บทที่ 399 ก้มหัวให้ลูกเขย

บทที่ 399 ก้มหัวให้ลูกเขย

บทที่ 399 ก้มหัวให้ลูกเขย

ทันทีที่หวังหยวนเอ่ยออกมา โจวเอ้อร์นีก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นหล่อนก็จ้องหน้าไปที่หวังหยวนด้วยความรู้สึกทั้งโกรธทั้งอาย

หวังหยวนไม่ได้มองมาที่หล่อนแล้ว เขาหันไปทางหลินชิงเหอ “อาจารย์หลินครับ คุณต้องช่วยผมในเรื่องนี้ด้วยนะครับ”

หลินชิงเหอไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขามีต่อหลานสาวของเธอเลย จึงตอบว่า “โรงงานเสื้อผ้าของคุณที่ใหญ่โตขนาดนั้นเนี่ยนะคะขาดนักบัญชี?”

“ใช่ครับ โรงงานของเรากำลังขาดคนในสาขางานยอดนิยมอย่างบัญชีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ผมได้เห็นแบบฟอร์มที่โจวหงอิงเป็นคนทำขึ้นมาแล้ว พูดแบบไม่เกินจริงเลยนะครับว่าแค่เหลือบมองก็เข้าใจได้เลย” หวังหยวนพยักหน้า

หลินชิงเหอฉีกยิ้มกว้าง เธอเป็นคนสอนให้เอ้อร์นีทำแบบนี้เอง หู่จือก็ทำเป็นเช่นกัน เธอถามไปว่า “เอ้อร์นีคนเดียวพอหรือคะ? ให้หู่จือไปด้วยไหมคะ?”

“คนเดียวก็พอครับ” หวังหยวนพูด

หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้ทางเธอก็มีกำลังคนไม่มากนัก แต่ตอนนี้เธอรับเฉินซานซานเข้ามาแล้ว ดังนั้นย้ายให้เฉิงเยว่มาที่นี่ และโจวเอ้อร์นีก็จะสามารถวางมือไปจัดการเรื่องอื่นได้

สำหรับร้านเครื่องดื่ม ก็ให้หู่จือหรือกังจือมาดูแล ถึงตอนนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตอะไร

“ถึงไปช่วยงานที่นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก คิดเสียว่าเป็นรายได้พิเศษก็แล้วกัน” หลังจากหวังหยวนกลับไป หลินชิงเหอผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ก็บอกกับหลานสาวของเธอ

เธอมีความประทับใจในตัวหวังหยวนมากจริง ๆ เขาไม่ใช่ทายาทคนรวยรุ่นที่ 2 ผู้ซึ่งรู้จักแต่การกิน ดื่มและเจ้าชู้ไปทั่วเพื่อรอวันตาย ทายาทรุ่นที่ 2 คนนี้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาร่วมงานด้วยกันมานาน อีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนหนุ่มนิสัยพาลเกเรเลย

ยิ่งตอนนี้ พอเธอรู้ว่าเฒ่าหวังกับคุณปู่ของเขาเป็นคนที่รู้จักกันมาเก่าแก่ ก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ต้องพูดอีก

“คุณอาสะใภ้สี่คะ ทางเราก็กำลังยุ่งกันมาก คนก็ไม่พอ อีกอย่าง เฉินซานซานก็ยังไม่ค่อยคล่องเลยนะคะ” โจวเอ้อร์นีไม่อยากจะไปที่นั่น

ชายผู้นี้เป็นจอมวายร้ายที่เจ้าเล่ห์นิด ๆ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำอะไรหล่อน นอกจากเพียงอยากเป็นคนรักของหล่อน เขายังถามหล่อนด้วยว่าจะตกลงหรือไม่ หากไม่ตกลง เขาก็จะจับมือของหล่อนไว้ และถ้าเขาจับมือแล้ว หล่อนก็จะต้องยอมตกลงคบกับเขา

อันธพาลเกินไปแล้ว

หลังจากกลับมาวันนั้นแล้ว หล่อนก็ไม่อยากจะไปที่นั่นอีกต่อไป และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเลี่ยงไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้ง ทว่า หล่อนไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาเคาะประตูหาถึงที่

นอกจากนี้ ยังขอให้หล่อนไปช่วยงานที่โรงงานผลิตเสื้อผ้าของเขาจากคุณอาสะใภ้สี่อีก หล่อนไม่เชื่อหรอกว่าที่นั่นจะมีงานอะไรให้ต้องไปช่วยทำ

“ซานซานเรียนรู้ไวมาก ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ ไปที่นั่นเถอะ อีกอย่าง บัญชีที่โรงงานใหญ่ ๆ จะมีความซับซ้อนมากกว่า นี่จะเป็นการฝึกฝนที่ดีสำหรับหนูเลยละ” หลินชิงเหอกล่าว

เมื่อนักบัญชีมีประสบการณ์มากขึ้นและได้ตรวจสอบบัญชีมากขึ้น ก็จะเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์มาก ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

โจวเอ้อร์นีจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? ทำได้แค่รับคำหน้ามุ่ย

หล่อนแค่รู้สึกกังวลนิดหน่อย ถ้าคุณอาสะใภ้สี่รู้เรื่องนี้เข้า จะทำอย่างไรดี?

หล่อนรู้ดีว่าคุณอาสะใภ้สี่โกรธมากขนาดไหน ตอนที่เกิดเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยขึ้นในครั้งก่อน ตอนนี้เธอไม่สนใจสวี่เชิ่งเหม่ยเลย

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับหล่อน แต่โจวเอ้อร์นีก็ยังกังวลอยู่เล็ก ๆ ว่าจะทำให้คุณอาสะใภ้สี่ไม่พอใจได้

หล่อนได้แต่หวังว่าหวังหยวนจะต้องการนักบัญชีจริง ๆ ไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเฉย ๆ สาวชนบทอย่างหล่อนไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับคนในเมืองหลวงอย่างเขาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อครอบครัวของเขาร่ำรวยเป็นอย่างมาก

หล่อนรู้ว่านี่เป็นคู่ที่ไม่เหมาะสมกันตั้งแต่แรกเห็นแล้ว

โจวเอ้อร์นีมาที่บ้านของคุณปู่คุณย่าของหล่อนเพื่อซักเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนให้พวกท่าน

ท่านแม่โจวหัวเราะพลางพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอกจ้ะ อาสะใภ้สี่ของหนูซื้อเครื่องซักผ้ามาให้พวกเราแล้วละ จะซักอะไรก็สะดวกมากเลย แค่เทน้ำลงไปเท่านั้น”

เครื่องซักผ้าทั้งหมดในยุคนี้ต้องเติมน้ำลงไปเอง เครื่องยังไม่ได้ทำงานอัตโนมัติเหมือนในยุคต่อมา

โจวเอ้อร์นีพบว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ค่อนข้างใหม่มากจึงเอ่ยว่า “เครื่องซักผ้าเครื่องนี้ราคาค่อนข้างจะแพงมากเลยค่ะ ตอนที่หนูไปที่ห้างกับคุณอาสะใภ้สี่ ดูเหมือนจะราคาหลายร้อยหยวน”

“แพงมากเลยล่ะ” ท่านแม่โจวพยักหน้ารับ ถึงแม้จะแพง แต่ลูกสะใภ้ก็ยังเต็มใจซื้อมาให้นาง

ไม่เหมือนหญิงชราข้างบ้านทั้ง 2 คนนั้น พวกหล่อนเป็นกลุ่มคนที่แย่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกสะใภ้ไม่กตัญญูต่อพวกหล่อนมากนัก!

นางไม่มีความประทับใจดี ๆ กับแม่เฒ่าจูเลย เนื่องจากหล่อนทำเหมือนหลานสาวของตนเป็นนางฟ้าที่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ และต้องการจะยัดเยียดหลานสาวให้กับหลานชายของนาง แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้จะไม่ได้เกิดขึ้น กระนั้นก็ยังทำให้ท่านแม่โจวรู้สึกไม่พอใจหล่อนอยู่ดี

เดิมทีแม่เฒ่าหูนั้นยังดีอยู่บ้าง ทว่าใครจะไปนึกว่า พอลับหลังนาง หล่อนก็เรียกหลานสาวของนางให้ไปเจอหลานชายของหล่อน

อีกทั้งยังแอบปล่อยให้พวกเขาคบหากันเอง จนเป็นเหตุให้ท้องของหลานสาวนางโตขึ้นมา

ท่านแม่โจวรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ติดต่อกับเพื่อนบ้านทั้งสองนี้อีกต่อไป

แม่เฒ่าหูเป็นคนหน้าบาง พอจะรู้ว่าแม่เฒ่าโจวไม่ชอบหล่อน ดังนั้นแม้ในตอนที่หล่อนรู้ว่านางมีเครื่องซักผ้าใช้ที่บ้าน หล่อนก็ไม่กล้ามาพูดอะไรด้วย

ในขณะที่แม่เฒ่าจูคนนั้นไม่มีแม้แต่หนังบนหน้า หล่อนต้องการจะเอาเสื้อผ้าของหล่อนมาซักที่นี่

การใช้น้ำไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไร แต่การใช้ไฟฟ้ามี ท่านแม่โจวบอกไปว่าเครื่องซักผ้าเสียอยู่ใช้การไม่ได้

ลูกสะใภ้แสดงความกตัญญูต่อนาง ทำไมนางต้องยอมให้ยายเฒ่านั่นได้รับประโยชน์ไปด้วยล่ะ? อย่าได้แม้แต่จะคิดเลย

“เอ้อร์นี คนชนบทอย่างพวกเรา ต้องอย่าละโมบให้มาก ความซื่อสัตย์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ปักกิ่งดีก็จริง แต่คนที่นี่ดูถูกพวกเราที่เป็นคนชนบท การได้แต่งงานที่นี่อาจจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเสมอไปหรอกนะ” ท่านแม่โจวเตือนหลานสาว

โจวเอ้อร์นีตอบกลับ “หนูทราบค่ะ คุณย่า”

“ดีแล้วที่หนูรู้ ถ้าเชิ่งเหม่ยตระหนักถึงเรื่องนี้ได้เหมือนหนู หล่อนก็คงไม่ต้องมาใช้ชีวิตที่แย่ ๆ อย่างนี้หรอก หนูไม่รู้อะไร หล่อนเหมือนคอยปรนนิบัติบรรพบุรุษอยู่เลยละ ถ้าผู้ชายได้รับการเอาอกเอาใจถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าเขากำลังขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เลยหรือ? ต่อไปวันหน้าเขาจะไม่แย่ลงไปกว่านี้อีกเหรอ? ตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไรอยู่แล้ว” ท่านแม่โจวพูด

จากนั้นนางก็บ่นพึมพำกับหลานสาว “คุณป้าใหญ่ของหนูเล่าว่าลูกเขยที่สูงส่งของหล่อนดูถูกบ้านของหล่อน หลังจากที่ไปถึงที่บ้านนั้น ก็แสดงความรังเกียจบ้านของหล่อนราวกับว่าเป็นของไม่มีราคา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะท้องของเชิ่งเหม่ยถูกเขาเสกเด็กเข้าไปอย่างนี้ หล่อนจะต้องลดตัวเองลงไปอย่างนี้เหรอ?”

นางมีลูกเขยทั้งหมดอยู่ 3 คน มีลูกเขยคนไหนบ้างที่กล้าบ่นว่าบ้านของนางต่อหน้านาง? ก็ลองดูสิว่านางจะเอาไม้ออกมาตีเขาหรือไม่!

ลูกสาวคนโตของนางต้องถูกบีบให้เป็นอย่างนี้เพราะลูกเขย สาเหตุจากอะไรเล่า? ผลสุดท้าย ไม่ใช่เพราะลูกสาวของหล่อนไม่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้หรอกเหรอ

เมื่อกลายมาเป็นสินค้าในตลาดของผู้ซื้อ อีกฝ่ายแค่เป็นผู้เลือกแล้วก็หยิบขึ้นมา ในขณะที่หล่อนไม่กล้าพูดอะไร มิฉะนั้น หากพวกเขาเปลี่ยนใจและพูดว่าไม่ต้องการแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เหลือที่ให้ไปร้องไห้อีก

มันเป็นความโชคร้ายอย่างแท้จริง

โจวเอ้อร์นีพยักหน้าพร้อมกับยืนยันว่า “ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณย่า หนูจะไม่ทำให้ครอบครัวตระกูลโจวของเราต้องอับอายเด็ดขาด”

“ย่าเชื่อในตัวหนูจ้ะ ย่าได้ยินมาจากอาสะใภ้สี่ของหนูว่าหนูก้าวหน้าไปอย่างมาก และจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน” ท่านแม่โจวยิ้ม

“นี่เป็นเพราะคุณอาสะใภ้สี่เต็มใจที่จะสอนหนูน่ะค่ะ” โจวเอ้อร์นีอมยิ้ม

“บางครั้งอาสะใภ้สี่ก็เจ้าอารมณ์นิดหน่อย ตอนที่หล่อนกำลังโมโห ก็จะดุด่าออกมา ไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้าหล่อนใส่ใจในตัวหนู หล่อนก็จะสั่งสอนตักเตือนหนู แต่ถ้าไม่ใส่ใจแล้วละก็ หล่อนจะไม่หันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สองเลย” นางพูดแทนให้ลูกสะใภ้คนเล็ก

นี่คือความสัตย์จริง ตัวอย่างก็เช่น ดูสิว่าลูกสะใภ้คนเล็กของนางไม่เหลือบแลไปที่สวี่เชิ่งเหม่ยอย่างไรบ้าง?

“หนูทราบค่ะ” โจวเอ้อร์นียิ้ม คุณอาสะใภ้สี่ดุด่าคนเป็นก็จริง แต่แทบไม่เคยทำอย่างนั้นเลย เธอไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น

ถึงกระนั้น คุณอาสะใภ้สี่ก็เข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากมาย หล่อนรู้สึกว่าคุณครูที่โรงเรียนภาคค่ำยังเทียบกับคุณอาสะใภ้สี่ไม่ได้เลย

“เดี๋ยวตอนหนูกลับไป เอาตะกร้าไข่กลับไปด้วยนะ เป็นไข่จากแม่ไก่ของที่บ้านย่าเอง เอากลับไปบำรุงอาสะใภ้สี่กับเจ้าสองเสียหน่อย การเรียนทำให้หัวสมองล้าได้นะ” ท่านแม่โจวสั่งพร้อมกับเข้าไปหยิบไข่

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ่อแม่ชิงเหอคะ มีหมูจ้องกินผักกาดขาวอยู่นะคะ แม่ยกผักกาดขาวให้หมูง่าย ๆ แบบนี้เลยเบ้อ?

เลิกคบสองแม่เฒ่านี่ไปดีแล้วค่ะย่าโจว เดี๋ยวไม่นานก็ได้ย้ายบ้านแล้ว ไปอยู่เรือนสี่ประสานของสะใภ้สี่สบายใจกว่า

ไหหม่า(海馬)

ลิ้งค์การสั่งสินค้า : https://forms.gle/WxdMJRrMLy6SG52G8

**ในกรณีต้องการสั่งซื้อจำนวนมาก มีสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้โดยตรงทาง inbox เพจ enjoybook

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset