บทที่ 468 รถบรรทุกคันใหญ่

บทที่ 468 รถบรรทุกคันใหญ่

ร้านขายอาหารแห้งได้รับการตกแต่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงสินค้าอาหารทะเลแห้งเท่านั้นที่ยังไม่ได้จัดส่งมาถึง

มันใช้เวลา 5 วันหลังตกแต่งร้านเสร็จ เป็นเวลาที่หลินชิงเหอออกเดินทางไปพร้อมกับโจวชิงไป๋โดยนำรถบรรทุกของครอบครัวออกมาใช้

สินค้าเต็มคันรถถูกขนไปที่ร้านอาหารแห้งโดยฝีมือของโจวชิงไป๋

หลินชิงเหอมากับเขาเพื่อมาช่วยจัดเรียงสินค้า ครั้งนี้มีสินค้าไม่มากนัก มีแค่กระเพาะปลา ปลิงทะเล เป๋าฮื้อ ปลาหมึกตากแห้ง และปลาเค็มตากแห้ง ซึ่งแต่ละอย่างถูกสั่งมาในปริมาณมาก

หลังขนสินค้าลงจากรถหมดแล้ว ในตอนนี้ร้านค้าที่เคยว่างเปล่าก็ดูเหมือนจะมีของเต็มร้าน

หลินชิงเหอตั้งราคาสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างมีราคาบันทึกไว้เรียบร้อย โดยที่ตั้งผลกำไรไว้ครึ่งหนึ่งของราคาขาย

ยิ่งกว่านั้นมันยังมีของอยู่น้อยชนิด จึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะบอกให้พวกเขาเริ่มขาย

แต่เนื่องจากสินค้าต่าง ๆ ไม่ได้มีราคาถูกและคนทั้งคู่ก็ต้องใช้เวลาศึกษาธุรกิจอยู่เกือบครึ่งเดือน หลินชิงเหอจึงยังเรียกตัวให้หู่จือมาช่วยทางนี้อยู่

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ขับรถกลับไปที่ร้านเกี๊ยว

โจวกุยหลายกับโจวเฉวี่ยนที่ง่วนอยู่ในร้านเกี๊ยวก็สะดุดตากับรถบรรทุกเข้าพอดี

“ป๊า ม้า นี่รถบรรทุกของเราเหรอครับ?” ในตอนนี้โจวเฉวี่ยนผู้มีท่าทางสงบนิ่งเป็นนิจยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย

ต้องบอกไว้ก่อนว่าพวกเขาหมายตารถของหวังหยวนมานานแล้ว

แต่รถรุ่นนั้นแพงเกินไป คิดเป็นเงินหลักหมื่นหยวน ต้องรวบรวมเงินเก็บในบ้านเป็นหมื่น ๆ หยวนในการซื้อมันมา พวกเขาจึงไม่มีความหวังใด ๆ กับรถรุ่นนั้น

แต่ไม่คิดเลยว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะซื้อรถบรรทุกกลับมา

“ม้าอุตส่าห์ไปขอให้ใครสักคนจากโรงงานทางใต้ขับส่งสินค้าล็อตนี้มาให้ ต้องโทรไปเร่งอยู่ 2-3 ครั้งแน่ะถึงจะมาส่งได้ในตอนนี้” หลินชิงเหอคุยโวโดยไม่มีการเตี๊ยมใด ๆ

เห็นชัดว่าบรรดาลูกชายไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย

“ม้า รถบรรทุกคันนี้เท่าไหร่เหรอครับ?” โจวกุยหลายถามขณะปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ

“แพงวอดวายเลยล่ะ จ่ายไปด้วยเงินเก็บทั้งหมดในบ้านเลย” หลินชิงเหอโบกมือ

“แต่ก็ยังคุ้มอยู่ดีนะครับ ป๊า สอนผมหน่อย ถ้าวันหน้าต้องขนของมาอีก ผมจะได้ขับไปซื้อ!” โจวกุยหลายเอ่ยในทันที

“ไม่หรอก ลูกยังเด็กเกินไป” โจวชิงไป๋ปฏิเสธเสียงเรียบ

“ถูกแล้ว ลูกอายุเท่าไหร่เอง? ถึงริจะหัดขับรถน่ะ? รอจนกว่าจะอายุ 18 ก่อนเถอะ” หลินชิงเหอเอ่ยเสริมเช่นกัน

“ม้า ผมเรียนได้นะครับ” โจวเฉวี่ยนบอก

“ใช่สิ ผมเรียนไม่ได้ แต่พี่รองเรียนได้ เขาอายุ 17 และตัวสูงขนาดนี้แล้ว!” โจวกุยหลายรู้ว่าเขาคงไม่มีโอกาสจะได้ขับรถเมื่อฟังจากน้ำเสียงไม่แยแสของผู้เป็นพ่อ เขาจึงทำได้เพียงสู้เรื่องนี้ให้พี่ชายรองของเขา

ถ้าพี่รองของเขาขับได้คล่องเมื่อไร อนาคตคงจะออกไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้น

พวกเขาคงไปแช่บ่อน้ำพุร้อนได้อีกครั้ง แต่เนื่องจากรถคันนั้นเป็นของหวังหยวนว่าที่พี่เขย พวกเขาจึงไม่สามารถไปบ่อน้ำพุร้อนได้ทุกครั้ง แต่ถ้าพวกเขามีรถเป็นของตัวเอง พวกเขาอยากไปตอนไหนก็ไปได้ถูกไหมล่ะ?

“เอาล่ะ ให้ลูกเรียนแล้วกันนะเจ้ารอง” หลินชิงเหอพยักหน้า

ทันทีที่ภรรยาของเขาเอ่ยปาก โจวชิงไป๋ก็ไม่มีความเห็นอื่นอีกและเอ่ยขึ้น “หาที่เรียนด้วยตัวเองแล้วกัน หลังได้ใบขับขี่มาแล้วลูกค่อยมาขับรถคันนี้”

โจวเฉวี่ยนตกลงในทันที

โจวชิงไป๋เดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อทำงานต่อ หลินชิงเหอจึงบอกลูกชายทั้งสอง “ขึ้นรถกัน ม้าจะขับพาไปเที่ยว”

“ม้าขับเป็นเหรอครับ?” โจวเฉวี่ยนเอ่ยอย่างงุนงง

“แม่แก่ ๆ ของลูกได้ใบขับขี่มาจากทางใต้น่ะ ดังนั้นลูก ๆ ทั้งสองอย่าดูถูกแม่แก่ ๆ คนนี้แล้วกัน” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว

เมื่อเห็นว่าแม่ของพวกเขาขับรถเป็น ทั้งคู่ก็อึ้งไป

“ม้าของผม ผมรู้สึกเลยว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ม้าทำไม่ได้อีกแล้ว!” โจวกุยหลายตอบและเอ่ยเยินยอ

“พวกลูกอยากไปไหนกันล่ะ?” หลินชิงเหอถาม

“ไปที่ไหนก็ได้ครับม้า แค่ขับไปเรื่อย ๆ ก็พอ” โจวเฉวี่ยนตอบ

“ม้า เราหาเวลาไปบ่อน้ำพุร้อนดีไหมครับ? ผมคิดถึงคราวที่แล้วที่เราไปมากเลย นานแล้วนะครับที่เราไม่ได้ไปนับจากครั้งนั้น” โจวกุยหลายเปิดประเด็นอย่างลิงโลด

“เราคงหาเวลาไปแช่ได้นะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอจะชวนคุณแม่เวิงให้ไปด้วยกัน โจวเสี่ยวเหมยด้วย ส่วนท่านแม่โจวนั้นเธอไม่คิดที่จะพานางไป เพราะคราวที่แล้วนางเอาแต่บ่นกระปอดกระแปดมาตลอดขากลับ

ต่อให้เธอรู้ว่าบรรดาคนแก่คนเฒ่าคุ้นเคยกับการใช้สอยอย่างประหยัด หลินชิงเหอก็ยังไม่เชื่อถือคำพูดของนาง

“วันอาทิตย์หน้าดีไหมครับ?” โจวกุยหลายรีบเอ่ยถาม

“ไว้ดูก่อนนะ ถ้ามีเวลาเราก็ไปกัน” หลินชิงเหอออกรถ ทักษะการขับรถของเธอมั่นคงอย่างยิ่ง เธอจึงขับพาพวกเขาไปที่โรงงานเสื้อผ้าของหวังหยวน

หวังหยวนยืนอยู่ด้านนอกโรงงานและเห็นพวกเขาพอดี ยิ่งกว่านั้นยังเห็นว่าอาสะใภ้สี่เป็นคนขับรถด้วย

ตอนที่พวกเขาไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกัน เขาก็เคยได้ยินโจวชิงไป๋เอ่ยถึงแล้ว แต่หวังหยวนเพิ่งรู้สึกชื่นชมจากใจจริงก็ตอนที่เห็นว่าหลินชิงเหอขับรถบรรทุกแบบนี้มาที่โรงงาน

“อาสะใภ้สี่ คุณช่างน่าอัศจรรย์เกินไปแล้วนะครับ” เมื่อพวกเขาลงจากรถ หวังหยวนก็เอ่ยทักทายพร้อมกับอุทาน

“แค่ขับรถเอง มีเรื่องอะไรให้น่าประหลาดใจล่ะจ๊ะ” หลินชิงเหอโบกมือ

หวังหยวนยิ้ม “ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกนะครับที่ขับรถเป็น”

เป็นตัวเขาแล้วหนึ่งคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

หลินชิงเหอนำอาหารทะเลแห้งบางส่วนอย่างกระเพาะปลา เป๋าฮื้อแห้ง และปลิงทะเลลงมาจากรถและเอ่ยขึ้น “อาเตรียมของพวกนี้ให้เธอน่ะ ตอนแรกกะจะให้เอ้อร์นีเอามาให้เธอ แต่เอ้อร์นีตอนนี้ก็ยุ่งมาก อาเลยเป็นคนเอามาให้เอง เย็นนี้เรามีปูทะเลตัวใหญ่อยู่ที่บ้านหลายตัวเลยล่ะ เธอจะมากินกับเราก็ได้นะ”

“ตกลงครับ” หวังหยวนไม่ได้มีท่าทางเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย เขาตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นหลินชิงเหอก็พาลูกชายทั้งสองไปที่บ้านของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว เธอเองก็นำอาหารทะเลแห้งมาให้ที่นี่ด้วย นอกจากนี้ยังมีปูตัวใหญ่จำนวนหนึ่งที่มาจากกล่องแยกต่างหาก

คนฝั่งนี้อยู่กันหลายคน ดังนั้นเธอจึงนำของมาให้ส่วนหนึ่ง

แต่อาหารทะเลแห้งกับปูทะเลก็ไม่ได้สร้างความตกใจให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวมากเท่ากับรถบรรทุก

“รถนี่…พวกเธอสองคนเป็นคนซื้อมาเหรอ?” ท่านพ่อโจวอุทานด้วยความตื่นเต้น

“ราคาเท่าไหร่ล่ะนั่น?” ท่านแม่โจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสีแดง

“ม้าบอกว่าใช้เงินเก็บทั้งหมดที่บ้านซื้อไปจนเกลี้ยงเลยครับ” โจวกุยหลายตอบ

“ไม่สำคัญหรอกว่าจะใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ร้านค้าก็ยังทำเงินอยู่ รถคนนี้จะมีประโยชน์ในวันข้างหน้า เอาไว้ใช้ขนสินค้าหรืออะไรพวกนี้ได้ อีกหน่อยก็ได้ทุนคืนแล้ว” ท่านพ่อโจวเอ่ยตามตรง

ลูกชายของเขาซื้อรถ ลูกชายของเขากลายเป็นคนที่มีรถขับไปแล้ว!

“ชิงไป๋ไม่ได้มาด้วยเหรอ?” ท่านแม่โจวมองรอบ ๆ และชะงักไปก่อนจะเอ่ยออกมา “ตอนนี้ใครเป็นคนขับรถล่ะเนี่ย?”

“ฉันขับเองค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

หลังเอ่ยแบบนี้ออกไป เธอก็รู้สึกว่าประกายในดวงตาของแม่สามีดูเปลี่ยนไปมาก

แน่นอนว่าท่านแม่โจวต้องมีสายตาเปลี่ยนไป นางไม่รู้จริง ๆ ว่ามีอะไรที่สะใภ้สี่ทำไม่ได้อีก

ดูนี่สิ หล่อนถึงกับขับรถแบบนี้เป็นแล้ว!

“คุณพ่อ คุณแม่ ปูทะเลตัวใหญ่พวกนี้เอาไว้นึ่งกินนะคะ เราต้องกลับไปทำงานก่อนล่ะค่ะ” หลินชิงเหอไม่อาจทนต่อสายตาของแม่สามีได้จึงเอ่ยขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อนสะใภ้สี่ เอาไก่กลับไปบำรุงร่างกายเธอด้วยสิ แล้วช่วงนี้ฉันก็เก็บไข่ไว้เยอะแยะเลย เอากลับไปทำซุปไข่ลวกกินด้วย” ท่านแม่โจวเอ่ยรัวเร็ว

…………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset