บทที่ 513 ไม่ทำให้หล่อนมีความสุข

บทที่ 513 ไม่ทำให้หล่อนมีความสุข

ไม่ว่าหล่อนจะพูดอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอม เรื่องนี้ทำให้สวี่เชิ่งเหม่ยทั้งร้อนใจทั้งโกรธ

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเรื่องนี้แค่พูดประโยคเดียวก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย แค่หยุดส่งสินค้าให้น้องชายหล่อน ร้านของเขาก็เปิดต่อไปไม่ได้แล้ว จางเหมยเหลียนจะไม่ไปจากน้องชายหล่อนได้อย่างไร

แต่โจวเอ้อร์นีก็ไม่ฟังและไม่ทำตาม

“เธอกลับไปเถอะ เรื่องนี้รอให้อาสี่กับอาสะใภ้สี่มากินข้าวเที่ยงก่อน แล้วฉันจะบอกกับพวกเขาให้” โจวเอ้อร์นีพูด

“พี่คะ พี่ไม่ได้อยากทำเพื่อเฉียงจือเลยใช่ไหม? เขาเป็นญาติผู้น้องของพี่นะ อาสะใภ้สี่กับอาสี่ปฏิบัติกับเขาอย่างไรพี่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ พี่บอกให้พวกเขารู้ แล้วน้องชายฉันจะทำยังไงคะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

“เรื่องนี้เธอต้องไปจัดการด้วยตัวเอง ถ้าอยากให้ฉันช่วยละก็ ยังไงก็ต้องผ่านอาสี่กับอาสะใภ้สี่ไปก่อน” โจวเอ้อร์นีพูด

หล่อนเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันกับเรื่องที่สวี่เชิ่งเฉียงกับจางเหมยเหลียนคบกัน

อย่างไรก็เป็นจางเหมยเหลียนคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ชุมชนที่นี่รู้กันให้ทั่วแล้วว่าคนบ้านจางเป็นคนอย่างไร มีใครบ้างที่ยังเห็นไม่ชัดเจนอีก?

สวี่เชิ่งเหม่ยขบกรามแน่น แม้จะรู้สึกแค้นใจมาก แต่ตอนนี้จะมีวิธีการไหนได้อีก? หล่อนไม่อาจทนมองให้มันเป็นแบบนี้ได้อีกแล้ว ถ้าต้องให้น้องชายของหล่อนแต่งงานกับจางเหมยเหลียนจริง ๆ หล่อนจะทำอย่างไรดี?

เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน โจวเอ้อร์นีก็มากินข้าวที่นี่พร้อมกับหวังหยวน

หลังจากที่ปลีกตัวออกมาจากคนอื่นได้ โจวเอ้อร์นีก็บอกเรื่องนี้กับอาสี่และอาสะใภ้สี่ของหล่อน

ใบหน้าของหลินชิงเหอแทบไม่แสดงอารมณ์เลยสักนิดเดียว สำหรับคนใจแข็งอย่างเธอ เธอไม่สนใจหรอกว่าสวี่เชิ่งเหม่ยหรือสวี่เชิ่งเฉียงจะเป็นอย่างไร เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับสองพี่น้องคู่นี้ไปแล้ว ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องพูดกันอีก

แต่สีหน้าของโจวชิงไป๋กลับดำคล้ำจนไม่รู้จะดำอย่างไรแล้ว

หลินชิงเหอมองท่าทางของชายคนนี้ ถ้าสวี่เชิ่งเฉียงอยู่ตรงหน้าเขา เด็กคนนี้ก็สมควรถูกเขาตีตายเสียให้เข็ด

“เรื่องนี้คุณต้องเข้ามาจัดการด้วยหรือคะ?” หลินชิงเหอกล่าวตามตรง

โจวชิงไป๋มองภรรยาของตน “ยังไงก็ให้เขาอยู่กับจางเหมยเหลียนไม่ได้”

หลินชิงเหอค้อนตาขาว “คุณอย่าเพิ่งพูดมากได้ไหมคะ” เธอมองไปที่ลูกชายตนและพูดขึ้น “เจ้าสามมานี่”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” โจวกุยหลายขานรับเมื่อมาถึง

“ตอนเที่ยงลูกมีเรียนไหมจ๊ะ” หลินชิงเหอถาม

“มีสองคาบครับ” โจวกุยหลายตอบ

“สองคาบก็สองคาบ พอลูกเรียนเสร็จแล้วค่อยไปหาสวี่เชิ่งเฉียง” หลินชิงเหอพูด

“ไปหาเขาทำไมครับ?” โจวกุยหลายพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับเขา”

แม้ว่าสวี่เชิ่งเฉียงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่โจวกุยหลายกับสวี่เชิ่งเฉียงไม่สนิทกันเลย อีกทั้งหายากมากที่เขาจะพูดคุยกับสวี่เชิ่งเฉียง

“เขาคบกับจางเหมยเหลียนแล้วน่ะสิ” หลินชิงเหอบอก

โจวกุยหลายอึ้ง มองพ่อเขากับโจวเอ้อร์นี หลังจากนั้นก็กลับมามองแม่ของเขาใหม่ “ม้าอย่าบอกนะว่า จางเหมยเหลียนคนนี้คือจางเหมยเหลียนที่อยู่ข้างบ้านพวกเรา?”

“ไม่งั้นม้าจะรบกวนลูกเหรอจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด

“นี่มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย?” โจวกุยหลายพูดขึ้นอย่างรีบเร่ง “แม่ต้องบอกกับผมให้ชัดเจนก่อน ผมถึงจะไปหาเขา”

“ถามพี่เอ้อร์นีของลูกเถอะ” หลินชิงเหอโบกมือ ตอนบ่ายเธอยังมีสอนอีกแล้วงานก็รัดตัวมาก จึงขึ้นไปชั้นสองเตรียมการสอนคาบต่อไปและไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีก

โจวกุยหลายทำความเข้าใจจากโจวเอ้อร์นีอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักก็พูดขึ้น “ผมอยากไปดูจริง ๆ นี่ผมยังไม่รู้เลยว่านี้มันสถานการณ์อะไรกันแน่!” เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายดายอย่างนั้น จางเหมยเหลียนคบกับสวี่เชิ่งเฉียงอย่างไม่มีเหตุผล ถ้าไม่มีเจตนาอะไรจริง ๆ นี้ต้องพึ่งโชคชะตามากขนาดไหนกัน?

เขาแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะแยกพวกนั้นออกจากกันแล้ว

แน่นอนว่าโจวกุยหลายไม่กล้าพูดออกมา ไม่อย่างนั้นพ่อที่ใบหน้าดำทะมึนต้องประทานฝ่ามือให้เขาสักทีเป็นแน่

โจวเอ้อร์นีรู้ที่อยู่ของสวี่เชิ่งเฉียง เพียงถามหวังหยวนก็รู้แล้ว เนื่องจากหวังหยวนเรียกรถให้ไปส่งสินค้าที่นั่น

อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ดังนั้นพอโจวกุยหลายเลิกเรียนเสร็จ เขาก็นั่งรถเมล์ไปที่นั่นด้วยตัวเอง หลังจากถามทางคนแถวนั้น เขาก็มาถึงในที่สุด

แต่พอมาถึงร้านเขาก็มองเห็นแต่จางเหมยเหลียน ส่วนสวี่เชิ่งเฉียงไม่รู้ว่าไปไหน เขาไม่อยู่ที่ร้าน

“ทำ…ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?” จางเหมยเหลียนมองเขาเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในร้าน ใบหน้าก็พลันแข็งค้าง

“แล้วทำไมจะเป็นฉันไม่ได้ล่ะ ฉันไม่ใช่ลูกค้าหรือไง?” โจวกุยหลายแสยะยิ้ม หลังจากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ร้านเอ่ยขึ้น “ร้านไม่เลวเลยนี่ ได้ยินสามีพี่เอ้อร์นีบอกว่ากิจการก็เป็นไปด้วยดีเหมือนกัน”

จางเหมยเหลียนที่ยังคิดจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้พูดขึ้น “นายมาผิดที่แล้วล่ะ ฉันก็ไปเอาสินค้ามาจากทุกที่นั่นแหละ แล้วร้านนี้ก็เป็นของฉันคนเดียวด้วย”

“เลิกปลอมเถอะ ฉันรู้หมดแล้วว่าเธอเปิดร้านนี้กับสวี่เชิ่งเฉียง” โจวกุยหลายพูด

สีหน้าจางเหมยเหลียนซีดเผือด หล่อนยังไม่ตั้งครรภ์ หล่อนจะทำยังไงดี หากบ้านใหญ่โจวยื่นมือมาเองเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว

สวี่เชิ่งเฉียงก็ไม่อาจเปลี่ยนใจบ้านใหญ่โจวฝั่งนั้นได้ ปกป้องหล่อนไม่ไหวแน่

“ระยะห่างจากที่นี่กับที่ชุมชนเล็ก ๆ นั่นไม่ใกล้เลยสักนิด ทั้งยังเลี้ยวลดคดเคี้ยว เธอกับสวี่เชิ่งเฉียงมาเจอกันได้ยังไง?” โจวกุยหลายทำเป็นมองรอบ ๆ ร้าน พร้อมกับถามไปด้วย

สิ่งที่จางเหมยเหลียนอยากจะรู้ก็คือ บ้านใหญ่โจวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะตอนที่หวังหยวนให้คนมาส่งของ หล่อนทำกระทั่งหลบซ่อนตัว เรียกให้สวี่เชิ่งเฉียงออกไปรับของหน้าร้านเอง

ก็เพราะไม่อยากคนทางนั้นรู้ว่าหล่อนกับสวี่เชิ่งเฉียงอยู่ด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้เข้าจนได้

“ฉันกับเฉียงจือเป็นเนื้อคู่กัน ตอนนี้พวกเราสองคนก็อยู่ด้วยกันแล้ว” จางเหมยเหลียนก็พูดขึ้น

โจวกุยหลายหัวเราะ “เธอพูดกับฉันแล้วได้อะไร ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าอยู่กับเธอ ชื่อเสียงของเธอเป็นยังไง เรียกพวกเราสักคนในพื้นที่มาถาม ต้องรู้เรื่องของเธอสักสองสามเรื่องแน่ ดังนั้นเธอคิดว่าการที่เธออยู่กับสวี่เชิ่งเฉียงมันจะมีความหมายอะไรงั้นเหรอ?”

“ตระกูลโจวร่ำรวย แต่ว่าต่อให้มีเงินคิดเหรอว่าจะแยกฉันกับเฉียงจือได้? การที่ฉันอยู่กับเฉียงจือไม่ได้ผิดกฎหมายข้อไหนสักหน่อย แล้วฉันก็ไม่ได้ฆ่าคน ดังนั้นทำไมพวกเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้?” จางเหมยเหลียนพูดอย่างไม่เกรงใจ

โจวกุยหลายพูด “ความประพฤติของเธออย่างไรล่ะ ความสัมพันธ์รัก ๆ ใคร่ ๆ ของเธอมันยุ่งเหยิงไปหมด”

จางเหมยเหลียนยังคงยืนกระต่ายขาเดียวต่อ “นายได้เห็นกับตาตัวเองไหมล่ะ? คำพูดพวกนั้นเป็นคำพูดที่คนอื่นพูดกันปากต่อปากเท่านั้นเอง!”

“สวี่เชิ่งเหม่ยคงรู้จักสินะ? ฉันได้ยินว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์ต่อกันดีมากเลยนี่ ขนาดหล่อนที่สนิทกับเธอยังไม่เห็นด้วยเลย” โจวกุยหลายโบกมือ

“สวี่เชิ่งเหม่ย?” จางเหมยเหลียนนิ่งอึ้ง คล้ายจะจับเค้าลางอะไรบางอย่างได้ จึงขบเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้สวี่เชิ่งเหม่ยเอาไปบอกบ้านใหญ่โจวงั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ” โจวกุยหลายพยักหน้า

จางเหมยเหลียนโกรธแค้นจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว สวี่เชิ่งเหม่ยคงคิดวิธีที่จะแยกหล่อนออกจากสวี่เชิ่งเฉียงเองไม่ได้แล้วสินะ ถึงได้ไปขอกำลังเสริมจากบ้านใหญ่โจว

นี่กะจะไม่ยอมให้หล่อนมีความสุขเลยใช่ไหม!

หล่อนดูแลสวี่เชิ่งเฉียงทั้งทำอาหาร ทั้งย้ายมาอยู่ด้วยกัน แทบจะทุกอย่างที่ภรรยาทำหล่อนก็ทำทั้งหมดแล้ว ทั้งที่เป็นแบบนี้สวี่เชิ่งเหม่ยก็ยังไม่ยอมรับหล่อนอีก หล่อนอยู่กับสวี่เชิ่งเฉียงแล้วแท้ ๆ อีกฝ่ายก็ยังหาวิธีทำลายหล่อนให้ได้

“ฉันว่าบ้านใหญ่โจวอย่ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของหลานชายหลานสาวห่าง ๆ นี่เลยจะดีกว่า!” จางเหมยเหลียนเอ่ยลอดไรฟัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจ้าสามนักเสี้ยมมาแล้วค่ะ คอยดูต่อไปนะคะว่าใครจะโดนแฉ ใครจะเกมโอเวอร์

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset