บทที่ 286 ถลกหนัง

บทที่ 286 ถลกหนัง
โดย

บทที่ 286 ถลกหนัง

วอนตายเสียแล้วยัยนี่

ในวันนั้นหลินชิงเหอได้สลับชั้นเรียนกับอาจารย์อีกคนหนึ่งพอดี ซึ่งอาจารย์คนนั้นมีสอนช่วงบ่าย เธอจึงขอสลับเวลาสอน

แล้วเธอก็มาที่ร้านและได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้า

หลินชิงเหอไม่ยั้งตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเดินเข้ามาในร้านและเห็นโจวชิงไป๋ทำหน้าหงิกขณะที่จางเหมยเหอนั่งอยู่ที่โต๊ะลูกค้า

เมื่อเห็นเธอเข้ามา โจวชิงไป๋ก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

กลับกัน จางเหมยเหอก็ร้อนรนขึ้นมาทันทีที่ถูกจับได้ หล่อนมองมาที่หลินชิงเหอ

หลินชิงเหอมองหล่อนกลับและเริ่มทำการแฉ “ลูกสาวคนโตตระกูลจางอย่างเธอเคยท้องมาก่อนและอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าเธอหนีไม่ทันในครั้งนั้น เธอก็จะกลายเป็นเป้าให้ถูกวิจารณ์อย่างแน่นอน ตอนที่เธอไปชนบท เธอแต่งงานกับคนบางคนเพราะต้องการหาคนมาช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนั้นที่ทำแท้งหรือเปล่าน่ะจึงทำให้ร่างกายของเธอทรุดโทรมมีลูกไม่ได้มานานหลายปี แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอจะมาจับผู้ชายของฉัน”

จางเหมยเหอตกใจไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องกระจ่างหมด หล่อนขบเคี้ยวฟันและโต้กลับ “คุณเป็นอาจารย์ผู้ทรงความรู้และมีหน้าที่สอนคน แต่ก็ยังเปิดปากว่าร้ายคนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองเหรอคะ?”

“ขนาดเธอยังไม่กลัวกรรมตามสนอง แล้วทำไมคนอย่างฉันที่สุจริตมาโดยตลอดถึงต้องกลัวด้วย? อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ฉันด่าว่าเธอ หรือตอนที่ฉันไปสืบเรื่องนี้ในชุมชนของเรา มีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง…จางเหมยเหอ? เรื่องนี้ชาวบ้านรู้กันทุกที่แล้ว เกือบจะบอกตรง ๆ เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายที่เป็นของมือสองพัง ๆ ชิ้นหนึ่ง” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน

“แก…ยัยบ้านนอ…”

ก่อนที่หล่อนจะพูดจบ หลินชิงเหอก็ขัดเสียก่อน “ฉันแค่ไม่อยากจะสนใจการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อก่อหน้านี้ของเธอหรอก ก็เป็นแค่ผู้หญิงผ่านการหย่าที่ดูเหมือนเมล็ดแตงฝ่อและพุทราเน่าที่ไม่มีการศึกษา เธอเหมาะจะเป็นคู่ต่อสู้ฉันด้วยเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยล่ะ มีส่วนไหนในร่างกายเธอที่เทียบกับฉันได้บ้าง? ทั้งหน้าตา รูปร่าง การศึกษา แล้วก็เรื่องการเป็นคนเมืองหลวง เธอมีลูกไม่ได้ เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ที่พอเห็นว่าชิงไป๋ของฉันมีลูกชายสามคนแล้วก็สาระแนอยากเป็นแม่เลี้ยงของพวกเขา ทำไมไม่หัดปัสสาวะใส่กระโถนแล้วชะโงกดูเงาเสียบ้าง? ว่าเธอน่ะคู่ควรไหม?”

จางเหมยเหอได้ฟังถึงกับปิดหน้าร้องไห้วิ่งออกไปในที่สุด

ในครั้งนี้หลินชิงเหอจงใจแทงใจดำหล่อนอย่างตรงจุด ไม่ปรานีแต่อย่างใด

เธอเมินการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่คิดว่าหล่อนจะหน้าด้านมาคุกคามชิงไป๋ของเธอถึงในร้าน แล้วหลินชิงเหอจะทนได้อย่างไรล่ะ?

หลินชิงเหอไม่เคยปรานีอยู่แล้วในการจัดการกับคนพวกนี้ เหมือนกับที่เคยทำกับพ่อแม่บังเกิดเกล้าเมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไม่ลงมือหรือลงมือทำ เธอก็ใจดำอยู่แล้ว

หลินชิงเหอหันหลังกลับและเห็นโจวชิงไป๋จ้องมองดวงตาของเธอ เขาไม่หวาดกลัวเธอเลย กลับกันสีหน้าของเขายังคงผ่อนคลายและอ่อนโยนราวกับต้องมนต์สะกดของเธอ

“อะแฮ่ม” หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้งพยายามจะกู้ภาพลักษณ์คืนกลับมาและเอ่ยขึ้น “หล่อนยั่วโมโหฉันก่อน คนอย่างหล่อนต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างน่ะค่ะ”

“อืม คุณด่าได้ดีทีเดียว” โจวชิงไป๋เอ่ยพร้อมกับสายตาฉายความรื่นเริง

หลินชิงเหอรู้ว่าจางเหมยเหอต้องสร้างความรำคาญให้เขาหนักมาก ไม่อย่างนั้นแล้วคนนิสัยอย่างเขาจะไม่พูดเรื่องนี้เลย

จากความเห็นที่เขามีต่อจางเหมยเหอในตอนนี้ หลินชิงเหอก็รู้ดีว่าเขาก็ใกล้จะหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

การเจอคนน่ารำคาญที่รับมือยากแบบนี้ ถ้าไม่ด่ากลับไปเสียบ้าง ก็เอาชนะหล่อนไม่ได้จริง ๆ

หลินชิงเหอมาช่วยงานโจวชิงไป๋ที่นี่ จากนั้นก็มีลูกค้าอีกคนหนึ่งเข้ามากินเกี๊ยว

คุณป้าหม่าที่ออกไปซื้อของกินของใช้ก็ได้ผ่านมาเห็นพอดี นางถึงกับเอ่ยทักเมื่อเห็นหลินชิงเหอ “อาจารย์หลินไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยหรอกเหรอจ๊ะ?”

“ฉันแลกชั้นกับเพื่อนร่วมงานไปน่ะค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม “ก็เลยมาช่วยตอนที่ว่าง”

“กิจการเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” คุณป้าหม่าถาม

“ก็ดีอยู่นะคะ” หลินชิงเหอบอก ในตอนนี้มีลูกค้าเข้าร้านสองคน นับว่ากิจการซบเซาไม่น้อย เมื่อเทียบกับโต๊ะนับสิบที่สามารถนั่งกันได้หลายคน การมีคนเข้าเพียงสองคนจึงทำให้ร้านดูโล่งมาก

คุณป้าหม่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เป็นแบบนี้ยังดีกว่าให้พ่อของเสี่ยวข่ายอยู่บ้านตั้งเยอะ

หลินชิงเหอเห็นคุณป้าหม่าเพิ่งซื้อของชำเสร็จ เธอจึงรินชาให้นางและเอ่ยทัก “คุณป้าคะ ถ้าผ่านมาที่ร้านนนี้ตอนออกไปซื้อของแล้ว คุณป้าช่วยเข้ามาดูหน่อยได้ไหมคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับชิงไป๋ก็ช่วยพูดอะไรสักอย่างบ้างน่ะค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” คุณป้าหม่าตอบ จากคำพูดเหล่านี้นางก็จับได้แล้วว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

“คุณป้าไม่รู้หรอกค่ะ ฉันเข้ามาที่ร้านวันนี้เห็นแล้วรู้สึกควันขึ้นเลยทีเดียว” หลินชิงเหอบอก

เธอไม่เก็บเรื่องของจางเหมยเหอไว้ในใจและเอ่ยคำพูดที่หล่อนได้พูดไว้ให้คุณป้าหม่าฟัง

“ฉันไม่เคยคิดเลยค่ะว่าผู้หญิงคนนี้จะย่างเท้าเข้ามาในร้านหลังได้คืบจะเอาศอก หากว่าวันนี้ฉันไม่ขอแลกชั้น” หลินชิงเหอเอ่ย

“หน้าด้านไร้ยางอายจริง ๆ!” คุณป้าหม่าอุทานทันที

“ชิงไป๋ของฉันทำตัวดีมากนับตั้งแต่ที่มาที่นี่ คุณป้าคะ เพื่อนบ้านของเราอยู่ที่นั่นและเขาก็ไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวัน นอกจากนี้เรายังมีเด็กสามคนที่ตัวโตเท่านี้แล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมคนอย่างจางเหมยเหอถึงได้มีความคิดแบบนี้ได้?” หลินชิงเหอเอ่ย

“ป้ารู้ว่าหล่อนเป็นคนไม่ดีมาก่อน แต่ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาที่นี่เพื่อตามหาพ่อของเสี่ยวข่ายอย่างหน้าด้าน ๆ !” คุณป้าหม่าตอบ

“นี่แหละค่ะว่าทำไมฉันถึงเดือดนัก ปกติฉันยุ่งอยู่ที่มหาวิทยาลัย ถ้าคุณป้าผ่านมาตอนซื้อของก็ช่วยมาดูที่ร้านให้ฉันหน่อยนะคะ” หลินชิงเหอขอร้อง

“ไม่มีปัญหา ในวันหน้าป้าจะมาเดินดูแถวนี้ในตอนที่ว่างทุกวันเลยจ้ะ” คุณป้าหม่าให้สัญญา

หลินชิงเหอให้เกี๊ยวกับนางไปบางส่วน ซึ่งคุณป้าหม่าก็ไม่อาจปฏิเสธและนำกลับไปบ้าน

หลังจากนั้นนางก็คุยเรื่องนี้กับสหายเก่าบางคนของนาง

“ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย” คุณป้าหม่าพูด

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” เพื่อนของนางต่างตกใจ

“ฉันจะพูดลอย ๆ ได้อย่างไรล่ะ? พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นคนดีและมีลูกสามคนแล้ว เมียเขาก็ยังเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งอีก น่าชื่นชมออกขนาดนั้น หล่อนจะเทียบกับเธอได้อย่างไรล่ะ หล่อนช่างไม่เจียมตัวเลย!” คุณป้าหม่าค่อนแคะ

“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านั้นเคยแท้งลูกมาก่อนหรือเปล่าตอนนี้หล่อนถึงมีลูกไม่ได้ พอเห็นพ่อหนุ่มคนนั้นมีลูกชายสามคนก็เลยรู้สึกอยากได้มั้งนะ?” เพื่อนเก่าแก่ของนางพากันคาดเดา

“นั่นยิ่งกว่าไร้ยางอายเสียอีก ผัวเมียคู่นั้นน่ะรักกันดีมากและเด็ก ๆ ก็ยังมีเหตุผลกับเอาใจใส่คนอื่นออกขนาดนี้ แค่หล่อนมีลูกไม่ได้เลยอยากจะทำคนอื่นบ้านแตกสาแหรกขาดนี่นะ ช่างไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว!” คุณป้าหม่าพูด

ข่าวคราวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

หญิงชราคนหนึ่งถึงกับเอ่ยขึ้นมา “ฉันว่าแล้วว่าทำไมหล่อนถึงร้องห่มร้องไห้กลับมา? ไม่ใช่ว่าหล่อนอยากทำลายครอบครัวคนอื่นแล้วถูกอาจารย์หลินสวดกลับมาเหรอ!”

“คุณเห็นกับตาเหรอ?” ใครบางคนถามในทันที

“ใช่แล้วล่ะ เหมือนหล่อนจะทำผิดเต็ม ๆ เลย” หญิงชราคนนี้แค่นเสียง

“ช่างเป็นผู้หญิงไร้ยางอายจริง ๆ! ทำลายครอบครัวชาวบ้าน!” ทุกคนในชุมชนเริ่มก่นด่าจางเหมยเหอ

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ไม่รู้สึกผิดใด ๆ เธอไม่เคยใจอ่อนอยู่แล้ว ในเมื่อหล่อนกล้าหมายตาผู้ชายของเธอ แล้วจะไม่ให้เธอถลกหนังหล่อนเป็นการสั่งสอนได้อย่างไร?

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฟาดเข้าไปค่ะแม่ คนแบบนี้ต้องโดนเสียบ้างถึงจะหลาบจำ (หรือไม่จำเลยนะ?)

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset