บทที่ 346 ร้านค้าแห่งที่สาม

บทที่ 346 ร้านค้าแห่งที่สาม

บทที่ 346 ร้านค้าแห่งที่สาม

หลินชิงเหอไม่อยากเปิดร้านใหม่ไกลนัก เป็นการดีที่สุดที่จะเปิดร้านใหม่ใกล้กับร้านเสื้อผ้าผู้หญิง

ตอนนี้ที่ร้านเสื้อผ้ายังมีแค่เด็กสาวสองคนเป็นผู้ดูแล ซึ่งความปลอดภัยในยุคนี้เทียบไม่ได้กับยุคหลัง ๆ ปกติแล้วไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น พวกหล่อนก็ต้องได้รับการช่วยเหลือบ้าง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเธอโชคดีหรือไม่

เพราะว่าอีกฟากหนึ่งของถนนตรงข้ามกับร้านเสื้อผ้าผู้หญิง มีร้านค้าว่างอยู่ที่หนึ่งพอดี

แถมร้านนี้ยังเป็นร้านค้าสองชั้นเหมือนร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋อีกด้วย

“ร้านค้านี้ตั้งราคาไว้ 5,000 หยวน ซึ่งทางผู้ขายก็บอกว่าลดให้อีกไม่ได้แล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการทรัพย์สินบอกกับเธอ

“ตอนนี้คุณว่างอยู่ไหมคะ? คุณสามารถพาฉันไปดูได้ไหมคะ?” หลินชิงเหอกล่าว

“ได้ค่ะ” เจ้าหน้าที่คนนี้เคยได้ลูกกวาดถุงหนึ่งจากหลินชิงเหอมาก่อน หล่อนพยักหน้าแทนคำตอบ

หากร้านค้าร้านนี้ถูกขาย หล่อนก็จะได้หน้าไปด้วย ในยุคนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าค่าคอมมิชชันหรอก มีแค่เงินเดือนล้วน ๆ

พวกเธอไปดูร้านค้ากันที่นั่น แล้วหลินชิงเหอก็รู้สึกพอใจ

ชั้นสองสามารถใช้เป็นโกดังเก็บของได้ และยังมีพื้นที่กว้างขวางมากอีกด้วย

อีกอย่างตำแหน่งของร้านค้าก็อยู่ในทำเลดี อยู่ติดถนนและอยู่ตรงข้ามกับร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เมื่อยืนมองมาจากประตูร้านก็จะเห็นร้านเสื้อผ้าผู้หญิงแล้ว

หลินชิงเหอไม่ลังเลแต่อย่างใด เธอรีบกลับไปจัดการทำธุรกรรมในทันที

“คุณไม่ต้องคุยเรื่องนี้กับสามีของคุณก่อนหรือคะ?” เจ้าหน้าที่ถาม

“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในบ้านอยู่แล้ว” หลินชิงเหอตอบ

เจ้าหน้าที่สาวถึงกับขำ จากนั้นบ้านก็ถูกถ่ายโอนสิทธิ์เป็นของหลินชิงเหอ ซึ่งหล่อนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นหญิงสาวหยิบเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาจากกระเป๋าผ้า

เงิน 5,000 หยวน ครึ่งหนึ่งของราคา 10,000 หยวน หล่อนไม่คิดเลยว่าเธอจะจ่ายเงินมากขนาดนี้ได้ในคราวเดียว ช่างเป็นคนรวยจริง ๆ

หลังได้รับโฉนดร้านค้าและเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว หลินชิงเหอก็ออกจากสำนักงานจัดการทรัพย์สินด้วยอารมณ์ดีสุดขีด

ร้านเกี๊ยวในตอนนั้นมีราคาแค่ 3,000 หยวนเท่านั้น ในขณะที่ร้านค้าใหม่นี้มีราคาถึง 5,000 หยวน แต่ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ไม่สนใจ

ไม่เพียงแต่ตลาดในตอนนี้จะเปลี่ยนไปจาก 2 ปีที่แล้ว พื้นที่ร้านค้าก็ยังใหญ่ขึ้นอีกด้วย การมีชั้นสองทำให้เธอรู้สึกว่าราคานี้ไม่ถือว่าแพงเกินไปนัก

เธอมาที่ร้านเกี๊ยวและกระซิบบอกเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋ ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไป

เขาไม่คิดเลยว่าภรรยาจะลงมือไวขนาดนี้ เธอเพิ่งตัดสินใจเมื่อคืนและซื้อร้านในวันนี้เลย

ในเมื่อเธอซื้อร้านมาแล้ว เขาจึงตอบไปว่า “งั้นคุณไปคุยกับคุณป้าหม่าแล้วกันครับ”

หลินชิงเหอพยักหน้าและเล่าแผนของเธอให้กับคุณป้าหม่าที่กำลังล้างจานอยู่

คุณป้าหม่าชะงักไป ทันใดนั้นนางก็เอ่ยออกมา “ไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าสวี่เป็นคนจัดการงานที่นั่นเหรอจ๊ะ? ให้เฉิงหมินไปทำงานส่วนนั้นจะเหมาะสมเหรอ?”

“เหมาะสิคะ” หลินชิงเหอตอบ

ที่หม่าเฉิงหมินต้องจัดการคือบัญชีสินค้าที่ผลิตได้ เป็นต้นว่ามีเสื้อผ้าจำนวนกี่ชุดที่ผลิตได้จากผ้าที่สั่งเข้ามา

ส่วนที่แม่เฒ่าสวี่กับหลี่ซุ่ยเฟิ่งสะใภ้ใหญ่ของนางดูแลอยู่คืองานควบคุมคุณภาพของเสื้อผ้าที่ตัดเย็บออกมา

“ฉันเช่าร้านไว้ร้านหนึ่งด้วยน่ะค่ะ แล้วก็คิดว่าจะขายเสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เป็นเสื้อผ้าผู้ชาย ถึงตอนนั้นเฉิงหมินกับหลานชายของฉันก็จะเป็นคนดูแลร้านนั้นค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย “เงินเดือนที่พวกเขาได้ก็จะได้เท่ากับแม่เฒ่าสวี่กับคนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่จัดการดูแล คือ 35 หยวนต่อเดือน แต่เนื่องจากเขาต้องทำงานหลายอย่าง ฉันก็เลยตัดสินใจว่าปีหน้าจะขึ้นเงินเดือนให้เขาด้วยค่ะ”

คุณป้าหม่าได้ยินก็ปิติยินดี “ได้จ้ะ ได้ เดี๋ยวป้าจะกลับไปบอกเขานะ”

“งั้นต้องรบกวนคุณป้าหม่าแล้วค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“ไม่มีปัญหาเลยจ้ะ ป้าต่างหากที่ต้องขอบคุณอาจารย์หลินในเรื่องนี้!” คุณป้าหม่ามองหลินชิงเหอและเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง

นางกับสามีเฒ่าต่างยินดีเมื่อเห็นว่าลูกชายและครอบครัวของเขาสามารถกลับมาอยู่ในเมืองหลวงได้ มันไม่สำคัญหรอกที่พวกเขาจะต้องใช้เงินมหาศาลในการย้ายทะเบียนบ้านของลูกชายกลับมา

นี่เป็นงานที่เขาสามารถทำได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคงจะไม่เลวร้ายหรอก

แต่ใครจะคิดเลยว่าเขาจะถูกเลิกจ้างงานแบบนี้

เรื่องนี้ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดลงมา ไม่มีงานก็คือไม่มีเงินเดือน มีแค่เงินส่วนของนางกับสามีชราเท่านั้น แม้ทุกวันนี้ลูกชายจะติดตามพ่อของเขาไปขนสินค้าแลกเงินมาก็ตาม แต่เขาก็ทำเงินได้เพียง 20 หยวนต่อวัน รวมกับเงินเดือนของนางแล้วมันก็ช่วยต่อชีวิตของพวกเขาไปได้

แต่นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว

คุณป้าหม่าจึงรู้สึกร้อนใจไปชั่วขณะหนึ่ง

นางไม่คิดเลยว่าหลินชิงเหอจะจัดหางานนี้ให้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ดูแลโกดังและเฝ้าหน้าร้านอีกแล้ว

หลังทำงานในช่วงบ่ายเสร็จ คุณป้าหม่าก็รีบกลับมาที่บ้าน

หม่าเฉิงหมินกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน เขาออกไปทำงานในตอนเช้ากับพ่อ ซึ่งทั้งพ่อลูกต่างก็หมดแรงกลับมา

“เฉิงหมิน เฉิงหมิน ตื่นเร็ว แม่มีอะไรจะบอกแกล่ะ” คุณป้าหม่าร้องเรียกลูกชายทันทีที่นางกลับถึงบ้าน

“คุณแม่คะ เฉิงหมินกำลังเหนื่อยอยู่นะคะ” หวงเสี่ยวหลิวเอ่ย

หล่อนรู้สึกปวดใจนักที่เห็นว่าอะไร ๆ ของสามีหล่อนล้วนดูยากไปหมด

“ฉันรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่นี่เป็นข่าวดีนะ” คุณป้าหม่าอธิบาย ขณะที่นางพูด หม่าเฉิงหมินก็ตื่นพอดี

“แม่ครับ แม่เองก็น่าจะพักผ่อนบ้างนะครับ” หม่าเฉิงหมินเอ่ยขณะลุกขึ้น

ช่างเป็นเรื่องลำบากสำหรับแม่ของเขานัก นางเป็นคนคอยดูแลทุกชีวิตในครอบครัว

“เฉิงหมิน ฟังแม่ก่อน” คุณป้าหม่าพูด จากนั้นนางก็เล่าทุกอย่างที่หลินชิงเหอบอกกับนางให้เขาฟัง

หม่าเฉิงหมินอึ้งไป “จริงเหรอครับ?”

“อาจารย์หลินเป็นคนมาบอกกับแม่เอง จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไรล่ะ? แม่แค่กังวลนิดหน่อยว่าแกจะจัดการบัญชีและเฝ้าร้านค้าได้ไหม?” คุณป้าหม่าเอ่ย

“ผมไม่เคยทำงานด้านจัดการมาก่อน แต่คงไม่น่าจะยากหรอกครับ” หม่าเฉิงหมินพูด สำหรับการเฝ้าดูร้านค้าแล้วมันก็ไม่น่าจะยากเกินความสามารถเช่นกัน

“อาจารย์หลินบอกว่าเมื่อหล่อนกลับมาในตอนเย็นแล้วจะมาคุยกับแกล่ะ” คุณป้าหม่าแจ้งลูกชาย

“ตกลงครับ!” หม่าเฉิงหมินตอบด้วยความหวังที่ผุดขึ้นในใจ

วันเวลาที่ผ่านมาช่างหดหู่จริง ๆ แม้งานที่ทำอยู่จะกินกำลังไปมาก แต่ก็ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีอะไรทำเลย

ในบ่ายวันนั้นเอง หลินชิงเหอได้นอนหลับบนชั้นสองของร้านเกี๊ยว

มันมีเสื่อหน้าร้อนผืนใหม่อยู่ที่พื้น เธอจึงนอนบนพื้นโดยที่ไม่ได้นอนบนเตียงของหลานสาว

เมื่อตื่นขึ้นมา หญิงสาวก็ไปสอนต่อ โจวชิงไป๋เองก็ปิดร้านในเวลานี้เพื่อจะได้งีบพักชั่วครู่เหมือนกัน

ปกติช่วงบ่ายสองถึงบ่ายสี่ไม่มีงานอะไรต้องทำ ชายหนุ่มก็จะปิดร้านเพื่อนอนพัก หรือไม่เขาก็งีบหลับไปชั่วครู่ก่อนออกไปเล่นบาสเก็ตบอลในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

ใน 2 ปีที่ผ่านมาชายคนนี้รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุขในขณะที่หาเงินไปด้วย

เมื่อคุณป้าหม่ามาทำงานในช่วงบ่าย หม่าเฉิงหมินก็ตามมาด้วย เขาไม่อาจรอจนถึงตอนเย็นได้จึงมาที่ร้านก่อน

โจวชิงไป๋บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องการตกแต่งภายใน ซึ่งหม่าเฉิงหมินมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้

และยังมีงานในศูนย์ผลิตเล็ก ๆ ที่เขาต้องจัดการด้วย

หม่าเฉิงหมินรับรู้เรื่องราวทั้งหมด เมื่อถึงเวลาเขาก็ไปรับลูกชายที่โรงเรียนอนุบาลกลับมาที่บ้าน และตอนนี้หลินชิงเหอก็เลิกงานพอดี

เมื่อเห็นเขาอยู่ที่นั่น เธอก็รู้ว่าเขาต้องการจะคุยเรื่องอะไร จึงเป็นฝ่ายพาเขามาที่ร้าน

และเธอก็ใช้โอกาสนี้เรียกหู่จือที่อยู่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงฝั่งตรงข้ามให้มาหาด้วย

“คุณน้าจะเปิดร้านอีกแล้วเหรอครับ?” หู่จือถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมาถึง

…………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset