บทที่ 374 ทำงานหนักเพื่อลูกสาว

บทที่ 374 ทำงานหนักเพื่อลูกสาว

บทที่ 374 ทำงานหนักเพื่อลูกสาว

หลังจากได้รับคำตอบจากลูกสะใภ้แล้ว ท่านแม่โจวก็กลับมาให้คำตอบแก่แม่เฒ่าจูผู้ที่สร้างความลำบากใจให้

นางสาบานเลยว่าหลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว นางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนผู้นี้อีกต่อไปในอนาคต ช่างเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสิ้นดี

“ลูกสะใภ้ฉันบอกว่าเขายังเด็กอยู่เลย อายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ต้องเริ่มต้นอาชีพการงานให้ดีเสียก่อน จากนั้นถึงจะคิดเรื่องมีครอบครัว เจินเจินอายุมากกว่าหลานชายของฉันอยู่ 1 ปี จะให้หล่อนมาเสียเวลารอไม่ได้หรอก” ท่านแม่โจวแจ้งคำตอบ

ในขณะที่ภายในใจนางก็กำลังเย้ยหยัน

หล่อนอายุมากกว่าหลานชายของนางอยู่ 1 ปีและยังคุยโวโอ้อวดว่ามีคนแบบหล่อนอยู่ไม่กี่คนบนสรวงสวรรค์และหาแทบไม่ได้เลยบนโลกมนุษย์ คนที่ไม่รู้คงจะนึกว่าหล่อนเป็นนางฟ้าจริง ๆ!

แม่เฒ่าจูไม่พอใจมาก หล่อนคิดว่าเรื่องนี้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่เคยคิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้

กลับมาที่บ้านนางก็แค่นเสียงพูดกับเฒ่าจู “ครอบครัวก็มาจากบ้านนอกเท่านั้น หล่อนยังจะยกตัวเองเป็นคนสำคัญอีก แนะนำเด็กสาวที่ดีแบบเจินเจินให้ยังกล้ามาทำเป็นอวดดีใส่? ก็แค่ครอบครัวที่ทำธุรกิจของตัวเอง!”

ไม่ว่าการทำธุรกิจเป็นของตนเองจะมีรายได้ดีหรือไม่ การขายของในยุคนี้ก็เป็นอาชีพที่ไม่ได้รับเคารพนับถือ แต่เนื่องจากมาตรการที่ผ่อนปรนลงไปมากโดยเฉพาะในปีนี้ ทำให้มีคนจำนวนมากที่หันมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง

มีร้านค้าแผงลอยเกิดขึ้นมากมาย

เฒ่าจูกล่าว “ผมว่าน่าจะพอได้แล้วนะ คุณหัวเสียในเรื่องนี้เกินไปแล้ว ทำธุรกิจของตัวเองแล้วยังไง ครอบครัวเขามีทั้งนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วเจินเจินมีอะไรบ้างนอกจากใบทะเบียนบ้านในปักกิ่ง? พวกเขาก็มีเหมือนกันนั่นแหละ!”

“แต่เราเกิดและโตที่นี่ ในขณะที่พวกเขาเป็นคนที่มาจากต่างถิ่น จะไปเหมือนกันได้ยังไง?” แม่เฒ่าจูฮึดฮัด

“เลิกได้แล้ว ถ้าเขาไม่เต็มใจก็คือไม่เต็มใจ ก็แค่หาครอบครัวอื่นมาให้เจินเจินเท่านั้นเอง” เฒ่าจูโบกมือ

แม่เฒ่าจูยังรู้สึกเดือดดาลอยู่ “เด็กผู้หญิงที่ดีอย่างเจินเจิน…”

เฒ่าจูไม่มีความอดทนพอที่จะฟังนางพร่ำรำพันต่อจึงออกไปข้างนอกทันที ปล่อยให้แม่เฒ่าจูคร่ำครวญอยู่ต่อไป

ในอีกไม่กี่วันถัดมาจูเจินเจินก็มาที่นี่

หลังจากที่หล่อนได้ยินคำพูดของคุณย่าก็ตาแดงขึ้นมาทันที “ครอบครัวโจวไม่ชอบหนูหรือคะ?”

“เจินเจิน อย่าเสียใจไปเลยนะ บอกได้แค่ว่าครอบครัวโจวไม่มีวาสนาซะมากกว่า หลานเป็นคนที่พิเศษมาก พวกเขาจะไม่พอใจได้ยังไงกันล่ะ? อย่ากังวลไปเลย ย่าจะหาคนที่ดี ๆ ให้กับหลานเอง” แม่เฒ่าจูปลอบ

จูเจินเจินก้มหน้าลง “แต่…แต่หนูชอบโจวข่ายนี่คะ”

เด็กหนุ่มคนนั้นทั้งสูงทั้งหล่อและดูเป็นผู้ใหญ่ มีสายตาคมกริบที่เพียงแค่มองไปแวบแรกก็รู้สึกถึงความปลอดภัยแล้ว

อยู่ที่บ้านหล่อนก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเท่าใดนัก หล่อนได้ยินว่าครอบครัวของเขาฐานะดี และพ่อแม่ของเขาก็เป็นคนมีเหตุผล ถ้าหล่อนได้แต่งงานเข้าไปคงจะมีชีวิตที่ดีเป็นแน่

“ชอบแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ก็ครอบครัวของเขาไม่ได้ชอบหลานนี่นา” แม่เฒ่าจูบอก

ไม่ว่าท่านแม่โจวจะพูดอ้อมค้อมสักแค่ไหน แต่มันก็ชัดเจนว่าหล่อนไม่ได้ชอบหลานของนาง มิฉะนั้นหล่อนคงจะไม่ปฏิเสธและคงจะเห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว

ฮึ อย่างหลานสาวของนางยังไม่ถูกใจพวกเขาเลย แล้วจะไปแต่งกับใครได้อีก?

จูเจินเจินใกล้จะร้องไห้ออกมาเต็มแก่แล้ว

หล่อนถึงกับมาถามกับท่านแม่โจวเอง เมื่อท่านแม่โจวเห็นหล่อนมีเรื่องอยากจะพูดแต่เงียบไป จึงเอ่ยปากถาม “เจินเจิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม?”

“คุณย่าโจวไม่…ไม่ถูกใจหนูหรือคะ?” จูเจินเจินตาแดงก่ำ

ท่านแม่โจวอยากด่าออกมาเสียจริง มีเด็กสาวอย่างนี้อยู่ด้วยหรือ? พฤติกรรมอย่างนี้? มาถามผู้ใหญ่ฝ่ายชายเป็นการส่วนตัว? พฤติกรรมอย่างนี้เรียกว่าอะไร?

มีการดูตัวหรืออะไรทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วหรือยัง? คุณย่าของหล่อนแค่เอ่ยปากขึ้นมาและฝ่ายนางก็ให้คำตอบกลับไป แล้วนี่อะไร? หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์หรืออย่างไร?

ทันทีที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้น อีกฝ่ายต้องขอหล่อนแต่งงานก่อนที่หล่อนจะถอดใจสิถูกต้องไหม?

ท่านแม่โจวบอกอย่างถนอมน้ำใจไปว่า “เจินเจินดีทุกอย่างแหละจ้ะ แต่หลานชายของยายยังเด็กอยู่เลย อย่าไปมองที่ส่วนสูงของเขา จริง ๆ แล้วเขาอายุแค่ 18 เท่านั้นยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เลย มันแค่เร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าหนูไม่ดีหรอกนะ”

หลังจากนั้นนางก็ไม่มีความอดทนจะปลอบใจต่อ “ยายกลับเข้าไปก่อนนะ ยังต้องไปให้อาหารไก่ที่หลังบ้านอีก”

จากนั้นนางก็ทิ้งจูเจินเจินไว้ตรงนั้นตามลำพัง หล่อนดูจะยึดหลักคุณธรรมแบบเดียวกับย่าหล่อนเลย ไม่สามารถจะรับมือได้จริง ๆ

เมื่อไม่ใส่ใจจูเจินเจินต่อไปแล้ว นางก็มาให้อาหารไก่ที่ตอนนี้เลี้ยงไว้ทั้งหมด 8 ตัว นางจับแม่ไก่ขึ้นมา 1 ตัวเพื่อจะเอาไปทำอาหารบำรุงสะใภ้สี่ในวันพรุ่งนี้

หลินชิงเหอถือว่าการที่ครอบครัวตระกูลจูอยากจะเกี่ยวดองด้วยเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งจึงพูดกับโจวชิงไป๋ “ตอนนี้เจ้าใหญ่ของเราเนื้อหอมใหญ่แล้วค่ะ ใคร ๆ ก็หมายปองเขา”

เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับครอบครัวตระกูลเวิง

ไม่อย่างนั้นในช่วงปีใหม่คุณแม่เวิงจะให้เวิงเหม่ยเจี่ยมาอวยพรปีใหม่ด้วยกันหรือ? ทั้งที่ความจริงแค่ให้เวิงกั๋วเหลียงมาคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว

หลินชิงเหออดคิดอย่างหลงตัวเองขึ้นมานิด ๆ ไม่ได้ บางทีคุณแม่เวิงอาจอยากให้ลูกสาวของหล่อนมาที่นี่ก็เพื่อให้เธอได้ดูตัว?

แต่หลังจากที่ได้พบปะกัน หลินชิงเหอก็รู้สึกพอใจมาก ชาน้ำผึ้งเกรปฟรุต 1 โหลที่หล่อนให้เป็นของขวัญถือได้ว่าเป็นการสื่อออกมาได้ดีที่สุด

โจวชิงไป๋ไม่มีความสนใจในเรื่องนี้ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องปกติที่ลูกชายจะต้องแต่งภรรยาเมื่อมีอายุมากขึ้น และเมื่อแต่งแล้วก็สามารถย้ายออกไปได้

หน้าที่ความรับผิดชอบของเขาก็สิ้นสุดลงตรงนั้น

“คุณได้ใช้ตู้แช่แข็งจนคล่องหรือยังคะ?” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่อง

“ใช้ง่ายมากเลยครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้ารับ

ตู้แช่แข็งขนาด 200 ลิตรนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ เขาต้องใช้เนื้อจำนวนมากเพื่อมาทำเกี๊ยว ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ไม่เป็นไร แต่ในฤดูร้อนเนื้อจะเก็บไว้ไม่ได้นาน

แต่ตอนนี้พวกเขามีตู้แช่แข็งแล้วปัญหาเรื่องนี้ก็หมดไป เนื้อที่ซื้อมาถ้ายังไม่ได้ใช้ก็จะใส่ไว้ในตู้แช่แข็งก่อน จากนั้นเมื่อต้องการจะใช้ก็แค่เอาออกมาทิ้งให้ละลาย ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย

ทางด้านซูต้าหลินก็ต้องใช้เนื้อเยอะเช่นกัน แต่ที่ร้านไม่มีตู้แช่แข็ง เขาจึงเอามาฝากแช่ไว้ที่นี่ เมื่อต้องการใช้เขาก็มาเอาไป ซึ่งมันยุ่งยากนิดหน่อย แต่ตู้เย็นราคาหลายร้อยหยวนไม่ได้ใช้เงินน้อย ๆ แถมร้านของเขายังไม่เข้าที่ ดังนั้นตอนนี้จึงต้องทำแบบนี้ไปก่อน

ส่วนหลินชิงเหอนั้น หลังจากที่มีเครื่องซักผ้าไว้ใช้แล้วก็สามารถประหยัดแรงและความกังวลใจลงไปมาก สำหรับทางด้านท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว หลินชิงเหอวางแผนไว้ว่าจะซื้อมาให้อีกเครื่องในภายหลัง

ครอบครัวของโจวเสี่ยวเหมยก็จะได้ใช้ด้วย แม้ว่าจะไม่มีของพวกเขา หลินชิงเหอก็จะต้องซื้อให้ท่านพ่อท่านแม่โจวอยู่ดี ดังนั้นเธอจึงไม่ถือสาในเรื่องนี้

โจวชิงไป๋เริ่มรวบรวมยอดบัญชีของเดือนนี้ ในขณะที่หลินชิงเหอเตรียมบทเรียนการสอนต่อ

หลัง 3 ทุ่มหลินชิงเหอเตรียมงานเสร็จ และโจวชิงไป๋ก็ทำบัญชีเสร็จเรียบร้อย เธอจึงหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู

“ดูจากความเร็วในการทำกำไรแล้ว เราน่าจะคืนเงินคุณลุงหวังได้ใน 2 เดือนนี้นะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยความพอใจ

ร้านค้า 4 ร้านสามารถทำเงินได้เกือบจะ 5,000 หยวนต่อเดือน

ร้านเสื้อผ้า 2 ร้านทำเงินได้เป็นหลัก รองลงมาเป็นร้านเครื่องดื่ม ตามด้วยร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋

ร้านเกี๊ยวขายได้ไม่มากนัก แต่รายได้ก็สม่ำเสมออยู่ที่ประมาณ 300 หยวนต่อเดือน

ในทางตรงกันข้าม ร้านเครื่องดื่มกลับมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เนื่องจากอากาศเริ่มร้อนขึ้นและมีตู้แช่แข็งอยู่ที่นั้นอีก 2 ตู้

นอกจากนี้ยังมีเมล็ดแตงโมขายอีกด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วก็ยังสามารถทำกำไรได้ นับว่าธุรกิจที่ร้านรุ่งเรืองมาก

“พรุ่งนี้ออกไปตรวจงานสักหน่อยนะคะ” หลินชิงเหอบอก

“ตกลงครับ” โจวชิงไป๋ตอบ จากนั้นก็มองไปที่ภรรยา “ได้เวลาทำงานหนักเพื่อลูกสาวแล้วครับ”

หลินชิงเหอทุบเขาเบา ๆ

ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็พักผ่อน

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ย่าจูพอเถอะ ก็ย่าโจวเขาไม่เอาหลานสาวของคุณ จะไปยัดเยียดให้ได้อะไรขึ้นมาคะ ต้องให้แม่มาจัดการมั้งเนี่ยถึงยอมรามือ

ธาตุแท้ของหนูเจินเจินผู้เรียบร้อยของคุณยายจูออกแล้วค่ะ นี่แฟนคลับหรือซาแซงเจ้าใหญ่กันแน่คะ บุกมาถึงบ้านย่าเขาเลย ถ้าผู้แปลเป็นย่าโจวก็ไม่ให้ผ่านค่ะ

พ่อจะทำลูกสาวจนได้สินะคะ แม่เตรียมรับศึกหนักเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset