บทที่ 416 ไม่ควรตามใจ

บทที่ 416 ไม่ควรตามใจ

บทที่ 416 ไม่ควรตามใจ

เมื่อโจวเสี่ยวเหมยกลับบ้านไปพร้อมกับแอปเปิลและส้ม ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็กำลังดูทีวีอยู่พร้อมกับสี่พี่น้องตระกูลซู ขณะที่ซูต้าหลินออกไปเดินเล่น

ชายผู้ติดดินคนนี้ไม่ใช่คนขี้เกียจเลย ต่อให้หิมะจะตกก็ตาม ตอนที่เขาไม่ได้ทำกิจการ เขาก็จะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม

“คุณอาสะใภ้ให้มาน่ะจ้ะ” โจวเสี่ยวเหมยวางผลไม้ไว้บนโต๊ะขณะเรียกลูก ๆ

ซูเฉิงกับเด็กคนอื่น ๆ มาล้อมวงกันกินผลไม้ ส่วนโจวเสี่ยวเหมยแกะส้มให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว “คุณพ่อ คุณแม่ กินหน่อยเถอะค่ะ ส้มนี่สุกหวานมากเลยนะคะ”

“ทำไมพี่สะใภ้สี่ของแกให้มาเยอะขนาดนี้ล่ะเนี่ย” ท่านแม่โจวถาม

“พี่สะใภ้สี่เห็นว่าที่นี่มีคนอยู่กันเยอะน่ะค่ะ ปีหน้าหนูจะซื้อมาเก็บไว้บ้างเหมือนกันนะคะ จะกินของพี่สะใภ้สี่ตลอดไปไม่ได้หรอกค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยยิ้ม

พี่สะใภ้สี่ของหล่อนใจกว้างกับหล่อนเสมอ

หลังเอ่ยแบบนี้แล้ว โจวเสี่ยวเหมยก็กระซิบกับแม่ของหล่อนในสิ่งที่จูเจินเจินกล่าวให้ฟัง แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ท่านแม่โจวอึ้งไปในทันที

หลังฟังสิ่งที่ลูกสาวนำมาเล่า ท่านแม่โจวก็โมโหจนพูดอะไรไม่ออก

ตระกูลจูนี่ช่างเป็นกากเดนขนานแท้ พวกเขาอยากจะจับคู่คนสมองฟั่นเฟือนแบบนั้นกับหลานชายของนางจริง ๆ โชคดีที่สายตาอันเฉียบแหลมของนางจ้องมองอยู่ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็นหายนะกับหลานชายสุดที่รักของนางเลยเหรอ!

“พี่สะใภ้สี่บอกหู่จือไม่ให้มาที่นี่และไม่ต้องมองหาพวกเขาไปครู่ใหญ่ ๆ เลยค่ะ คนพวกนี้จะยิ่งได้ใจถ้าเกิดเราให้ความสนใจพวกเขามากขึ้น” โจวเสี่ยวเหมยบอก

“ช่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจตรงไหนกันเลยจริง ๆ!” ท่านแม่โจวสวดส่งอีกครั้ง

ยายเฒ่าจูนั่นทำอย่างกับว่าหลานสาวของนางเป็นนางฟ้าจรลีลงมาเสียเต็มประดา!

เมื่อซูต้าหลินกลับมาจากนอกบ้าน เขาก็เห็นแม่ยายของเขานั่งหายใจหอบ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เกิด…เกิดอะไรขึ้นครับ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมคุณถึงออกไปข้างนอกล่ะคะ?” โจวเสี่ยวเหมยรินน้ำอุ่นให้และเอ่ยกับเขา

“ออก…ออกไป…เดินเล่นน่ะครับ” ซูต้าหลินยิ้ม

เขาออกไปดูตึกรามบ้านช่องเพราะต้องการซื้อที่อยู่อาศัยให้ครอบครัวของเขาเอง เขาไม่อาจอยู่กับครอบครัวของภรรยาได้ตลอดไป อีกอย่างครอบครัวของเขาตอนนี้ก็มั่นคงแล้ว

ธุรกิจร้านซาลาเปาเป็นไปอย่างดีมาก ทุกคนที่นี่ล้วนรู้จักร้านซาลาเปาของเขากันหมด ถ้ามีการจัดการดี ๆ ในอนาคตมันก็คงจะไปได้สวย

ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ ๆ และย้ายออกไปเมื่อถึงตอนนั้น

“เธอกำลังมองหาบ้านอยู่หรือ?” ท่านพ่อโจวถามเพราะรู้จักลูกเขยคนนี้ดี

“ครับ” ซูต้าหลินพยักหน้า

“ทำไมต้องมองหาอีกหลังล่ะ? อยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ? เถียนเถียนกับหย่าหย่ายังเล็กแถมพวกเธอสองคนต้องเปิดร้านซาลาเปาอีก จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลเด็ก ๆ กันล่ะฮึ?” ท่านแม่โจวเอ่ย

เฉิงเฉิงกับสวิ่นสวิ่นสามารถไปโรงเรียนเองได้จึงไม่เป็นปัญหา แต่หลานสาวทั้งคู่จะไม่มีใครคอยดูแล

“ค่อยย้ายทีหลังน่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ

การอยู่กับพ่อแม่ของหล่อนช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเขาไปได้มาก ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงวิ่งวุ่นไปมาเหมือนคนบ้าพร้อมกับเด็กสี่คนและร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง

“จะรบกวน…รบกวน…คุณพ่อ…กับคุณแม่น่ะครับ” ซูต้าหลินอ้ำอึ้ง

ตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะอยู่ที่นี่ตลอดไป

“รบกวนอะไรกัน? อยู่ที่นี่อีกสักสองหรือสามปี ถึงตอนนั้นเถียนเถียนกับหย่าหย่าก็โตขึ้นเยอะแล้ว ถ้าตอนนั้นเธอต้องการย้ายออกไปก็ย้ายได้” ท่านแม่โจวกล่าว

ไม่มีปัญหาหรอกถ้านางจะอยู่อาศัยกับครอบครัวของลูกสาว การมีคนหลายคนอยู่ที่บ้านทำให้บ้านไม่ดูเงียบเหงา แถมพื้นที่ยังกว้างขวางเพียงพอที่จะอยู่ด้วย

“ค่ะ งั้นเราจะอยู่ที่นี่อีกสักสองหรือสามปีก็ได้” โจวเสี่ยวเหมยเห็นด้วย

“ต้องให้…ให้…ค่าเช่าด้วย” ซูต้าหลินเอ่ย

“พี่สะใภ้สี่บอกว่าไม่จำเป็นค่ะ เราจ่ายแค่ค่าไฟฟ้าก็พอแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด

ซูต้าหลินยิ้มและไม่พูดอะไรอีก พี่ชายสี่และพี่สะใภ้สี่ให้การดูแลพวกเขามากเหลือเกิน

“ผม…ผมกำลังจะ…ไปชวนพี่สี่…อาบน้ำ…ที่โรงอาบน้ำนะครับ” ซูต้าหลินพูด

“งั้นไปเถอะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า

ซูต้าหลินไปหาโจวชิงไป๋ และพวกเขาก็ไปพร้อมกับโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลาย เช่นเดียวกับหู่จือและกังจือด้วย

“ทันทีที่พวกเขาออกไป บ้านของเราก็ดูเงียบเหงาขึ้นมาเลยนะ” หลินชิงเหอเอ่ยกับโจวเอ้อร์นี

ริมฝีปากของโจวเอ้อร์นีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“จะคบกันก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แต่อย่าละเลยการบ้านของหนูไปแล้วกัน” หลินชิงเหอเตือน

โจวเอ้อร์นีหน้าแดง จากนั้นในดวงตาของหล่อนก็ฉายแววลังเล ซึ่งหลินชิงเหอก็ไม่ได้ถามหล่อนเช่นกัน

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ โจวเอ้อร์นีก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเอง “อาสะใภ้สี่คะ หนูไม่รู้ว่าควรจะคบกับหวังหยวนต่อไปดีไหมน่ะค่ะ”

“หือ?” หลินชิงเหอมองหล่อน

วันนี้เป็นวันที่เจ็ดของเทศกาลปีใหม่ และหลังจากวันนี้และวันพรุ่งนี้ไป ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋กับร้านซาลาเปาของซูต้าหลินก็จะเปิดทำการอีกครั้ง

ในวันที่ห้าของเทศกาลปีใหม่ หวังหยวนก็มากินอาหารกับเอ้อร์นีด้วย

“คือว่าแม่ของเขาไม่ชอบหนูมาก ๆ ” โจวเอ้อร์นีเม้มปาก

ในช่วงปีใหม่ หล่อนกับหวังหยวนได้ไปที่บ้านของเขาเพื่อพบพ่อแม่ของอีกฝ่าย พ่อของหวังหยวนยังมีอัธยาศัยดีมาก ขณะที่แม่ของหวังหยวนมีท่าทางเย็นชาต่อหล่อนอย่างเห็นได้ชัด

มันเป็นความเย็นชาในแบบที่มองครั้งแรกก็รู้ว่าพวกเขาไม่ต้อนรับหล่อน

อีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรกับหล่อนเลยและยังวางท่าหยิ่งยโส การกระทำนี้ทำให้โจวเอ้อร์นีไม่ชอบหล่อน

หลินชิงเหอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอมองโจวเอ้อร์นีและเอ่ยกลับ “ในครอบครัวของเขามีลูกทั้งหมดกี่คน?”

“สี่คนค่ะ หวังหยวนเป็นคนที่สาม” โจวเอ้อร์นีตอบ

เป็นตอนที่หล่อนไปถึงบ้านของหวังหยวน หล่อนถึงได้รู้ว่าครอบครัวคนรวยที่แท้จริงเป็นอย่างไร นี่นับว่าเป็นระดับมหาเศรษฐีเลยทีเดียว พวกเขามีรถยนต์เป็นของตัวเอง ใช่แล้ว มีมากกว่าหนึ่งคันด้วย

บ้านของพวกเขากว้างขวางอย่างยิ่ง และมีสวนขนาดใหญ่อยู่ด้านนอกบ้าน

“หวังหยวนรู้หรือเปล่าว่าแม่ของเขามีความคิดเห็นกับหนูอย่างไรบ้าง?” หลินชิงเหอถาม

“เขารู้ค่ะ แล้วเขาก็คอยปกป้องหนูตลอด” โจวเอ้อร์นีเม้มปาก

เรื่องนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ หวังหยวนปกป้องหล่อนตลอดเวลา เป็นเพราะเรื่องนี้เอง แม่ของเขาจึงโมโหมากกว่าเดิม

พี่ชายทั้งสองของหวังหยวนแต่งงานและมีลูกแล้ว พี่สะใภ้สองคนนั้นเข้ากับหล่อนไม่ง่ายนัก นอกจากนี้ยังมีน้องชายคนเล็กอีกหนึ่งคน แต่เขาเรียนอยู่ต่างประเทศเลยไม่ได้อยู่บ้าน

“ตอนที่หนูออกมาจากบ้านตระกูลหวัง หวังหยวนได้บอกอะไรหนูไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด

“เขาไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ แค่บอกให้หนูอย่าคิดมาก” โจวเอ้อร์นีถอนหายใจ

หล่อนรู้ว่าหวังหยวนปฏิบัติดีกับหล่อน เรื่องการแต่งงานคงจะตัดสินได้จากการปฏิบัติดีต่อกันถูกไหม?

หล่อนไม่ใช่คนที่มีนิสัยแข็งกร้าว หากเป็นหลินชิงเหอ เธอคงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ใครทำให้เธอไม่มีความสุข เธอก็จะทำให้พวกเขาไม่มีความสุขมากกว่าเธอหลายเท่า พวกหล่อนแค่มีนิสัยต่างกันเท่านั้น

โจวเอ้อร์นีเป็นคนอ่อนโยน เมื่อไหร่ที่จนมุมหล่อนจะทำแค่ถลึงตามอง ต่อให้หล่อนมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้ไม่เลว แต่ก็ไม่สามารถจัดการเรื่องเหล่านั้นในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนแบบนั้นได้

หลินชิงเหอไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงทำได้แต่บอกว่า “ตอนนี้หนูอายุแค่ 20 ปีเอง หนูจะกังวลอะไรกัน? มันไม่สายเกินไปหรอกถ้าได้แต่งงานอีกครั้งตอนอายุ 22 ปล่อยให้หวังหยวนรอแล้วดูว่าเขาจะอดทนรอหนูหรือเปล่าดีกว่า”

เธอพบว่าหวังหยวนเป็นคนที่เหมาะสม แต่หลานสาวที่เธอเฝ้าดูมาแต่อ้อนแต่ออกนั้นสำคัญกับเธอมากกว่า

“แต่เขาค่อนข้างใจร้อนนะคะ” โจวเอ้อร์นีอ้ำอึ้ง

หวังหยวนแก่กว่าหล่อน 6 ปี ปีนี้เขามีอายุ 26 ปี ซึ่งนับว่าไม่หนุ่มแล้ว

“หนูไม่ต้องกังวลหรอกถ้าเขาจะรีบ หนูไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไรเลย” หลินชิงเหอสอน “เป็นเรื่องดีแล้วที่ผู้หญิงจะรู้จักเอาใจใส่ผู้ชาย แต่หนูไม่ต้องตามใจเขามากเกินไปหรอก อาสี่ของหนูดูแลอาเป็นอย่างดีถูกไหม? แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออาเห็นว่าไม่ควรให้เขาทำตามใจตัวเอง อาก็ห้ามเขา บางทีหนูน่าจะปล่อยให้ฝ่ายผู้ชายแสดงตัวตนของตัวเองออกมาบ้าง จะปล่อยให้เขาแต่งงานกับหนูง่าย ๆ ได้อย่างไร ให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองสักหน่อยเถอะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ครอบครัวซูกำลังมองหาบ้านใหม่แล้ว ขอให้เจอบ้านใหม่ไว ๆ นะคะ

ชีวิตรักของเอ้อร์นีเจออุปสรรคใหญ่แล้วค่ะ น้องจะได้การยอมรับจากว่าที่แม่สามีเมื่อไหร่ หวังหยวนยังจะรอน้องอยู่ไหม ติดตามกันต่อไปนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset