บทที่ 421 ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก

บทที่ 421 ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก

บทที่ 421 ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก

เห็นชัดว่าหลินชิงเหอไม่ได้ให้ค่ากับจางเหมยเหลียนเลย

ทุกครั้งที่หล่อนทักทายหลินชิงเหอ หล่อนก็ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จากเธอ ถ้าเธอรู้เข้า เธอจะต้องห้ามแบบหัวเด็ดตีนขาดแน่

“อย่ากังวลไปเลยจ้ะ ฉันไม่บอกเรื่องของเธอหรอก ยิ่งกว่านั้น ฉันจะช่วยพูดกับหู่จือให้เธอเอง แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนนะว่าถ้าเธอแต่งงานกับหู่จือแล้ว เธอต้องอยู่กินกับเขาให้ดี ๆ ฉันหวังว่าเขาจะแต่งงานนกับสาวเมืองหลวงได้” สวี่เชิ่งเหม่ยบอก

“แน่อยู่แล้วค่ะ” เมื่อจางเหมยเหลียนได้ยินว่าอีกฝ่ายเต็มใจช่วยเหลือหล่อน หล่อนก็รีบตกปากสัญญา “สิ่งที่คนข้างนอกพูดล้วนโกหกทั้งเพ ผู้หญิงปากมากพวกนั้นใส่ร้ายฉันก็เพราะว่าก่อนหน้านั้นตระกูลจางมีอำนาจแล้วไม่ช่วยเพื่อนบ้านอย่างพวกหล่อนน่ะค่ะ!”

สวี่เชิ่งเหม่ยแค่นเสียงในใจ ถ้าเธอไม่ใช่คนไม่ดี แล้วคนอื่นจะพูดแบบนี้กับเธอเหรอยะ?

“ฉันเชื่อเธออยู่แล้วล่ะจ้ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยเม้มปากและคลี่ยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยอำลาหล่อน

เดิมทีหล่อนอยากจะเดินขึ้นไปที่ชั้นบน แต่ตอนนี้หล่อนได้หันหลังกลับและมุ่งหน้าตรงไปที่ร้านเกี๊ยว

เมื่อเห็นหล่อนเดินออกมาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ โจวชิงไป๋ก็ย่นคิ้ว “วันนี้เป็นวันเทศกาลโคมไฟ เธอควรจะอยู่กินเกี๊ยวที่บ้านนะ ออกมาทำไมกัน?”

“วันนี้เป็นวันเทศกาลโคมไฟ หนูกินอาหารเช้ากับอาหารกลางวันที่บ้านตระกูลจ้าวมาแล้วน่ะค่ะ หนูก็เลยอยากมากินอาหารเย็นที่นี่แทน”สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้ม

“พี่เชิ่งเหม่ยไปกินเกี๊ยวที่บ้านคุณตาคุณยายเถอะครับ ที่นี่หลังจากนี้จะมีแขกมาหาหลายคน แล้วคนก็จะแน่นร้านเลยล่ะครับ” หู่จือบอก

คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงจะมาหาในภายหลัง เฒ่าหวังด้วยเหมือนกัน และตอนนี้โจวเอ้อร์นีได้ไปหาหวังหยวนที่โรงงานเสื้อผ้า หลังจากนั้นเขาจะตามมาสมทบด้วย

ดังนั้นจะมีคนจำนวนมากมายอยู่ที่นี่

“ใครจะมาเหรอจ๊ะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยถาม

“เป็นคุณป้าเวิงกับคนอื่น ๆ ครับ” หู่จือตอบ

สวี่เชิ่งเหม่ยไม่ใส่ใจมากนักและเอ่ยตอบ “ถ้างั้นพี่ไปบ้านของคุณตาคุณยายก็ได้จ้ะ” ไม่ว่าอย่างไร หล่อนก็ได้มาเสนอหน้าที่บ้านตระกูลโจวพอแล้ว

“อากาศเย็นมากนะ จ้าวจวินไม่ได้มากับหนูเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม

เขาไม่พอใจนักอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้รู้สึกผิดหวังกับหลานสาวคนนี้ เขาก็ไม่อยากให้หล่อนได้รับการปฏิบัติแบบนั้นจากจ้าวจวิน

สวี่เชิ่งเหม่ยรู้ว่าอาของหล่อนยังเป็นห่วงหล่อนอยู่จึงตอบไปว่า “จ้าวจวินยุ่งนิดหน่อยน่ะค่ะ”

ความจริงแล้วหล่อนอยากจะขอให้จ้าวจวินมาด้วยกันกับหล่อนในวันนี้ แต่เป็นเพราะจ้าวจวินได้นั่งบนตั่งเย็นในช่วงปีใหม่ไปแล้วแถมตัวเขาเองยังมีความถือตัวสูง เขาจึงไม่เต็มใจมาด้วยในวันนี้

โจวชิงไป๋เหลือบมองหล่อนและไม่ได้พูดอะไรอีก

สวี่เชิ่งเหม่ยมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว

เมื่อท่านแม่โจวเห็นหล่อน นางก็เอ่ยอย่างโมโห “ในวันอากาศเย็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงได้เสนอหน้ามาที่นี่แทนที่จะไปกินเกี๊ยวที่บ้านตระกูลจ้าวฮึ?”

“คุณยาย หนูรู้ว่าวันนี้เป็นวันเทศกาลโคมไฟ ก็เลยมาที่นี่เพื่อร่วมกินเกี๊ยวกับคุณตาคุณยายน่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ยพลางจับแขนของนางไว้

ตอนแรกท่านแม่โจวไม่อยากให้หล่อนจับมือถือแขนนางเลย แต่นางก็ไม่ได้ว่าอะไรหลังจากนึกเห็นใจว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์อยู่

ในตอนนี้โจวเสี่ยวเหมยกลับมาที่บ้านแล้ว เมื่อเห็นสวี่เชิ่งเหม่ยหลานสาวคนนี้มาหา หล่อนก็ไม่อยากจะเห็นหน้า

หล่อนยังไม่ลืมว่าจ้าวจวินดูถูกต้าหลินของหล่อนอย่างไรบ้างในวันปีใหม่และยังดูถูกอาการพูดติดอ่างของเขา เขาไม่อยากพูดกับต้าหลินของหล่อนเลยสักนิด

เขาคิดว่าทุกคนอยากจะพูดกับเขาหรืออย่างไร? ต้าหลินของหล่อนแค่ใจดีเกินไปและต้องการพูดคุยกับเขานิดหน่อยเท่านั้น!

“สวัสดีค่ะน้าเล็ก” สวี่เชิ่งเหม่ยทักทายหล่อนเมื่อเดินเข้ามาในบ้านจากนั้นก็ไม่เอ่ยอะไร

กับคุณน้าสี่ของหล่อน หล่อนจะพยายามพูดประจบประแจง แต่กับคุณน้าเล็กนั้นไม่จำเป็น ก็แค่ร้านซาลาเปาร้านเดียวจะทำเงินได้เดือนละเท่าไหร่กันเชียว?

โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้าอย่างขอไปทีและไม่เอ่ยอะไรมากนัก

ส่วนสวี่เชิ่งเหม่ยก็อยู่นั่งกินเกี๊ยวที่นี่

ฝ่ายหลินชิงเหอได้นอนพักแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้น ต่อให้เธอไม่อยากจะยอมรับ แต่เธอก็แก่ตัวลงแล้ว

เมื่อเดินลงมายังชั้นล่าง คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงก็อยู่ที่ร้านแล้วเรียบร้อย โจวเอ้อร์นีกับหวังหยวนด้วยเหมือนกัน

หลินชิงเหอรู้สึกอายขึ้นมาจนส่งสายตามองค้อนโจวชิงไป๋ “ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้วทำไมคุณไม่ปลุกฉันเลยคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราเพิ่งมาถึงที่นี่พอดี ฉันเองก็งีบหลับไปเหมือนกันค่ะ” คุณแม่เวิงหัวเราะ

หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม จากนั้นเธอก็ให้หู่จือกลับไปเรียกบรรดาหนุ่ม ๆ มาว่าถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว

ขณะสนทนากับคุณพ่อเวิงและคุณแม่เวิงนั้นเอง หลินชิงเหอก็ไม่ลืมที่จะพูดคุยกับหวังหยวนไปด้วย เพื่อทำให้บรรยากาศไม่มีความเย็นชา

เมื่อพวกเขามาถึง ทั้งครอบครัวก็มาล้อมวงกินเกี๊ยว

หากมีลูกค้ามาเพื่อกินเกี๊ยว โจวชิงไป๋ก็จะลุกไปทำให้ตามคำสั่งซื้อ ง่ายนิดเดียว

“เกี๊ยวเนื้อแกะนี่อร่อยมากเลยนะ แต่ทำเกี๊ยวลูกใหญ่แบบนี้จะได้กำไรเหรอ?” คุณพ่อเวิงถามโจวชิงไป๋

“ได้กำไรนิดหน่อยแต่ได้ผลตอบรับเร็วน่ะครับ” โจวชิงไป๋ตอบ

นับตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาเกี๊ยวของเขาก็เพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่ราคาเกี๊ยวของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราคาแป้งและเนื้อด้วย

ผลกำไรของโจวชิงไป๋เพิ่มขึ้นเล็กน้อยไม่ได้มากมายนัก เขายังยึดติดกับหลักการที่ว่าขายเอากำไรน้อยแต่ได้ผลตอบรับเร็ว

“คุณนี่จัดการธุรกิจของคุณได้ดีนะ และยังมีชื่อเสียงดีอีก ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักร้านของคุณเลย พอได้มาพื้นที่นี้แล้วถามว่าร้านเกี๊ยวของตระกูลโจวอยู่ไหน ก็มีใครบางคนชี้ทางให้ผมแล้ว” คุณพ่อเวิงผู้รู้จักสนทนาได้เอ่ยอย่างเบิกบานใจ

โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอยิ้มกว้างทั้งคู่

ว่าไปแล้ว ร้านเกี๊ยวของพวกเขามีชื่อเสียงมากในย่านนี้จริง ๆ

สิ่งเดียวที่สามารถแข่งขันกับร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ได้ก็คือร้านซาลาเปาของซูต้าหลิน แต่มันอยู่ห่างไกลจากที่นี่อยู่ ซึ่งร้านซาลาเปาของซูต้าหลินเองก็มีชื่อเสียงมากเหมือนกัน

ขณะที่เขาใช้รูปแบบกิจการในทางเดียวกับโจวชิงไป๋ที่ว่า มุ่งหวังกำไรน้อยเพื่อมีชื่อเสียงที่ดีเป็นที่เลื่องลือแทน

คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงกินอาหารฉลองเทศกาลโคมไฟและนั่งเล่นอยู่จนเกือบสองทุ่มก่อนจะกลับบ้านไป

วันนี้โจวชิงไป๋จึงปิดร้านเร็ว หลินชิงเหอมีสอนวันพรุ่งนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ

“รอจนกว่าจะถึงวันหยุดก่อนนะ ผมจะพาคุณไปยังสถานที่ดี ๆ แห่งหนึ่ง” โจวชิงไป๋กล่าวแล้วกอดภรรยาเพื่อแสดงว่าช่วงนี้เขาคิดถึงเธอแค่ไหน

“สถานที่ดี ๆ อะไรคะ? ฉันไม่ไปหรอกนะคะถ้ามันไกลเกินไป บางทีอาจจะเจอหิมะตกหนักกับถนนขาดก็ได้” หลินชิงเหอโบกมือ ยุคนี้ช่างเดินทางลำบากไม่น้อย ได้แต่ไป ๆ กลับ ๆ บนถนน สู้อยู่บ้านจะดีกว่าเสียอีก

“ไปบ่อน้ำพุร้อนน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

“บ่อน้ำพุร้อนเหรอคะ?” หลินชิงเหอมองเขา “ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนด้วยเหรอคะ? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

“มันค่อนข้างไกลหน่อยนะ ในวันหิมะตกใช้เวลาเดินทางไป 3 ชั่วโมง ผมประมาณไว้แล้วว่าถ้าหิมะไม่ตกมันจะใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง” โจวชิงไป๋บอก

“คุณรู้ได้อย่างไรคะว่ามันมีอยู่ที่หนึ่ง?” หลินชิงเหอถาม

“หวังหยวนเป็นคนพาเราไปที่นั่นน่ะ” โจวชิงไป๋ยิ้ม แล้วเขาก็เล่าการเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนที่พวกเขาไปมาให้ฟัง

“หวังหยวนช่างสรรหาที่เที่ยวจริง ๆ นะคะ” หลินชิงเหอเอ่ย “เราต้องหาเวลาเอารถบรรทุกของเรามาใช้แล้วล่ะค่ะ”

“อืม” โจวชิงไป๋พยักหน้า ความคิดของเธอตรงกับความคิดของเขาพอดี การนำรถบรรทุกออกมาใช้จะทำให้การเดินทางไกลได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

ทั้งคู่เจรจากันว่าครั้งหน้าพวกเขาจะไปกันตอนที่หลินชิงเหอมีวันว่าง ช่างเป็นการห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีกโดยแท้ จากนั้นพวกเขาก็เข้านอนแต่หัวค่ำ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

รู้สึกไม่อยากพิมพ์ชื่อนางคนนี้ขณะที่นั่งแปลเลยค่ะ คนอะไรสะตอมาเป็นสวนเลย แต่ก็ต้องพิมพ์ไปเดี๋ยวเรื่องไม่เดิน ร้านของน้าเล็กถึงจะมีร้านเดียวแต่ก็มีชื่อเสียงแหละจ้ะ ไม่ได้เป็นคุณนายคอตั้งวัน ๆ ไม่ทำอะไรได้แต่เกาะสามีรวยกินแบบเธอนี่

แม่จะงัดรถบรรทุกมาใช้แล้วค่ะ ทีนี้จะต้องมีคนตกตะลึงไปหลายคนแน่

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset