บทที่ 523 ท้องแฝด

บทที่ 523 ท้องแฝด

หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าเจ้าใหญ่ของตัวเองส่อเค้าลางว่าจะมีวาสนาแล้ว

ช่วงนี้เธอกำลังวิเคราะห์ท้องของโจวเอ้อร์นีอยู่

ส่วนโจวซานนีนั้นเธอจะไปเยี่ยมดูเดือนละครั้ง เผลอครู่เดียวท้องของหล่อนก็โตไม่ใช่น้อยแล้ว คาดว่าน่าจะคลอดในเร็ว ๆ นี้ เพราะท้องของหล่อนดูใหญ่มาก

มีคนกล่าวไว้ว่าคนเราใช้เวลาตั้งครรภ์นาน 10 เดือน แต่ในความเป็นจริง คนที่เคยคลอดลูกมาก่อนจะรู้ว่าเพียง 9 เดือนก็ถึงกำหนดคลอดแล้ว อย่างเร็วที่สุดก็คือ 8 เดือน

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นท้องของโจวซานนีใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอเริ่มรู้สึกแปลกใจกับท้องอันใหญ่โตผิดปกติของโจวเอ้อร์นีแทน

ตรงหน้าเธอคือท้องของคนที่ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนกว่าเท่านั้น แต่ท้องของหล่อนกลับใหญ่พอ ๆ กับท้องของโจวซานนีที่ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนกว่า

หลินชิงเหอเก็บงำความสงสัยอยู่ 2-3 วัน พอถึงตอนบ่ายวันนี้ที่หวังหยวนกับโจวเอ้อร์นีมากินข้าวกลางวันตามปกติ เธอจึงได้แนะนำพวกเขาสองคนไปตรง ๆ “ลองไปตรวจที่โรงพยาบาลดูดีไหมจ๊ะ?”

“รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม” หวังหยวนอึ้งไป ก่อนละล่ำละลักถามภรรยา

โจวเอ้อร์นีส่ายหน้า “นอกจากรู้สึกเหนื่อยง่ายแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีตรงไหนไม่สบายนะคะ”

เพราะว่าตอนนี้ท้องของหล่อนไม่ใช่เล็ก ๆ แล้ว ต่อให้หล่อนอยากทำงานแต่หวังหยวนก็ไม่ให้หล่อนไป และพาหล่อนไปที่โรงงานเสื้อผ้าด้วย เมื่อใดที่หล่อนว่างจึงค่อยให้หล่อนจัดการงานบัญชี

“อาสะใภ้ว่าท้องของเธอใหญ่เกินไปหน่อยนะ” หลินชิงเหอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ต่อให้ไม่เคยกินเนื้อหมูก็ต้องเคยเห็นหมูบ้างล่ะ ท้องนี้ของหล่อนดูเหมือนว่าจะมีความผิดปกติบางอย่างจริง ๆ

“คุณอาเล็กเคยพูดไว้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้คุณอาสะใภ้ก็พูดแบบนี้ด้วยเหรอคะ” โจวเอ้อร์นีตะลึง หลังจากนั้นก็ก้มมองท้องของตัวเองอย่างเป็นกังวล

ก่อนหน้านี้โจวเสี่ยวเหมยก็เคยพูดเรื่องนี้เหมือนกัน มาตอนนี้อาสะใภ้สี่ก็เห็นตรงกันด้วยว่าท้องหล่อนใหญ่เกินไป

“ตอนบ่ายไปตรวจกับหวังหยวนนะ จะได้สบายใจ” หลินชิงเหอเอ่ยปลอบ

หวังหยวนพูด “พอกินเสร็จแล้วผมจะเอ้อร์นีเองตรวจเองครับ”

หลินชิงเหอพยักหน้า ในใจมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เดิมทีเธอยังไม่อยากจะพูด แต่พอเห็นโจวเอ้อร์นีใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้วจึงพูดขึ้น “กังวลอะไรจ๊ะ ไม่คิดว่าน่าจะเป็นข่าวดีเหรอ”

“ข่าวดี?” โจวเอ้อร์นีไม่เข้าใจ

“ท้องใหญ่ขนาดนี้ น่าจะเป็นท้องแฝดนะ?” หลินชิงเหอพูด

หวังหยวนช่วงนี้ยุ่งมาก เดิมทีก็ไม่มีเวลาพักอยู่แล้ว บวกกับสถานการณ์ของโจวเอ้อร์นีก็ดีมาก ๆ ไม่มีอาการผิดปกติตรงไหนเลย แม้แต่แพ้ท้องก็ไม่มี ดังนั้นจึงไม่ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลจนถึงตอนนี้

ดังนั้นพอได้ยินประโยคนี้ หัวใจของหวังหยวนก็เต้นระรัว!

ไม่เพียงเขาเท่านั้น โจวเอ้อร์นีเองก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน คนอื่น ๆ ก็ด้วย

คุณป้าหม่าเห็นแล้วก็เอ่ยพลางหัวเราะ “ป้าเองก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน ท้องใหญ่ขนาดนี้ ป้าดูยังไงก็เหมือนท้องแฝด”

“ถ้าเป็นท้องแฝดจริง ๆ ละก็ พี่รองก็เก่งเกินไปแล้ว” โจวซื่อนีพูดอย่างดีใจ

“ฉันว่ายังไงก็หนีไม่พ้นนะ พี่เอ้อร์นีกินจุมาก” โจวเฉวี่ยนพูด

“ถ้าท้องนี้เป็นครรภ์มังกรหงส์(แฝดหญิงชาย) ครอบครัวพี่จะต้องเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากแน่เลย” โจวกุยหลายพูดพลางพยักหน้า

หวังหยวนหัวเราะ เขามองท้องของภรรยาแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

“คุณอย่าเพิ่งดีใจไปค่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะใช่หรือเปล่า” โจวเอ้อร์นีเหลือบมองเขา

“รีบกิน ๆ กินเสร็จแล้วไปตรวจกันครับ” หวังหยวนพูด

หลังกินเสร็จแล้ว หวังหยวนก็ขับรถพาภรรยาไปตรวจอย่างอดรนทนไม่ไหว พอตรวจเสร็จก็มีผลปรากฏว่าเป็นท้องแฝดอย่างไม่ต้องสงสัย แถมทารกทั้งคู่ยังมีการเจริญเติบโตไม่เลวอีกด้วย

เมื่อหวังหยวนได้ฟังผลตรวจ เขาก็ยิ้มออกมาราวกับคนโง่งม

ตระกูลหวังของเขายังไม่เคยมีแฝดมังกรหงส์มาก่อนเลย อันที่จริงแล้วทางตระกูลโจวเองก็ไม่เคยมีปรากฏเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดว่าความเป็นไปได้อันน้อยนิดนั้นได้มาลงที่โจวเอ้อร์นีพอดี

หลังจากโจวเอ้อร์นีรู้ว่าตัวเองท้องแฝดจริง ๆ ใบหน้าของหล่อนก็แสดงชัดว่าดีใจ หล่อนไม่คิดเลยว่าจะเป็นท้องแฝดจริง ๆ

“ภรรยา คุณต้องระวังหน่อยนะครับรู้หรือเปล่า” หวังหยวนพูดขณะประคองหล่อน

“พอแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ทำมาจากกระเบื้องเคลือบนะคะ” โจวเอ้อร์นียิ้มพลางมองค้อน

เหตุที่ในใจของหล่อนหนักอึ้งราวกับมีหินถ่วงก็เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง ในเมื่อผลออกมาว่าไม่เป็นอะไรก็นับเป็นเรื่องดีแล้ว และต่อให้หล่อนจะดีใจไปกับท้องมังกรหงส์ หล่อนก็รู้ว่าตนเองต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

“ระวังครับ ระวังหน่อย” หวังหยวนพูด

หลังจากนั้นเขาก็ขับรถกลับไปประกาศข่าวดี

เมื่อโจวชิงไป๋ได้ยินว่าเป็นท้องแฝดจริง ๆ เขาก็มองท้องของหลานสาว พลางคิดในใจว่าถ้าเขามีลูกแฝดจะดีสักแค่ไหนนะ?

“หิวไหม?” เขาถามหลานสาว

“นิดหน่อยค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูดอย่างเกรงใจ หล่อนเพิ่งจะกินข้าวก่อนไปตรวจร่างกายไม่นา พอกลับมาก็เริ่มหิวอีกแล้ว

โจวชิงไป๋ต้มข้าวโพดให้หล่อนฝักหนึ่ง และพูดกับหวังหยวน “นายต้องทำโรงอาหารให้ดีขึ้นหน่อย ถ้าไม่มีวัตถุดิบก็ไปเอาที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งได้”

“ครับ” หวังหยวนตอบรับด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็พาโจวเอ้อร์นีไปพักผ่อน

ต่อมาข่าวที่โจวเอ้อร์นีท้องลูกแฝดก็ดังถึงหูบ้านใหญ่โจว

“ฉันว่าแล้ว ท้องหล่อนใหญ่ขนาดนั้นจะต้องเป็นท้องแฝดแน่” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างดีใจ ต่อให้เดาไม่ถูก หล่อนก็คิดว่าก่อนหน้านี้โจวเอ้อร์นีกับหวังหยวนจะต้องจับมือกัน ซึ่งหล่อนเองก็ไม่กล้าพูดออกมาด้วยกลัวว่าพี่สะใภ้สี่จะบอกเรื่องนี้กับโจวเอ้อร์นีไปแล้ว

ท่านแม่โจวก็ดีใจไม่ต่างกัน “ตระกูลโจวของเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลย ยัยเด็กน้อยเอ้อร์นีนี่ไม่เลวจริงๆ !”

ทางตระกูลหวังที่ไม่ค่อยชื่นชอบหลานสาวของนางก็รู้แล้วเช่นกัน หลานสาวของนางช่างใจสู้จริง ๆ ดูสิสามารถท้องแฝดมังกรหงส์ได้ นับได้ว่าต้องยกความดีความชอบให้ตระกูลหวังแล้ว

หวังหยวนโทรศัพท์ไปหาที่บ้าน คุณพ่อหวังได้ยินแล้วก็ดีใจและพูดขึ้น “เป็นท้องแฝดจริง ๆ เหรอ?”

“อะไรนะ ท้องแฝด?” คุณแม่หวังที่กำลังดูทีวีและไม่สนใจโทรศัพท์ของลูกชายคนที่สามอยู่แต่เดิมก็ได้อึ้งไปหลังได้ยินประโยคนั้น

“บ้านเจ้าสามท้องแฝดล่ะ!” คุณพ่อหวังตอบกลับหล่อนประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็เตือนให้ลูกชายดูแลสะใภ้ให้ดีก่อนจะวางสายไป

ในตอนนี้เองคุณแม่หวังก็ถามขึ้น “ท้องลูกแฝดจริง ๆ เหรอคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ ตระกูลของเรายังไม่เคยมีท้องแฝดมาก่อนเลยนะ ผมจะบอกให้เจ้าสามพาภรรยากลับมาอยู่ที่บ้าน 2-3 วัน ถึงตอนนั้นคุณอย่าแสดงสีหน้าไม่ดีใส่หล่อนนะ” ท่านพ่อหวังพูด

คุณแม่หวังข่มใจไว้ ก่อนเอ่ยขึ้น “จะกลับมาก็กลับ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”

จากนั้นหวังหยวนจึงได้พาโจวเอ้อร์นีกลับมา โจวเอ้อร์นีรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบตัวเอง แต่ว่าสิ่งไหนควรกตัญญูก็ควรกตัญญู สิ่งไหนควรเคารพก็ควรเคารพ แต่ไม่ใช่ว่าเอาอกเอาใจเกินไป แม้ว่าหล่อนจะเป็นคนอ่อนโยน แต่หล่อนประจบเอาใจแม่สามีของตัวเองไม่เป็นจริง ๆ

ครั้งนี้พวกเขานำปลิงทะเลและกระเพาะปลาแห้งกลับมาด้วยอย่างละ 2 ชั่ง

พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองของหวังหยวนรู้เรื่องนี้แล้ว พวกหล่อนต่างมองท้องของโจวเอ้อร์ด้วยสายตาอิจฉา

ทุกวันนี้การวางแผนครอบครัวกำลังดำเนินไป การมีลูกมากเกินไปก็นับว่าไม่ดี นอกเสียจากไม่อยากได้กิจการแล้ว

ปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้ การยึดกุมกิจการถือว่าเป็นสิ่งที่เข้มงวดเป็นพิเศษ

แต่ครอบครัวลูกชายคนที่สามกลับได้ลูกแฝด ดังนั้นแล้วจะไม่ให้คนอิจฉาได้ยังไง แม้แต่คุณแม่หวังยังลอบมองท้องของสะใภ้คนที่สามอยู่ 2-3 รอบ

“ดูแลตัวเองดี ๆ ละ” คุณแม่หวังพูดกับหล่อน

“ขอบคุณค่ะคุณแม่” โจวเอ้อร์นีคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะใส่ใจตนด้วย หล่อนนิ่งพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า

ครั้นอยู่ที่บ้านใหญ่ตระกูลหวังได้ 2 วัน หวังหยวนก็พาหล่อนกลับมาที่โรงงานเสื้อผ้าทางนี้แล้ว ซึ่งโจวเอ้อร์นีรู้สึกว่าหล่อนคุ้นชินกับการอยู่บ้านหลังเล็กกับหวังหยวนมากกว่า

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ในที่สุดก็เป็นท้องแฝด ตื่นเต้นไปด้วยเลย ยินดีกับครอบครัวของเอ้อร์นีด้วยนะคะ ได้ลูกสองคนโดยไม่ผิดกฎนโยบายมีลูกคนเดียวในสมัยนั้นด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset