บทที่ 380 ร้านซาลาเปาแห่งแรก

บทที่ 380 ร้านซาลาเปาแห่งแรก

บทที่ 380 ร้านซาลาเปาแห่งแรก

แม้จะมีโจวหยาง กังจือและอู่นีมาอยู่ด้วยเพิ่ม ก็ยังมีที่พักให้อย่างเพียงพอ

สำหรับอู่นีก็ใช้วิธีการเดิมคือไปพักอยู่กับเอ้อร์นีที่ร้านเกี๊ยว

ส่วนโจวหยางและกังจือ จัดให้ไปพักอยู่ที่ชั้น 2 ของร้านเสื้อผ้าผู้ชาย

แต่ทั้งสองหนุ่มไม่อยากไปอยู่ที่นั่น พวกเขายินดีจะอยู่อย่างเบียดเสียดด้วยกันทางนี้มากกว่าจะไปอยู่ในห้องที่กว้างขวางนั่น

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงตามใจให้พวกเขาได้นอนในที่ที่ตนเองต้องการ เด็กหนุ่มเหล่านี้เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ดีนัก การปูเสื่อนอนบนพื้นในสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดแปลกอะไร

อย่างไรก็ตาม สวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่ากังจือมาที่นี่เพื่อทำงานที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย

หล่อนดูหดหู่ไปตลอดทั้งวัน

หลินชิงเหอไม่ได้สังเกตเห็นเลย แต่เป็นโจวเสี่ยวเหมยที่มาชวนเธอไปโรงอาบน้ำด้วยกันเป็นคนบอกถึงเรื่องนี้

“เชิ่งเหม่ยดูจะไม่พอใจพี่สะใภ้สี่อยู่นะคะ” โจวเสี่ยวเหม่ยพูด

“เพราะเรื่องกังจือน่ะเหรอ?” หลินชิงเหอรู้สาเหตุได้ทันทีโดยไม่ต้องเดา

“อืม คงเป็นเพราะพี่ไม่ยอมให้น้องชายของหล่อนมา แต่กลับอนุญาตให้กังจือมาได้น่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหม่ยพยักหน้า

หลินชิงเหอหัวเราะออกมา “นี่เป็นร้านของพี่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับพี่เองไม่ใช่เหรอที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเอาใครมาช่วยงาน?”

โจวเสี่ยวเหมยไม่ได้โต้แย้งอะไรในเรื่องนี้แต่กล่าวว่า “เชิ่งเหม่ยเป็นคนไร้เหตุผลมากเกินไป มักจะชอบมาพูดจากำกวมให้คุณยายของหล่อนฟังด้วย ช่างเป็นหมาป่าตาขาว(1) จริง ๆ”

หลินชิงเหอกล่าวว่า “อายุตั้ง 18 แล้ว ถ้าหล่อนเป็นคนรู้ความมีเหตุผล ก็คงจะเป็นไปนานแล้วละ ในเมื่อหล่อนไม่ต้องการจะเป็นคนมีเหตุผล ก็ไม่มีใครสามารถไปขอร้องให้หล่อนเป็นได้หรอก”

แต่เรื่องนี้หลินชิงเหอก็โทษตัวเองด้วยนิดหน่อยเช่นกัน

ก่อนนี้ที่บ้านครอบครัวโจว ครั้งที่เธอจะพาสวี่เชิ่งเหม่ยกลับมาที่นี่ด้วย จริง ๆ แล้วเธอก็ลังเลใจอยู่เล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าหล่อนเป็นคนนิสัยแบบไหนกันแน่

ท่าทางหล่อนดูดี ทว่าสุดท้ายก็ไม่รู้แน่ชัดอยู่ดี

แต่เพราะคำนึงถึงพี่สาวใหญ่ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเลือกหล่อน เธอจะไปรู้ได้อย่างไรเล่าว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น?

หลินชิงเหอไม่ค่อยจะถูกใจสวี่เชิ่งเหม่ยหลานสาวคนนี้นัก หล่อนมีจิตใจที่คับแคบและมองอะไรสั้น ๆ อีกทั้งยังชอบคิดเล็กคิดน้อยอีกด้วย

เดิมทีเธอตั้งใจจะให้หล่อนไปเรียนภาคค่ำพร้อมกับโจวเอ้อร์นีและหู่จือ แต่หล่อนกลับไม่อยากจะเรียนหนังสือ

ต่อมา เมื่อเธอเริ่มสอนงานเอ้อร์นีและหู่จือเรื่องการจัดทำบัญชี และได้พาเอ้อร์นีไปโรงงานผลิตเสื้อผ้าด้วย หล่อนก็ฮึดฮัดไม่พอใจ

หล่อนไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอ แต่กลับชอบไปทำอะไรลับหลัง

หลินชิงเหอไม่พอใจในเรื่องนี้เลย

แต่เธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ? เธอพาหล่อนมาที่นี่แล้ว ดังนั้นทำได้แค่ปล่อยให้หล่อนทำงานต่อไป แต่ในใจเธอก็ยังคงรู้สึกเสียใจอยู่ดี

ครั้งนั้นเธอไม่น่าเห็นแก่พี่สาวใหญ่จนยอมพาคนที่เพิ่งเคยพบกันเพียงแค่หนเดียวมาที่นี่ด้วยเลย

หลังจากที่ทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง จะให้เธอทำพลาดอีกอย่างนั้นเหรอ? เธอจะไม่ยอมให้สวี่เชิ่งเฉียงมาที่นี่อย่างเด็ดขาด

เว้นเสียจากว่าเขาจะมีความสามารถมาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็อย่าได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับทางเธอ ไม่อย่างนั้นต่อให้พี่สาวใหญ่จะคิดยังไง เธอก็จะไม่สนใจเลย

การให้กังจือมาเพราะเขาเป็นคนที่เหมาะสม ที่ไม่ให้สวี่เชิ่งเฉียงมาก็เพราะว่าเขาไม่เหมาะ!

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงไม่เหมาะ พี่สาวใหญ่ต้องเป็นคนคิดได้เอง

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ยังทำให้หลินชิงเหอรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ดี เป็นแค่ญาติกันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอต้องให้สวี่เชิ่งเหม่ยมาที่นี่ด้วยนะ?

แต่ในเมื่อตอนนี้หล่อนอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องให้อยู่ต่อไป ถ้าหล่อนตั้งใจทำงาน ตอนกลับไปที่บ้านเกิดและแต่งงาน จะได้มีเงินสินเดิมมากขึ้น คิดเสียว่าเธอได้ทำในส่วนของเธอให้เสร็จสิ้นไป

“อย่าคุยกันถึงเรื่องนี้อีกเลย” หลินชิงเหอบอกและไปอาบน้ำกับโจวเสี่ยวเหม่ย

“พี่สะใภ้สี่คะ ต้าหลินกับฉันจะซื้อร้านจากเจ้าของที่แล้วละค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดขึ้นเมื่อพวกเขาออกมาจากโรงอาบน้ำแล้ว

“ราคาเท่าไหร่ล่ะ?” หลินชิงเหอพยักหน้า

“เราให้ได้มากที่สุด 4,500 หยวน ถ้าแพงเกินไปกว่านี้ ก็คงจะไม่ซื้อค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ

“ราคามากสุดไม่ควรเกิน 4,700 หยวน ถ้าเกินกว่านี้ ก็หาที่ใหม่เถอะ” หลินชิงเหอแนะนำ

โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินซื้อร้านซาลาเปาแห่งแรกของพวกเขาได้ก่อนที่จะถึงวันหยุดของหลินชิงเหอเสียอีก พวกเขาซื้อร้านที่พวกเขาขายซาลาเปาอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับร้านที่มีขนาดเท่านี้ ราคา 4,100-4,200 หยวนก็ถือว่าค่อนข้างแพงแล้ว แต่เนื่องจากเจ้าของที่ไม่ได้อยากจะขายร้าน ในขณะที่อีกฝ่ายต้องการจะซื้อมัน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ราคาจะถีบสูงขึ้นมามาก

มีการพูดคุยจนกระทั่งราคาขึ้นไปถึง 4,500 หยวน แต่ฝ่ายเจ้าของที่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ต้องการจะขายร้าน

อย่างไรก็ดี โจวเสี่ยวเหมยยอมกัดฟันและเชื่อคำพูดของพี่สะใภ้สี่ หล่อนเพิ่มเงินให้รวดเดียวเป็น 4,700 หยวน ถ้ายังไม่ยอมตกลงขาย หล่อนก็จะย้ายร้านออกไปโดยไม่ลังเลอีก

น่าจะเป็นเพราะเห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของหล่อน เจ้าของที่ผู้ซึ่งนิ่งเงียบมานานจึงยอมกลับมาพูดคุยตกลงกันในเรื่องนี้

ต้องทราบว่านี่เป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดเกือบ 500 หยวน

ถึงแม้ครอบครัวของเจ้าของที่จะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่ใครบ้างล่ะที่จะเห็นว่าเงิน 500 หยวนเป็นเงินแค่นิดเดียว? ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเงิน 500 หยวนในยุคนี้ก็ไม่ได้เป็นเงินจำนวนน้อย ๆ เลย

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะซูต้าหลินและโจวเสี่ยวเหมยคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้และธุรกิจก็ไปได้ดี ใครจะยอมจ่ายเงินมากขึ้นกว่าเดิมอีก 500 หยวนกัน?

เมื่อคำนวณจากเงินเดือน 60 หยวนของซูต้าหลินแล้ว เงิน 500 หยวนนี้แทบจะเท่ากับเงินเดือนตลอดครึ่งปีของเขาเลยทีเดียว!

นี่เป็นเพราะเงิน 200 หยวนที่โจวเสี่ยวเหมยยอมกัดฟันจ่ายเพิ่มในเวลาต่อมา ในที่สุดถึงซื้อร้านนี้ได้สำเร็จ

หลินชิงเหอได้ยินข่าวนี้ หลังจากที่เจ้าสามกลับมาจากบ้านคุณปู่คุณย่า จากนั้นเธอก็ขี่จักรยานไปที่นั่นพร้อมกับโจวชิงไป๋ในตอนเย็น

แม้ว่าพวกเขาจะใช้เงินไปถึง 90% จากเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวในคราวเดียว แต่หลินชิงเหอก็สามารถเห็นได้ว่าทั้งซูต้าหลินและโจวเสี่ยวเหมยต่างก็มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย

ไม่มีผลกระทบอะไรต่อพวกเขาเลย

“พี่ได้ยินเจ้าสามบอกว่าตอนนี้ซื้อร้านมาเรียบร้อยแล้ว” หลินชิงเหอยิ้มกว้าง เธอโล่งใจที่ได้เห็นทั้ง 2 คนตัดสินใจทำเช่นนี้

“ซื้อมาแล้วค่ะ ต้องกัดฟันแล้วก็ใช้เงินอย่างมือเติบถึงซื้อมันมาได้” โจวเสี่ยวเหมยอมยิ้ม

“มันค่อนข้างจะแพงสักหน่อย แต่ก็แค่ครั้งนี้เท่านั้น ตอนนี้เธอได้อยู่บนเส้นทางของการทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างแท้จริงแล้วนะ” หลินชิงเหอพยักหน้าบอก

จากกำไรของร้านซาลาเปาที่ได้ในตอนนี้ เงิน 200 หยวนที่จ่ายเพิ่มไปนั้นเท่ากับกำไรเพียงครึ่งเดือนของร้านเท่านั้น หลินชิงเหอคิดว่าข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรมากเกินไป

ต้องไม่ลืมว่า ถ้าพวกเขาต้องย้ายร้านออกไปจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยทีเดียว ดังนั้นเงิน 200 หยวนไม่ได้เป็นปัญหาเลย แต่ถ้าพวกเขายอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 200 หยวนแล้วก็ยังไม่สามารถซื้อร้านมาได้ นั่นถึงไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกจริง ๆ

โชคดีที่อีกฝ่ายก็รู้ขอบเขตและเข้าใจว่าเมื่อใดที่สมควรจะตกลงขาย เมื่อใดที่ได้รับประโยชน์เต็มที่แล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมมาก

“มันแพงมากเกินไปจริง ๆ ร้านค้าราคาตั้ง 4,700 หยวน นี่แทบจะเป็นการปล้นกันเลย” ท่านแม่โจวรู้สึกไม่สบอารมณ์

ก่อนหน้านี้ ตอนที่โจวชิงไป๋พูดว่า 4,000 หยวน นางก็คิดว่ามันแพงมากแล้ว ในเวลาเพียงแค่ 1 ปีกลับขึ้นจาก 4,000 หยวนเป็น 4,700 หยวน

ในชนบท ต่อให้เก็บเงินที่ได้มาตลอด 1 ปี ยังเก็บเงินได้ไม่ถึง 200 หยวนเลย!

ในความคิดของท่านแม่โจวแล้ว ร้านแห่งนี้ราคาแพงมหาโหดจริง ๆ

“คุณจะรู้อะไร?” ท่านพ่อโจวมองไปที่นางอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกว่าลูกเขยและลูกสาวทำถูกแล้วที่ซื้อร้านนี้มา มันอาจจะแพง แต่เมื่อธุรกิจลงตัวดีแล้ว จะต้องได้เงินกลับคืนมาในอนาคตอย่างแน่นอน

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้พวกเขาได้มีร้านเป็นของตัวเองแล้ว ทำให้สามารถวางใจได้เสียที

สวี่เชิ่งเหม่ยซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ พูดเสียงกระซิบขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แม่ของหนูก็ทำซาลาเปาเก่งเหมือนกัน”

…………………………………………………………………………

(1) หมายถึงคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณคน

สารจากผู้แปล

เชิ่งเหม่ยเกเรแล้วค่ะ ต้องทำอะไรสักอย่างเป็นการดัดนิสัยเด็กคนนี้แล้ว แถมมีการจะพาแม่มาอีกนะ

ก็นั่นร้านค้าของน้าสะใภ้สี่เขา เขาจะตัดสินใจทำอะไรก็เรื่องของเขา ถือตัวอะไรไปตัดสินใจแทนเขา

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset