บทที่ 439 คนที่กำลังมีความรัก

บทที่ 439 คนที่กำลังมีความรัก

 

ซุปไก่กระเพาะหมูตุ๋นนับว่าเป็นอาหารจานเด็ด โดยเฉพาะน้ำซุปมีรสชาติที่อร่อยมาก

 

เมื่อเสิร์ฟกับแผ่นแป้งย่าง ก็เป็นอาหารที่เรียบง่ายและน่าพึงพอใจมาก

 

หลังรับประทานอาหารเสร็จ หน้าที่การทำความสะอาดจึงตกเป็นของพวกเด็ก ๆ ส่วนหลินชิงเหอเชิญคุณพ่อเวิงและคุณแม่เวิงไปที่ตึกอะพาร์ตเมนต์เพื่อดื่มชา

 

ในตอนนั้นเอง คุณแม่เวิงก็มอบโสมซึ่งหล่อนนำมาด้วยให้กับหลินชิงเหอ “ของพวกนี้หลานชายของอาเวิงเป็นคนส่งมาให้ค่ะ เขาอยู่ในธุรกิจนี้ พวกมันเป็นโสมป่าบริสุทธิ์จากทางตะวันออกเฉียงเหนือ คุณเอาไปตุ๋นกับไก่เพื่อบำรุงเสี่ยวข่ายนะคะ ฉันเห็นเขากลับมาปีนี้คล้ำขึ้นมากแล้วก็ผอมลงไปด้วย”

 

“ไม่จำเป็นต้องให้ของนี่กับเขาหรอกค่ะ เอากลับไปเถอะ คุณยังมีกั๋วเหลียงกับคนอื่น ๆ อีกนะคะ” หลินชิงเหอกล่าว

 

“ที่บ้านยังมีของเกาหลีอยู่ด้วยค่ะ ฉันเก็บไว้ให้พวกเขาแล้ว นี่เป็นชิ้นโสมป่าสำหรับโจวข่าย ในแต่ละครั้งคุณไม่จำเป็นต้องใช้มันเยอะนะคะ ใส่ไปแค่ 2-3 ชิ้นเท่านั้น มันจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วก็เพิ่มภูมิต้านทานด้วยค่ะ” คุณแม่เวิงบอก

 

หลินชิงเหอเห็นว่าหล่อนต้องการจะมอบให้อย่างจริงใจ เธอจึงรับของเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเอ็นดูเขามากเสียจนฉันเทียบไม่ติดเลยค่ะ”

 

“แค่โสมป่าไม่กี่ชิ้นเองค่ะ” คุณแม่เวิงตอบ

 

“หลานชายของคุณเวิงทำธุรกิจประเภทนี้เหรอคะ ธุรกิจเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินชิงเหอถาม

 

“ดูเหมือนว่าธุรกิจของเขาก็อย่างงั้น ๆ แหละครับ ของพวกนี้ราคาแพงมาก ใครจะเต็มใจซื้อกิน” คุณพ่อเวิงตอบ

 

“ช่วยไม่ได้นี่คะ มันเป็นของหายาก ราคาต้นทุนก็เลยแพงมากอยู่แล้ว” หลินชิงเหอไม่รู้สึกแปลกใจเลย แต่โดยทั่วไปแล้ว สินค้าหรูหราชนิดนี้ก็มีกำไรดีมาก

 

“ราคาต้นทุนสูงจริง ๆ ครับ ผมคิดว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วร้านคงจะต้องปิดตัวลง” คุณพ่อเวิงพูด

 

“ไม่หรอกค่ะ จากนี้ไป ผู้คนจะร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก่อนนี้สุขภาพร่างกายของทุกคนอ่อนแอ พวกเขาจะไม่คิดบำรุงร่างกายกันได้หรือคะ? ในอนาคตธุรกิจนี้จะดำเนินไปไม่เลวเลยล่ะค่ะ มันจะค่อย ๆ ดีขึ้น พอถึงเวลานั้น ก็จะกลายเป็นร้านเก่าแก่ที่มีลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ต่อไปวันหน้าเขาจะไม่จำเป็นต้องร่วมหุ้นกับคนอื่นเลย”

 

คุณพ่อเวิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “โสมเกาหลีกล่องหนึ่งที่มีโสมแค่ไม่กี่เส้น มีราคามากกว่า 200 หยวนเสียอีก ใครจะไปซื้อไหวครับ?”

 

“ต้องมีคนเต็มใจที่จะซื้อมันอย่างแน่นอนค่ะ ค่อย ๆ บริหารจัดการไป ร้านค้าประเภทนี้ต้องใช้เวลา ตราบใดที่ของมีคุณภาพ ต่อจากนั้นก็จะถูกบอกต่อกันไปปากต่อปาก” หลินชิงเหอให้ความมั่นใจ

 

คุณพ่อเวิงพยักหน้า

 

คู่สามีภรรยานั่งคุยอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นขอตัวกลับไป หลินชิงเหอเดินไปส่งพวกเขาที่ชั้นล่าง แล้วจึงกลับขึ้นบ้าน

 

โจวชิงไป๋และโจวข่ายยังไม่ได้กลับมากระทั่งเวลา 3 ทุ่ม หลังจากนั้นโจวชิงไป๋ถึงจะได้ปิดร้าน ซึ่งในช่วงฤดูร้อนร้านจะปิดช้าลง

 

“คุณป้าเวิงของลูกเอาใจใส่มากเลย หล่อนเอาโสมชิ้นกล่องเล็กมาให้ลูก นี่เป็นโสมป่าบริสุทธ์เลยนะ” หลินชิงเหอบอกกับลูกชายคนโต

 

โจวข่ายยิ้ม “ม้ากับป๊ากินมันได้เลยครับ ผมไม่จำเป็นต้องกินมันหรอก”

 

“ม้าจะแบ่งให้ลูกบางส่วน แล้วจะเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้ป๊าของลูกกิน” หลินชิงเหอพยักหน้า ถึงอย่างไร เขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่มแถมยังไม่มีแฟน จะต้องบำรุงร่างกายไปทำไม? บำรุงมากเกินไปจะไม่เป็นผลดีเปล่า ๆ

 

เก็บเอาไว้ให้เธอกับชิงไป๋ตุ๋นน้ำแกงกินในบางโอกาสเพื่อเป็นอาหารเสริมจะดีกว่า

 

พูดถึงเรื่องอาหารบำรุงร่างกาย ปีนี้เธอจะไปตอนใต้เพื่อดูว่ามีกระเพาะปลาหรือของจำพวกนี้ขายบ้างหรือไม่ นี่เป็น 1 ใน 8 ของล้ำค่า เป็นแหล่งคอลลาเจนชั้นยอดเชียวนะ

 

ถ้ามีขายเธอจะซื้อกลับมา เช่นเดียวกับของจำพวกเขากวางด้วยเหมือนกัน

 

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของโจวกุยหลายใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว ในวันที่ 2 หลังจากสอบเสร็จ พวกเขาก็ไปหาหวังหยวนและเฒ่าหวัง จากนั้นก็นั่งเบียดกันไปในรถเพื่อไปบ่อน้ำพุร้อน

 

หลินชิงเหอไม่ได้ห้ามพวกเขาเช่นกัน เมื่อพวกเขาอยากจะไปก็สามารถไปได้ การพักผ่อนหย่อนใจเป็นสิ่งที่ดี เจ้าสามของเธอกำลังจะไปเรียนในมหาวิทยาลัยในปีนี้แล้ว ดังนั้นเขาควรจะได้พักผ่อนบ้าง

 

ในวันนั้นหลินชิงเหอสอนหนังสือเสร็จเร็วจึงได้แวะมาที่ร้านเสื้อผ้า หลังจากตรวจสอบบัญชีแล้ว เธอก็คุยกับโจวเอร์นีเกี่ยวกับเรื่องของหวังหยวน

 

“มีกำหนดการอะไรกันบ้างหรือยังจ๊ะ?” หลินชิงเหอเอ่ยถามพลางยิ้มแย้ม

 

เธอบอกได้ว่าหวังหยวนเป็นห่วงเป็นใยในตัวหลานสาวของเธอจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าทุกคนในครอบครัวตระกูลโจวล้วนแล้วแต่ชอบหวังหยวนกันหมด

 

“ปีหน้าค่ะ” โจวเอ้อร์นีรู้สึกเขินนิด ๆ ตัวหล่อนเองต้องการที่จะคบกันจนหล่อนมีอายุถึง 22 ปีเสียก่อน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะหวังหยวนได้

 

ในที่สุดหล่อนจึงต้องยอมลดจุดยืนของตนเองลงให้กับหวังหยวน จึงบอกไปว่าพวกเขาจะแต่งงานกันในปีหน้า

 

“อย่างนั้นก็เป็นปีหน้าแล้วกัน อายุของหนูจะถึงเกณฑ์กำหนดตามกฎหมายแล้วด้วย พอถึงตอนนั้น การจดทะเบียนสมรสก็จะไม่เป็นปัญหาอะไร” หลินชิงเหอยิ้ม

 

เธอเห็นด้วยกับการแต่งงานของหลานสาวเป็นอย่างยิ่ง

 

“ครอบครัวของหวังหยวน…” โจวเอ้อร์นียังลังเลใจอยู่นิดหน่อย

 

“ไม่มีการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบอยู่หรอกนะจ๊ะ หลักสำคัญมันขึ้นอยู่กับหนูว่าจะใช้ชีวิตยังไง และหวังหยวนรักหนูหรือเปล่า” หลินชิงเหอกล่าว

 

ผู้หญิงมีความลำบากมากมายในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น พวกผู้หญิงมักจะชอบสร้างเรื่องลำบากให้กับผู้หญิงด้วยกัน การรังเกียจเดียดฉันท์คนเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้

 

ในสายตาของคนภายนอก ท่านแม่โจวไม่ได้เป็นแม่สามีที่เลวร้ายอะไร แต่คนอารมณ์ร้อนอย่างหลินชิงเหอก็ไม่สามารถจะทนนางได้ การพานางมาอยู่ที่นี่และให้ความกตัญญูนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทว่านางก็ต้องถูกจัดที่จัดทางให้อยู่ไกลกันออกไป

 

“หวังหยวนซื้อบ้านใกล้กับคุณปู่คุณย่าของหนูแล้ว อาได้ยินจากคุณอาเล็กของหนูบอกว่าบ้านยอดเยี่ยมมาก ทั้งกว้างขวางและน่าอยู่ด้วย เฟอร์นิเจอร์ก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว วันข้างหน้าหนูสามารถเข้าอยู่ที่นั่นได้เลย หวังหยวนออกมาเปิดโรงงานทำธุรกิจเป็นของตัวเอง พวกหนู 2 คนก็แค่กลับไปที่บ้านตระกูลหวังในช่วงปลายปีเท่านั้นเอง ถ้าแม่ของเขาไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปนัก หนูแค่หลับตาข้างเดียวก็พอจ้ะ” หลินชิงเหอให้กำลังใจ

 

เธอรู้สึกว่าหวังหยวนเป็นคนที่ดีมากจริง ๆ ถึงได้พูดออกมาเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอคนที่ดีกว่าหวังหยวนได้ นี่เป็นการพูดด้วยความมีสติ

 

ฉะนั้น แม้จะไม่มีการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็สามารถทำให้ตนเองดีขึ้นและเข้มแข็งขึ้นได้ ไม่ว่าปัจจัยภายนอกคืออะไร ก็สามารถแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้

 

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ การได้มีชีวิตที่ดีคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

“ค่ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้ารับ

 

“แต่ยังไงก็ตาม อะไรที่หนูไม่ควรจะต้องทน ก็ไม่จำเป็นต้องไปทนจนทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์นะ เข้าใจไหม? ถ้ามันหนักหนาเกินไปก็ตอบโต้กลับเสียบ้าง ไม่ต้องไปเกรงใจหล่อน” หลินชิงเหอแนะนำ

 

โจวเอ้อร์นีคลี่ยิ้มออกมา คนที่สอนให้หล่อนทำแบบนี้ได้คงมีแต่คุณอาสะใภ้สี่ของหล่อนเท่านั้น

 

“ปีใหม่ปีนี้ หนูจะพาหวังหยวนกลับไปที่บ้านหรือเปล่าจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม

 

“เขาบอกไว้อย่างนั้นน่ะค่ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้า

 

หลินชิงเหอกล่าวพลางอมยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก พาเขากลับไปให้พ่อแม่ของหนูได้เจอตัวเขา พวกเขาเคยเห็นแต่ในรูปถ่ายเท่านั้น ยังไงก็ไม่เหมือนกับการได้เจอตัวจริงหรอกนะจ๊ะ”

 

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ครั้งก่อนที่อาได้คุยโทรศัพท์กับแม่ของหนู ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือนว่าแม่หนูจะถูกใจเขามากเลยล่ะจ้ะ”

 

โจวเอ้อร์นีอมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่สะดุดตาของหวังหยวน

 

“การพาเขากลับไปที่บ้านเป็นเรื่องดี หวังหยวนไม่เหมือนกับจ้าวจวิน เขารักหนู อาสี่กับอาพูดคุยกับเขาแล้ว เขาไม่ได้เป็นคนประเภทนั้น ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลมากนัก” หลินชิงเหอปลอบ

 

“ค่ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้า

 

หล่อนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย แม้ว่าหวังหยวนจะอายุมากกว่าหล่อน 6 ปี แต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นในยามที่อยู่ต่อหน้าคนภายนอก แต่เมื่ออยู่กับหล่อนตามลำพัง เขาจะทำเรื่องน่าอายราวกับเป็นเด็กหนุ่มยังไม่โต

 

แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเขา หล่อนก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เลย

 

หลินชิงเหอรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นหลานสาวเป็นอย่างนี้ เห็นไหม นี่คือคนที่กำลังมีความรักอย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ระหว่างสวี่เชิ่งเหม่ยกับจ้าวจวินจะไปเทียบได้อย่างไรกัน?

 

………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset