บทที่ 398 ความคิดของหวังหยวน

บทที่ 398 ความคิดของหวังหยวน

บทที่ 398 ความคิดของหวังหยวน

เพียงเพราะความเป็นไปได้ที่ครอบครัวตระกูลโจวจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในอนาคต จ้าวจวินจึงยอมกลับมาที่นี่อีกครั้ง

พอเห็นเขากลับมา สีหน้าของสวี่เชิ่งเหม่ยก็แสดงความดีใจและรู้สึกขอบคุณออกมา จ้าวจวินรู้สึกว่าเขาต้องยอมลดทิฐิลง จึงมานั่งอยู่กับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไป

“เขาคิดว่าเขาเป็นใคร? ทำอย่างกับว่าเราอยากจะให้เขามาอย่างงั้นละ!” ท่านแม่โจวอดบ่นออกมาไม่ได้

ท่านพ่อโจวผู้ซึ่งไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก่อนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกไม่พอใจจ้าวจวินหลานเขยคนนี้เหมือนกัน

ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลม ย่อมสามารถมองออกว่าหลานสาวของเขากำลังประจบประแจงเอาใจจ้าวจวินอย่างเต็มที่ ในฐานะที่เป็นคุณตาของหล่อน เขาจะรู้สึกสบายใจกับเรื่องนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?

แต่ตอนนี้เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? หล่อนแต่งออกไปแล้ว แต่ละคนต่างก็มีชะตาเป็นของตนเอง

หลินชิงเหอรู้เรื่องที่จ้าวจวินและสวี่เชิ่งเหม่ยมาเยี่ยมจากโจวเฉวี่ยน

“ต่อไปวันหน้า ถ้าพวกเขามาขอยืมเงิน อย่าได้แม้แต่จะคิด เข้าใจไหมคะ?” หลินชิงเหอพูดกับโจวชิงไป๋

“ครอบครัวจ้าวเขารวยออกครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า

ครอบครัวจ้าวนั้นร่ำรวยจริง คุณพ่อจ้าวเป็นผู้จัดการโรงงาน กล่าวได้ว่าเงินเดือนของเขามากกว่า 100 หยวน คุณแม่จ้าวก็เป็นผู้อำนวยการอยู่ที่นั่นด้วย เงินเดือนของหล่อนก็สูงมากเช่นกัน คนอื่นต่างก็มีงานทำเป็นของตนเอง สามารถพูดได้ว่าฐานะทางบ้านครอบครัวจ้าวนั้นดีมากจริง ๆ

สวี่เชิ่งเหม่ยได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ฐานะสูงขึ้นอย่างแท้จริง

ถึงกระนั้นหลินชิงเหอกลับคิดต่างออกไป “ครอบครัวจ้าวฐานะดีก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจ้าวจวินจะมีฐานะดีไปด้วยนี่ค่ะ ยังไงก็ตามแต่ ถ้าเขาต้องการจะขอยืมเงิน อย่าให้ยืมไปแม้แต่เฟินเดียวนะคะ”

เธอรู้สึกว่าครอบครัวของเธอแสดงท่าทีออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว แต่กระนั้น พวกเขาก็ยังกล้ามาเยี่ยมเยียนอีก นี่ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าต้องการความช่วยเหลือหรอกหรือ?

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับ

สิ่งที่น่ารำคาญ 2 สิ่งนี้ผ่านไป และทุกอย่างที่เหลือก็เป็นไปด้วยดี

วันนี้ หลินชิงเหอบอกเอ้อร์นีให้ไปโรงงานผลิตเสื้อผ้าของหวังหยวนเพื่อสั่งทำเสื้อผ้ากับเขา

เมื่อเห็นว่าวันชาติได้ผ่านพ้นไปแล้วและอากาศก็เริ่มเย็นลง ดังนั้นในเวลานี้จึงเป็นเวลาที่ควรจะเริ่มสั่งทำเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงและเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม โจวเอ้อร์นีผู้ซึ่งปกติทำงานคล่องแคล่วมาโดยตลอด กลับมีอาการละล้าละลังขึ้นมา “คุณอาสะใภ้สี่คะ ให้คุณอาเฉิงหมินไปได้ไหมคะ?”

“เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ?” หลินชิงเหอซึ่งกำลังเตรียมบทเรียนสอนหนังสืออยู่ ถามขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหลานสาวของตนทำตัวผิดปกติไป

“หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ กลัวว่าพรุ่งนี้อาจจะไปไม่ไหว” โจวเอ้อร์นีตอบอย่างคลุมเครือ

หลินชิงเหอพยักหน้าพลางพูดว่า “ตกลงจ้ะ งั้นก็ไปหยุดพักซะนะ ถ้าพรุ่งนี้ยังรู้สึกไม่ดี ก็ให้เฉิงหมินเป็นคนไปแทน”

โจวเอ้อร์นีถอนใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วไปทำงานต่อ

และก็เป็นหม่าเฉิงหมินที่เป็นคนไปสั่งเสื้อผ้าในวันรุ่งขึ้น

“ทำไมเป็นคุณที่มาล่ะ? ผมคิดว่าโจวหงอิงจะเป็นคนมาเสียอีก” หวังหยวนเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นหม่าเฉินหมิน

โจวหงอิงเป็นอีกชื่อหนึ่งของโจวเอ้อร์นี

“หล่อนรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะครับ ผมเลยมาแทน” หม่าเฉินหมินไม่ได้คิดอะไรมากและส่งคำสั่งซื้อให้กับหวังหยวน

มีเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง 2,000-3,000 ตัว และยังมีเสื้อผ้าบุผ้าฝ้ายเป็นจำนวนค่อนข้างมากอีกด้วย

หวังหยวนรับมาแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ ว่า “ผมได้ยินมาว่าลูกพี่ลูกน้องของโจวหงอิงแต่งงานแล้ว แถมยังเป็นการแต่งเข้ามาอยู่ที่ปักกิ่งด้วยหรือครับ?”

“ครับ” หม่าเฉิงหมินพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพื่อนบ้านทั้งหมดต่างก็รู้เรื่องนี้ เขารู้เรื่องภายในลึก ๆ ที่คนอื่นไม่รู้ว่า สวี่เชิ่งเหม่ยตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่มีเกียรตินัก จึงได้ถูกปกปิดเอาไว้

“ไม่เลวเลยนะครับ แต่งงานมาอยู่ในปักกิ่ง เมืองกำลังรุ่งเรืองมาก ในอนาคตที่นี่จะยิ่งเจริญมากขึ้นไปเรื่อย ๆ กว่านี้อีก” หวังหยวนตั้งข้อสังเกต

ช่วงนี้หม่าเฉิงหมินงานยุ่งมาก ตอนนี้เป็นช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนฤดู มีเรื่องที่รอให้เขาไปจัดการอีกหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “นโยบายกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ ปักกิ่งก็กำลังเฟื่องฟูขึ้นมาก การแต่งงานมาอยู่ในปักกิ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเลยล่ะครับ”

จากนั้นเขาก็เร่งหวังหยวน “เถ้าแก่หวัง เซ็นสัญญาก่อนครับ ผมจะต้องไปที่ร้านเครื่องดื่มเพื่อตรวจสต็อกสินค้าอีก”

หวังหยวนจึงพยักหน้าแล้วเซ็นสัญญากับเขา

หม่าเฉิงหมินอยู่ไม่นานนักก็กลับไป

หวังหยวนหมุนปากกาเล่นพลางพูดกับตัวเอง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังหลบหน้าฉันอยู่นะ?”

ในตอนนั้นเองที่ผู้จัดการของเขาเดินเข้ามาได้ยินพอดี และก็เข้าใจเรื่องเกือบจะในทันที จึงพูดได้ขึ้นว่า “นายกำลังพูดถึงโจวหงอิงอยู่เหรอ? ลืมไปได้เลย นายแก่กว่าหล่อนตั้งเยอะ นายยังจะกล้า!”

ผู้จัดการของเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กซึ่งเติบโตขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่ตอนที่อายุยังน้อยอยู่ จึงแกล้งแหย่เรื่องอายุของเขาอย่างเป็นกันเอง

หวังหยวนย้อนกลับว่า “ฉันแก่กว่าเยอะยังไง? ห่างกันแค่ 6 ปีเท่านั้นเอง!”

เพื่อนวัยเด็กของเขาหัวเราะออกมาแล้วถามว่า “ครั้งที่แล้วนายไปพูดยังไงกับหล่อนเข้าล่ะ? ฉันคิดว่านายคงไปทำให้หล่อนกลัว ครั้งนี้ก็เลยหนีหน้านายเสียเลย” จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “หล่อนเป็นเด็กสาวที่ดี ถ้านายไม่ต้องการจะแต่งงานกับหล่อน ฉันก็ไม่คิดว่านายควรจะไปล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อนนะ”

หวังหยวนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด “ฉันไปล้อเล่นกับความรู้สึกของหล่อนยังไง? นี่นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง?” เขากล่าวต่อ “อาจารย์หลินกับสามีของหล่อนเป็นญาติอุปถัมภ์กับคุณลุงหวังนะ”

คำพูดที่กล่าวออกมาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เพื่อนวัยเด็กของเขาชะงักไป “เป็นญาติอุปถัมภ์กับคุณลุงหวังงั้นเหรอ?” เขาเริ่มกระจ่าง “ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมนายถึงต้องการจะคบกับโจวหงอิง? ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์กับคุณลุงหวัง ครอบครัวของนายก็คงจะไม่คัดค้านเรื่องนี้หรอก ถึงแม้หล่อนจะเป็นแค่หลานสาวของอาจารย์หลินก็ตาม”

ครอบครัวของหวังหยวนเพื่อนวัยเด็กของเขานั้นถือว่าเป็นครอบครัวที่มั่งคั่งอย่างแท้จริง

“โจวหงอิงดูเหมือนจะไม่ได้สนใจฉัน” หวังหยวนขมวดคิ้ว

เขาชอบโจวหงอิงอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกครั้งที่หล่อนมาที่นี่ เขาจะเป็นคนพาหล่อนไปไหนมาไหนด้วยตนเอง บางทีครั้งก่อน เขาอาจจะแสดงออกชัดเจนเกินไปหน่อย จนทำให้หล่อนรู้สึกกลัว

ครั้งนี้หล่อนจึงไม่มาที่นี่ไปเสียดื้อ ๆ เลย

“ฉันคิดว่าหล่อนไม่ต้องการจะใช้นายเพื่อปีนขึ้นสูงหรอก” เขาพยักหน้าแล้วบอกความจริง

เด็กสาวคนนี้จะมาตรวจสอบอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งนี้ ทว่าความคิดนอกเหนือจากนี้ หล่อนไม่มีเลยจริง ๆ

“ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนทำอย่างนั้นใช่ไหมเล่า? หล่อนต้องการจะแต่งงานแย่กว่าลูกพี่ลูกน้องของหล่อนอย่างนั้นเหรอ?” หวังหยวนพูด

เพื่อนของเขาแค่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบคำสั่งซื้อขึ้นมาแล้วพูดว่า “คำสั่งซื้อนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย!”

“เร็ว รีบผลิตออกมาให้เร็วที่สุด เป็นงานด่วนสำหรับทางนั้น” หวังหยวนโบกมือ

เพื่อนของเขาพยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบดีไซน์แบบของเสื้อผ้าและข้อกำหนดต่าง ๆ รวมทั้งปริมาณคำสั่งซื้อนำออกไปพร้อมกับเขาด้วย

ส่วนหวังหยวนนวดหัวคิ้วของตนด้วยความอ่อนล้า ไม่นานมานี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นที่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณย่าของเขาซึ่งพยายามเร่งเร้าให้เขาแต่งงานโดยเร็ว เนื่องจากต้องการจะอุ้มเหลนชาย

แต่จากที่เห็น ดูเหมือนว่าโจวหงอิงจะไม่ได้สนใจเขาในแบบนั้น?

เขาจัดการเก็บของ แล้วไปซื้อแอปเปิลมา 1 ถุงตาข่ายพร้อมกับลูกอมรสมะพร้าวมาอีก 2-3 ถุง ของเหล่านี้ถูกส่งมาขายจากไห่หนาน มีรสชาติอร่อยมาก

จากนั้น เขาก็ตั้งใจไปเยี่ยมเยียน

เขามาที่นี่โดยใช้เฒ่าหวังเป็นข้ออ้าง

เดิมที หลินชิงเหอก็คิดอยู่ว่าเป็นเรื่องแปลกที่คู่ค้าทางธุรกิจคนนี้แวะมาหา ทว่าเมื่อเธอได้ยินว่าคุณปู่ของเขากับเฒ่าหวังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็รู้สึกประหลาดใจ

“ผมก็เพิ่งทราบเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้เองครับ ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้เรื่องมาก่อน” หวังหยวนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตอนที่พูด สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่โจวเอ้อร์นี “ผมได้ยินมาว่าหงอิงไม่สบายหรือครับ?”

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูด อย่างไรก็ตาม เธอไม่จำเป็นต้องไปสั่งซื้อเสื้อผ้าแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปที่โรงงานผลิตเสื้อผ้าของเขาไปอีกสักระยะหนึ่ง

“เยี่ยมเลยครับ ทางผมกำลังต้องการคนมาทำเรื่องสินค้าคงคลังให้ ผมกำลังขาดนักบัญชีอยู่ ไม่ใช่ว่าคุณกำลังเรียนทางนี้อยู่หรือครับ? มาช่วยผมหน่อย ผมจะให้ค่าจ้างวันละ 2 หยวน อีกอย่าง ช่วยงานแค่ไม่กี่วันนี้เท่านั้นเองครับ?” หวังหยวนกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เถ้าแก่รุกแรงมากจนสาวเจ้าหวาดกลัว หวังว่าจะจริงจังกับเอ้อร์นีนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset