บทที่ 495 จับมือ

บทที่ 495 จับมือ

เมื่อหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋กลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว พวกเขาจึงเตรียมพร้อมจะเข้านอนเช่นกัน

พรุ่งนี้เป็นวันปีใหม่ หลายคนจะมาอวยพรปีใหม่พวกเขา

วันนี้ยังไม่สามารถนับว่าเป็นปีถัดไปได้ แต่หลังจากวันนี้ ก็จะถือได้ว่าเป็นปีใหม่ปี 1984 แล้ว

ในปี 1984 นี้เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีการเพิ่มค่าจ้างให้ พนักงานทุกคนของเธอจะไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือน เนื่องจากค่าแรงที่ให้ไม่ได้ต่ำมากนัก อีกทั้งในปี 1985 จะเกิดการปฏิรูปค่าแรงในประเทศ หลินชิงเหอจึงวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาในเวลานั้น

โจวชิงไป๋ตรวจบัญชีทั้งหมดของปีนี้เสร็จไปตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ตอนนี้เขาจึงมีเวลาว่างมาก

ทั้ง 2 คนไม่ได้หลับไปในทันที พวกเขาคิดถึงเรื่องในอนาคตร่วมกัน จากนั้นถึงได้ผล็อยหลับไป โจวชิงไป๋ยังไม่ลืมที่จะวางมือของตนลงบนท้องของภรรยาและลูบเบา ๆ 2 ครั้ง

เขากำลังเฝ้ารอปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงและลูกสาวตัวน้อยของเขาซึ่งกำลังจะตามมา

ปีหน้าถ้ามีทำเลที่ตั้งดี ๆ อีก เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะซื้อเพิ่มอีกสัก 2-3 แห่ง ซึ่งทั้งหมดเขาจะเก็บไว้ให้เป็นสินเดิมของลูกสาวตัวน้อยของตน

หรือ จะไม่แต่งงานเลยก็ดีเช่นกัน

ตอนกลางดึกด้านนอกเริ่มมีหิมะตกลงมา แต่ได้หยุดไปในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น

เป็นการเริ่มเข้าสู่เช้าวันแรกของปี 1984 อีกด้วย

หลังจากที่ครอบครัวกินอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว หม่าเฉิงหมินก็มาหาพร้อมกับหวงเสี่ยวหลิ่วภรรยาของเขาและหม่าเสี่ยวตั้นผู้เป็นลูกชาย

ส่วนคุณป้าหม่าตอนนี้อยู่กับคุณลุงหม่า โจวชิงไป๋ให้นางหยุดงานไปตั้งแต่วันที่ 15 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติแล้ว ทั้งคู่จึงได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวลูกชายคนโตที่ชายแดน

ครอบครัวลูกชายคนโตของพวกเขาตั้งรกรากอยู่ที่ชายแดนและไม่สามารถขอลาหยุดได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นฝ่ายเดินทางไปเยี่ยมแทน

หลินชิงเหอเตรียมซองอั่งเปาไว้สำหรับหม่าเสี่ยวตั้น ครอบครัวนั่งคุยอยู่สักพักก่อนจะขอตัวไปบ้านญาติของพวกเขาต่อ

หม่าเฉิงหมินเป็นผู้ชายที่ดี แต่หวงเสี่ยวหลิ่วภรรยาของเขากลายเป็นคนเงียบขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ

สาเหตุเนื่องมาจากผู้หญิงปากเสียในชุมชนบางคน พวกหล่อนมักจะพูดจาอย่างไร้ความผิดชอบลับหลังพวกเขา โดยกล่าวว่า หวงเสี่ยวหลิ่วนั้นไม่คู่ควรกับหม่าเฉิงหมินเลย นี่เป็นเพราะหม่าเฉิงหมินต้องออกไปอยู่ในชนบท ไม่เช่นนั้นอย่างหวงเสี่ยวหลิ่วจะสามารถมาเป็นภรรยาหม่าเฉิงหมินได้หรือ?

คุณป้าหม่าเคยได้ยินครั้งหนึ่ง นางถึงกับตรงไปตบหน้าภรรยาสาวผู้นั้นและลากหล่อนไปที่บ้านเพื่อขอคำอธิบาย

ต้องบอกว่านี่เป็นการกระทำที่ดุเดือดมาก ทว่ามันก็ได้ผล ถึงกระนั้นก็ยังมีคำพูดบางคำหลุดลอดมาถึงหูหวงเสี่ยวหลิ่วอยู่ดี

หลินชิงเหอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ที่จริงแล้วเธอไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา

แทบทุกวันที่คุณลุงหม่าจะออกไปขนลากสินค้าเพื่อหารายได้บางส่วน คุณป้าหม่าช่วยงานอยู่ที่ร้านเกี๊ยว หม่าเฉิงหมินก็งานยุ่งมากเช่นกัน หม่าเสี่ยวตั้นก็ต้องไปโรงเรียน

ไม่มีใครอยู่จัดการเรื่องที่บ้านเลย จึงเป็นเรื่องที่ดีมากที่หวงเสี่ยวหลิ่วสามารถอยู่จัดการงานที่บ้านได้

เพียงแต่เมื่อพิจารณาท่าทางของหล่อนแล้ว หลินชิงเหอสังเกตเห็นสัญญาณของความเศร้าซึม เธอจะต้องหาเวลาคุยกับหม่าเฉิงหมินเพื่อที่จะให้เขาช่วยแก้ปมในใจหล่อน

ไม่นานหลังจากนั้น พนักงานคนอื่นก็มาหา พวกเด็ก ๆ ต่างก็ออกไปซ่อนตัวกันอยู่ข้างนอก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทนอยู่กับคนจำนวนมากได้

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ได้ต้อนรับพวกเขาเหล่านั้น

คนกลุ่มหนึ่งมาในตอนเช้าและอีกกลุ่มมาในช่วงบ่าย จากนั้นการต้อนรับก็สิ้นสุดลง

วันนี้พวกเขาไม่ได้ไปกินอาหารที่บ้านท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋เปิดเตาที่ร้านเกี๊ยวและให้โจวกุยหลายไปตามคุณปู่ทูนหัวของเขามาที่นี่ จากนั้นทั้งครอบครัวก็กินหม้อไฟเนื้อแกะร่วมกัน

หลังจากกินเสร็จแล้วหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็ไปดูหนัง พวกเขาต้องซื้อตั๋วเอาไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นคงจะไม่สามารถซื้อมาได้

แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังแออัดอยู่ดี

ร้านเครื่องดื่มของหลินชิงเหอไม่มีวันหยุดต่อให้เป็นวันปีใหม่ แต่จะได้ค่าจ้าง 2 เท่าเป็นการชดเชย เฉิงหยาง เฉิงเยว่และซื่อนีเป็นคนดูแลร้านอยู่ที่นี่

เนื่องจากอากาศหนาวเย็น เครื่องดื่มและไอศกรีมซึ่งได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อนจึงขายได้มาก ร้านเครื่องดื่มจึงเพิ่มสินค้าชนิดอื่นเข้ามา

หลัก ๆ แล้ว ข้าวโพดคั่ว เม็ดแตงโมและถั่วลิสงจะขายหมดทุกวัน สินค้าพวกนี้ก็ขายดีมากเช่นกัน

ในตอนที่หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ออกมาจากโรงหนังก็เป็นเวลาเกือบจะ 3 ทุ่มครึ่ง

เวลานี้ร้านเครื่องดื่มเตรียมจะปิดร้านแล้ว

กังจือและคนอื่นมารับซื่อนีกลับไปก่อน เมื่อใดที่ซื่อนีต้องกลับในเวลากลางคืน กังจือและคนอื่นจะเป็นคนมารับหล่อนกลับไป

เฉิงหยางและเฉิงเยว่ยังอยู่ที่ร้าน พวกเขาสามารถกลับด้วยกันได้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล

หลินชิงเหอทักทายพวกเขาก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับโจวชิงไป๋

“ปีนี้มีร้านเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลยนะคะ” หลินชิงเหอมองไปที่ถนนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาแล้วเอ่ยขึ้น

ในอดีต ร้านเครื่องดื่มเฟื่องฟูอยู่เพียงร้านเดียว อย่างไรก็ตาม มีร้านค้าอื่นเปิดขึ้นมามากมายในปีนี้และธุรกิจก็รุ่งเรืองมาก

โจวชิงไป๋มองไปรอบ ๆ พลางพูดว่า “งั้นหลังปีใหม่เราลองมาดูกันไหมครับว่าที่นี่ยังพอมีร้านเหลืออยู่อีกหรือเปล่าจะได้ซื้อไว้อีกร้านหนึ่ง?”

“ถ้ามีก็เอาสิคะ” หลินชิงเหอเห็นด้วย

ร้านเครื่องดื่มมีกำไรเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ กำไรเพิ่มมากขึ้นทุกเดือนในฤดูร้อน

“เปิดร้านบุหรี่นะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ย

ธุรกิจบุหรี่ดีมาก เขาสังเกตเอาจากผู้ที่ตั้งแผงขายของอยู่ริมถนนและธุรกิจที่มั่นคงของพวกเขา

หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดว่าเขาอยากเปิดร้านบุหรี่จึงถามว่า “ทำไมคุณถึงอยากจะเปิดร้านบุหรี่ล่ะคะ?

“ทำอะไรที่แตกต่างออกไปน่ะครับ” โจวชิงไป๋บอก

ถึงแม้เขาจะไม่สูบบุหรี่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าธุรกิจร้านบุหรี่นั้นไม่เลวเลย

หลินชิงเหอยิ้ม แม้ว่าชิงไป๋ของเธอจะไม่มีความเข้าใจในเรื่องพวกนี้นัก แต่เขาก็รู้ได้ว่าความหลากหลายจะทำให้โครงสร้างทางรายได้ของครอบครัวมีความมั่นคงมากขึ้น

ดังนั้นเธอจึงบอกว่า “ตกลงค่ะ เชื่อฟังหัวหน้าครอบครัวของพวกเรา”

มุมปากของโจวชิงไป๋ยกขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่ภรรยาแล้วกล่าวว่า “ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผม คุณไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้หรอกครับ”

“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอตอบ เธอจะดีใจมากที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

โจวชิงไป๋มองไปรอบ ๆ ในเวลานี้ค่อนข้างจะดึกมากแล้วและไม่มีผู้คนอยู่เลย ดังนั้นเขาจึงเอื้อมไปจับมือภรรยาตน หลินชิงเหอมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ แม้จะเป็นปี 84 และกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูป ผู้คนส่วนใหญ่จะคบหากันเป็นการส่วนตัว

สังคมตอนนี้ยังค่อนข้างจะอนุรักษนิยมอยู่ ชายหญิงน้อยคนนักที่จะจับมือถือแขนกันเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอกด้วยกัน

ด้วยนิสัยของชิงไป๋แล้ว เขาสามารถเป็นฝ่ายเริ่มต้นมาจับมือเธอก่อนได้ด้วยหรือ?

“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีคนเลย” สายตาของโจวชิงไป๋อ่อนโยนขึ้นในขณะที่พูดพร้อมกับมองไปที่ภรรยาของตน

หลินชิงเหอเม้มปากยิ้ม จากนั้นเธอก็เกี่ยวมือเข้ากับนิ้วมือของเขาและกลับบ้านพร้อมกับตาเฒ่าหัวโบราณของเธอ

เธอไม่คิดว่าจะได้เจอกับจางเหมยเหอในตอนที่พวกเขากำลังจะขึ้นบันได

จางเหมยเหอเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดนดูถูกจากผู้คนและสุนัขในบริเวณนี้ไปแล้ว หล่อนมักจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชายที่แต่งงานแล้วเพื่อทำธุรกิจ ซึ่งเป็นสาเหตุให้หญิงอารมณ์ร้ายบางคนอยากจะฉีกร่างหล่อนออกมาเป็นชิ้น ๆ

อย่างไรก็ดี หล่อนแข็งแกร่งและไม่เคยสะดุ้งสะเทือนเลย กระนั้นชื่อเสียงของหล่อนก็เลวร้ายมาก

จางเหมยเหอเห็นสามีและภรรยากำลังจับมือกันอยู่ ไม่ต้องพูดเลยว่าหัวใจของหล่อนรู้สึกอย่างไร มีผู้ชายมากมายในละแวกนี้ที่ต้องการจะหลับนอนกับหล่อน แต่ไม่มีใครเลยที่ต้องการจะแต่งหล่อนเข้าบ้าน

ในขณะที่หลินชิงเหอหญิงจองหองหยิ่งยโสคนนั้นกลับสามารถมีผู้ชายเช่นนี้มารักใคร่ทะนุถนอม!

หลินชิงเหอมีอะไรที่ยอดเยี่ยมนัก? เธอก็แค่มีการศึกษาสูงกว่าและรู้วิธีแต่งตัวนิดหน่อยเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง? แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ว่าเธอก็มาจากชนบทหรอกเหรอ?

……………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset