ่พูด

สะใภ้รองกับสะใภ้สามไม่มีอะไรจะพูด พวกหล่อนรู้ว่าสะใภ้สี่ยกจักรยานให้กับน้องชายของเธอ แม้จะเข้าใจความคิดของเธอดี แต่พวกหล่อนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก

ทุกคนต่างเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน แต่ของเหล่านี้กลับไม่ได้เก็บไว้ใช้พวกเขาที่เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่กลับนำไปให้น้องชายฝั่งแม่แทน

หลินชิงเหอยิ้มโดยไม่ตอบอะไร

หลายปีมานี้เธอรู้ดีว่าน้องชายมีนิสัยเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ให้จักรยานกับเขา

น้องชายของเธอเป็นห่วงเธอผู้เป็นพี่สาวมาก

เงิน 50 หยวนนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าไม่อยากให้เธอถูกบรรดาพี่สะใภ้ตำหนิ และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขากังวลว่าเธอจะไม่มีเงินใช้

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เขาล้วนทำไปเพื่อเธอ

หลินชิงเหอไม่ขอให้ใครส่งคืนไปให้เขา เธอรับเงินจำนวนนี้ไว้

คนอื่น ๆ ก็นำเงินออกจากกระเป๋าของพวกเขาเช่นกัน โดยแต่ละคนออกให้คนละ 10 หรือ 20 หยวน

เห็นชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะเอามาให้เธอ หลินชิงเหอจึงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องให้เงินฉันหรอกมั้งคะ? เงินเดือนของฉันอยู่ที่ 60 กว่าหยวนต่อเดือนน่ะ ต่อให้ชิงไป๋อยู่ที่บ้าน ฉันก็ยังเลี้ยงเขากับเด็ก ๆ ได้อยู่ ทุกคนเก็บเงินกลับไปเถอะค่ะ เอาล่ะ ตอนนี้สายแล้ว ครอบครัวเราต้องขึ้นรถแล้วค่ะ ถ้าภายหน้าพวกพี่อยากไปเที่ยวในเมืองหลวงก็โทรหาฉันนะคะ คุณแม่มีหมายเลขโทรศัพท์สำนักงานของฉันอยู่ค่ะ”

จากนั้นทั้งครอบครัวก็ขึ้นรถประจำทาง

ทั้งเจ้ารองกับเจ้าสามต่างดีใจสุดขีด สองพี่น้องตื่นเต้นยินดีจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

พวกเขากำลังไปที่เมืองหลวง!

ไม่มีเด็กคนไหนไม่อยากเผชิญกับเมืองใหญ่นอกบ้าน โดยเฉพาะตอนที่ติดตามพ่อแม่ของพวกเขาไปด้วย

พวกเขามีเพียงเสื้อผ้าสองห่อและของเล็กน้อยอื่น ๆ ที่โจวชิงไป๋เป็นคนถือเท่านั้น ไม่มีของอะไรอย่างอื่นเลย

เธอกับเจ้าใหญ่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว จึงไม่มีอะไรขาดหาย

หลังขึ้นรถไฟแล้ว ทั้งครอบครัวก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง

เจ้ารองกับเจ้าสามมีพลังงานเต็มเปี่ยมและดูไม่เหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด พวกเขายังช่วยเหลือคนอื่น ๆ บนรถไฟด้วย

หลินชิงเหอรู้สึกกลัวการนั่งรถไฟเล็กน้อย ต่อให้พวกเขาจะซื้อตั๋วนอนที่มีเตียงนุ่มสบายแล้วก็ตาม ช่างเป็นชีวิตที่มีแต่การนอนโดยแท้ เธอจึงนอนพิงโจวชิงไป๋ขณะอ่านหนังสือไปด้วย

หลังมาถึงเมืองหลวงและลงจากรถไฟแล้ว หลินชิงเหอก็รู้สึกผ่อนคลาย ในที่สุดเธอก็หายใจได้ทั่วท้องเสียที

ขณะที่สองพี่น้อง เจ้ารองกับเจ้าสามยังคงกระตือรือร้นเหมือนเคย ไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนแรงเลยสักนิด

“พี่ใหญ่!” เจ้าสามเบิกตากว้างเมื่อเห็นพี่ชายคนโตเป็นคนมารับพวกเขา เขาเอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยความดีใจทันที

โจวข่ายทั้งสูงและหน้าตาดี เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายมาก

ที่นี่วุ่นวายเกินไปจนเขาต้องเบียดเสียดมาถือสัมภาระจากมือของบิดาและเอ่ยขึ้น “เราไปกินกันก่อนเถอะครับ ผมจองร้านไว้แล้ว”

โจวชิงไป๋นำภรรยาไป ขณะที่เด็กชายสองคนตามหลังลูกชายคนโต

พวกเขามายังภัตตาคารเป็ดย่างและกินอาหารมื้อใหญ่หนึ่งมื้อ จากนั้นทั้งครอบครัวก็เดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบ้าน

สิ่งแรกคือพวกเขาต้องเอาของไปเก็บก่อน

ทันใดนั้นคุณป้าหม่าก็เข้ามาเอ่ยทักทาย “โอ้ อาจารย์หลิน นี่สามีกับลูกชายคนเล็กอีกสองคนของคุณเหรอจ๊ะ? หน้าตาดีกันจริง ๆ เลย”

เห็นโจวชิงไป๋ เจ้ารอง และเจ้าสามแล้ว คุณป้าก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา

“นี่คือคุณป้าหม่าที่อยู่ข้างบ้านเรานะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม

หลังทักทายซึ่งกันและกันแล้ว หลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้น “คุณป้าคะ เราจะกลับมาในตอนเย็นมารบกวนคุณอีกนะคะ ตอนนี้เราต้องไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำกันก่อนน่ะค่ะ”

“ไปจ้ะ ไปเลยจ้ะ” คุณป้าหม่าไม่ถือสา พวกเขาเพิ่งมาถึงและเหนื่อยล้าจากการนั่งรถไฟ จึงต้องการอาบน้ำอย่างด่วน

ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงมาที่โรงอาบน้ำ

หลินชิงเหอเข้าไปอาบน้ำในโรงอาบน้ำติดกับที่พัก ส่วนโจวชิงไป๋พาลูกชายทั้งสามไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำชาย

หลินชิงเหอยังรู้สึกประหม่าอยู่ ขณะโจวชิงไป๋กับเด็กชายทั้งหมดเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ

โจวชิงไป๋เคยประสบกับอะไรแบบนี้ในกองทัพมาก่อน ส่วนสามพี่น้องก็มักถอดเสื้อผ้ากระโดดน้ำเล่นในแม่น้ำช่วงฤดูร้อนตอนที่อยู่ในชนบทอยู่แล้ว

ทั้งครอบครัวสดชื่นขึ้นหลังได้อาบน้ำ แม้แต่โจวชิงไป๋ยังดูขาวขึ้นมาก

พวกเขาใช้เวลาอาบน้ำกันนานมาก เช่นเดียวกับหลินชิงเหอ เมื่อออกจากโรงอาบน้ำได้ คนทั้งครอบครัวก็มีสีหน้าสดชื่นผ่องใสขึ้น

“เจ้าใหญ่ ดูแลน้องทั้งสองคนด้วยนะ” หลินชิงเหอบอก

“ครับ” โจวข่ายพยักหน้าและยื่นเสื้อผ้าสกปรกให้แม่ของเขา จากนั้นก็พาน้องชายบ้าพลังทั้งสองออกไปเดินเล่น

ส่วนหลินชิงเหอกลับบ้านพร้อมโจวชิงไป๋

จากนั้นพวกเขาก็ปะกับจางเหมยเหอ ลูกสาวคนโตของคุณป้าจางข้างบ้านผู้เดินทางไปยังชนบทและกลับมาด้วยสถานะหย่าร้าง

“คุณครูหลิน นี่สามีของคุณเหรอคะ?” จางเหมยเหอเอ่ยกับหลินชิงเหอ แต่สายตากลับมองที่โจวชิงไป๋ผู้เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและมีสภาพสดชื่นสมชายชาตรี

ต่อให้ในปีนี้โจวชิงไป๋จะมีอายุในช่วง 30 แต่เขาก็ไม่ได้มีสภาพทรุดโทรมนักเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างประณีตจากหลินชิงเหอ

ชายคนนี้ยังคงหยัดตรงราวกับต้นสนและมีเสน่ห์ชวนใจเต้นอยู่

ดังนั้นเมื่อหลินชิงเห็นสายตาของจางเหมยเหอเกือบจะติดอยู่กับชิงไป๋ของเธอ

ด้วยความที่ไม่ใช่คนนิสัยดี เธอก็ไม่อยากเอ่ยสวัสดีกับคนแบบนี้เลย คนที่ไม่มีความละอายใจในตัวเอง

หล่อนถึงกับกล้าหมายตาชายของคนอื่นต่อหน้าพวกเธอ ลับหลังไปแล้วหล่อนจะทำอะไร?

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงพาโจวชิงไป๋ไปยังบ้านของคุณป้าหม่า ไม่สนใจหล่อนแม้แต่น้อย

คุณป้าหม่ายิ้มและต้อนรับพวกเขาเข้าบ้าน

“ตอนที่ฉันมาอยู่ที่นี่กับเจ้าใหญ่แล้ว เราได้รับความช่วยเหลือจากคุณป้าหม่าไม่ขาดเลยล่ะค่ะ” หลินชิงเหอบอกโจวชิงไป๋

โจวชิงไป๋ขอบคุณคุณป้าหม่าอย่างจริงจัง ซึ่งคุณป้าหม่าก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพื่อนบ้านกันเอง แต่พ่อเสี่ยวข่ายจ๊ะ คุณต้องให้อาจารย์หลินเล่าเรื่องคนตระกูลจางที่อยู่บ้านข้าง ๆ นะจ๊ะ คุณอย่าทำผิดต่ออาจารย์หลินนะจ๊ะเข้าใจหรือเปล่า?”

คุณป้าหม่าไม่คิดว่าลูกสาวคนโตของตระกูลจางจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้จริง ๆ

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แฮชแท็ก #saveQingBai ต้องมาแล้วล่ะค่ะ ยัยเหมยเหอ อย่ามายุ่งกับพ่อนะ ชิ้ววว

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset