บทที่ 418 แช่บ่อน้ำพุร้อน

บทที่ 418 แช่บ่อน้ำพุร้อน

บทที่ 418 แช่บ่อน้ำพุร้อน

ในวันที่สองนี่เอง หลินชิงเหอก็พาโจวเฉวี่ยน โจวกุยหลาย หู่จือ กังจือ และโจวเอ้อร์นีไปหาคุณแม่เวิง

เพราะว่าบ้านของครอบครัวเวิงอยู่ทางเดียวกับสถานีรถไฟพอดี

โจวชิงไป๋เป็นคนไปส่งพวกเขาตลอดทาง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คุณพ่อเวิงก็ยังมีท่าทางอึกอักเมื่อเห็นพวกเขามาถึงบ้านของครอบครัวเวิงด้วย

คุณแม่เวิงรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ หล่อนยิ้มและเอ่ยออกมาเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระในมือเด็ก ๆ “พวกเธอมากันหมดเลยเหรอจ๊ะ?”

“ไม่ถูกเหรอครับ เราต้องมาช่วยขนสัมภาระของคุณป้าเวิงน่ะครับ” โจวกุยหลายตอบพลางยิ้มกว้าง จากนั้นก็ไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณแม่เวิง

เขาใส่ของใช้ส่วนตัวไว้ในกระเป๋าเดียวกับกังจือแล้ว มีแค่กางเกงชั้นในกับเสื้อผ้าชั้นในไม่กี่ชุด ซึ่งเขาใส่รวมไว้ในกระเป๋าใบเดียวกับพี่รองและพี่หู่จือ โดยที่หู่จือเป็นคนถือกระเป๋าใบนั้น

โจวเฉวี่ยนเป็นคนถือกระเป๋าให้หลินชิงเหอกับโจวเอ้อร์นี เมื่อรวมกระเป๋าของคุณแม่เวิงไปด้วยก็เท่ากับว่ามีกระเป๋าเดินทางทั้งหมด 3 ใบสำหรับคนมากมาย ซึ่งถือว่ามีของไม่มากเลย

“ตกลงจ้ะ เราจะขึ้นรถไฟไปกัน ส่วนพวกคุณกลับกันเองนะคะ” คุณแม่เวิงพูดเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ

“คุณต้องกลับไปเปิดร้านแล้ว ดังนั้นกลับไปเถอะค่ะ” หลินชิงเหอสั่งโจวชิงไป๋

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ได้ขึ้นรถไฟเดินทางไป ทิ้งให้โจวชิงไป๋กับคุณพ่อเวิงแสดงความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

“ถ้าคุณไม่ได้ทำอาหารกินเอง คุณมากินที่ร้านผมก็ได้นะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ยกับคุณพ่อเวิง

คุณพ่อเวิงถอนหายใจ “ในวันอากาศหนาวแบบนี้ พวกหล่อนกลับบอกว่าอยากไปเที่ยวแล้วก็ไปกันเดี๋ยวนั้นเลย แถมยังไปฮาเอ๋อร์ด้วย ไม่กลัวหนาวกันหรือไงนะ!”

โจวชิงไป๋ไม่อาจเห็นด้วยมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“พูดถึงเรื่องนี้ ถือว่าผมลงเรือลำเดียวกับคุณแล้วนะครับ” คุณพ่อเวิงเอ่ย

เขารู้ดีว่าภรรยาไม่อยากพูดกับเขา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหล่อนถึงอยากไปเที่ยว เมื่อวานนี้พวกเขาเพิ่งทะเลาะกัน ส่วนสาเหตุของการทะเลาะนั้นเขาจำไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ทะเลาะกันไปแล้ว

หล่อนจึงรู้สึกรำคาญเขาและตัดสินใจไปเที่ยว

โจวชิงไป๋ไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดจริงจังนัก ภรรยาของเขาเบื่อเหงามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้คุณแม่เวิงจะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ เขาไม่ถือโทษโกรธคนอื่นหรอก

ทั้งคู่โบกมืออำลา โดยที่โจวชิงไป๋กลับมาเปิดร้านเกี๊ยว

ในตอนนี้มีลูกค้าเข้าร้านไม่มากนัก แต่ร้านก็ยังเปิดอยู่

คุณป้าหม่าเองก็เริ่มงานล้างจาน ตอนนี้อากาศกำลังหนาวเย็น พวกเขาจึงใช้น้ำอุ่นล้างจาน นอกจากนี้หลินชิงเหอยังมอบครีมบำรุงผิวให้นางได้ทามือด้วย

“ทำไมจู่ ๆ อาจารย์หลินกับคนอื่น ๆ ถึงไปเที่ยวล่ะจ๊ะ?” คุณป้าหม่ารู้เรื่องนี้เช่นกันและถามขึ้นอย่างสงสัย

“หล่อนอยู่ที่บ้านเบื่อ ๆ เลยอยากออกไปท่องโลกกว้างก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดน่ะครับ แล้วก็พาเด็ก ๆ ไปท่องโลกกว้างด้วยเหมือนกัน” แม้โจวชิงไป๋จะยอมห่างอย่างไม่เต็มใจ เขาก็ยังพูดด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง

คุณป้าหม่าพยักหน้าและเอ่ยกลับ “ดีแล้วจ้ะที่พาพวกเขาออกไปเห็นโลกกว้างบ้าง ป้ายังคิดอยู่เลยว่าในวันหยุดปีหน้าจะพาเสี่ยวตั้นไปที่เมืองชายแดนสักหน่อย”

นางอยากจะไปเจอครอบครัวของลูกชายคนโต แม้พวกเขาจะคุยกันผ่านโทรศัพท์และแลกจดหมายกันแล้ว แต่หลายปีมานี้พวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย

“คุณป้าไปเถอะครับ ถ้าคุณป้าจะไปก็บอกผมล่วงหน้านะครับ ผมจะได้เผื่อเวลาหยุดให้คุณป้ามากขึ้น” โจวชิงไป๋เอ่ย

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แค่ช่วงวันหยุดปกติก็พอแล้ว” คุณป้าหม่ายิ้ม

“ไม่พอหรอกครับ นั่งรถไปต้องใช้เวลาหลายวัน” โจวชิงไป๋บอก “อีกอย่างก็ไม่ได้เดินทางบ่อยด้วย”

“งั้นก็ได้จ้ะ” คุณป้าหม่ายิ้ม “ถ้าฉันจะไปจริง ๆ ฉันจะขอให้ลูกสะใภ้มาทำงานแทนฉันสักขณะหนึ่ง ต่อให้หล่อนจะไม่ได้พูดจาภาษาเดียวกันแบบเราหล่อนก็ยังทำงานได้นะจ๊ะ”

“คงอีกครู่หนึ่งเลยล่ะครับ ถึงตอนนั้นแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ย

เขามีความประทับใจที่ดีต่อหม่าเฉิงหมิน ขณะที่รู้สึกเฉย ๆ กับหวงเสี่ยวหลิ่วภรรยาของเขา ไม่ได้นึกเดียดฉันท์หล่อนแต่อย่างใด เพียงเขารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมนักที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะมาทำงานกับผู้ชายสองต่อสองที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงจะมองหาคุณป้าแก่ ๆ หรือคุณยายสักคนมาทำงานแทน

เห็นได้ว่าชายผู้ยึดมั่นในขนบให้ค่ากับการแบ่งแยกหญิงชายเพียงใด

หวังหยวนได้แวะมาเยี่ยมในตอนบ่าย

เขาคิดว่าโจวเอ้อร์นีอยู่กับคุณปู่คุณย่าของหล่อน แต่เมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็พบว่าหล่อนไม่อยู่บ้านโดยที่ท่านแม่โจวเป็นคนบอก

“เอ้อร์นีเหรอจ๊ะ? หล่อนกับอาสะใภ้สี่ แล้วก็บรรดาหนุ่ม ๆ ทั้งหมดขึ้นรถไฟไปเที่ยวตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้เอง ตอนนี้พวกเขาคงไปกันไกลแล้วล่ะ” ท่านแม่โจวบอก

“ไปเที่ยวเหรอครับ?” หวังหยวนอึ้งไป “ในวันหิมะตกแบบนี้พวกเขาไปเที่ยวที่ไหนกันครับเนี่ย?”

“ป้าเองก็บอกว่าหิมะตกแบบนี้อยู่บ้านกันดีกว่า แต่คนพวกนี้ก็ยังไปร่อนกันได้” ท่านแม่โจวพึมพำ

“ไปร่อนอะไรกันคะ? ถ้าไม่ใช่ว่าต้องดูแลเด็กเล็ก ๆ พวกนี้ ฉันก็จะไปกับพี่สะใภ้สี่ด้วยเหมือนกันค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยแทรก

ลูก ๆ ทั้งสี่ของหล่อนยังเล็กอยู่ ซึ่งนั่นก็ช่วยไม่ได้ 10 ปีที่ผ่านมานี้หล่อนลืมที่จะเที่ยวเตร่และทำอะไรเจ๋ง ๆ เหมือนพี่สะใภ้สี่ไปแล้ว

“คุณน้าครับ พวกเขาไปเที่ยวที่ไหนกันเหรอครับ? แล้วไปกันกี่คน?” หวังหยวนถาม

“เยอะแยะเลยจ้ะ ทุกคนไปกับพี่สะใภ้สี่กันหมดยกเว้นพี่ชายสี่” โจวเสี่ยวเหมยตอบ “น้าก็ได้ยินไม่ชัดนะว่าที่ไหน แว่ว ๆ ว่าจะไปดูเมืองน้ำแข็งกันน่ะจ้ะ”

“เมืองน้ำแข็ง?” หวังหยวนงุนงงไป เขาจึงมาถามโจวชิงไป๋

“ไปฮาเอ๋อร์น่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ “ขึ้นรถไฟรอบเก้าโมงเช้าไปนี่เอง”

“กะทันหันจังเลยนะครับ ทำไมพวกเขาถึงไปไกลขนาดนั้น?” หวังหยวนถาม

“ไปดูเมืองน้ำแข็งกันน่ะ ที่นั่นสวยมากแล้วก็ยังมีบ่อน้ำพุร้อนด้วย” โจวชิงไป๋อธิบาย

ภรรยาของเขาบอกไว้แบบนี้ ต่อให้เขายังไม่เคยไปที่บ่อพุน้ำร้อน แต่เขาก็รู้สึกขัดใจนิดหน่อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอนึกจะไปก็ไปโดยที่ไม่บอกอะไรล่วงหน้าเลย

“ทำไมต้องไปแช่บ่อน้ำพุร้อนไกลถึงฮาเอ๋อร์ด้วยล่ะครับ ในเมืองหลวงก็มีอยู่ที่หนึ่ง!” หวังหยวนเอ่ยขึ้น

“ที่ไหนเหรอ?” โจวชิงไป๋มองเขาอย่างประหลาดใจ

แม้เขาจะอยู่ในเมืองหลวงมา 2 หรือ 3 ปีแล้ว แต่ก็มีหลายที่ที่เขาไม่ได้ไปเยือน เขาจึงไม่รู้เลยว่าในเมืองหลวงก็มีบ่อน้ำพุร้อนด้วย

หวังหยวนรู้ว่ามันอยู่ไกลจากที่นี่มาก แต่เขามีรถยนต์ส่วนตัวอยู่ มันก็เลยไม่ไกลมากเท่าใด

“คุณอาสี่ว่างเมื่อไหร่เหรอครับ? เราไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกันดีไหมครับ?” หวังหยวนยิ้ม

“พาคุณลุงหวังกับคุณตาของนายมาด้วยสิ” โจวชิงไป๋พูด

“นั่นผมต้องพามาอยู่แล้วครับ” หวังหยวนตอบอย่างร่าเริงในทันที

โจวชิงไป๋จึงเปิดร้านแค่วันนี้วันเดียว พอถึงวันที่แปดเขาก็ปิดร้าน

เฒ่าหวัง ท่านพ่อโจว ซูต้าหลิน และโจวชิงไป๋นั่งรถของหวังหยวนไปที่บ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน

โจวชิงไป๋ตั้งใจมาเพราะอยากจดจำเส้นทาง เมื่อภรรยาของเขากลับมา เขาจะได้พาเธอไปเที่ยวที่นั่นบ่อย ๆ ภรรยาของเขาเพลิดเพลินกับเรื่องเหล่านี้มาก

คงถึงเวลาแล้วที่จะนำรถบรรทุกที่ซื้อเมื่อปีที่แล้ว และเก็บไว้ในช่องมิติพิศวงของภรรยาออกมาใช้ ถ้าตอนนั้นมีรถขับมันคงจะสะดวกมาก

หลังมาถึงบ่อน้ำพุร้อน เฒ่าหวังก็มองดูพร้อมกับเอ่ยอย่างพอใจ “ไอ้หนุ่มคนดี เธอนี่ช่างรู้จักพามาที่ไกลแบบนี้จริง ๆ นะ”

จากบ้านมาที่นี่ใช้เวลานั่งรถถึง 3 ชั่วโมงเต็มกว่าจะมาถึง

ท่านพ่อโจวเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่เคยแช่บ่อน้ำพุร้อนมาก่อนเลย

วันนี้พวกเขาจะเรียกให้ท่านแม่โจวมาด้วย แต่ก็มีท่านแม่โจวคนเดียวที่เป็นผู้หญิง ไม่มีใครคอยดูแลนาง แถมนางยังไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง พวกเขาจึงให้ซูต้าหลินมาแทน

ส่วนร้านซาลาเปาก็ให้โจวเสี่ยวเหมยเฝ้าไป

ผู้ชายกลุ่มนี้จึงได้แช่บ่อน้ำพุร้อนอย่างสุขกายสบายใจ ต้องบอกว่ามันสบายตัวจริง ๆ แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูงอยู่

คน 5 คนต้องจ่ายค่าเข้า 50 หยวน เฉลี่ยแล้วเป็นราคา 10 หยวนต่อคน

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นี่คือกรุ๊ปสมาคมพ่อบ้านหรือเปล่าคะเนี่ย หนีไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกันสบายใจเลย

คิดแล้วก็คิดถึงออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ อยากกลับไปแช่บ้างงง แง

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset