บทที่ 534 เหตุร้ายที่คาดไม่ถึง

บทที่ 534 เหตุร้ายที่คาดไม่ถึง

เพราะพี่ใหญ่ของพวกเขาไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด โจวกุยหลายจึงไม่คิดจะปิดบัง เขาเล่าเรื่องที่สวี่เชิ่งเหม่ยพยายามจะส่งเสริมให้หู่จือคบกับจางเหมยเหลียน สุดท้ายแผนการจับคู่ก็ไม่สำเร็จ จางเหมยเหลียนกลับมาลงเอยกับสวี่เชิ่งเฉียงแทน

โจวข่ายรู้เรื่องจางเหมยเหลียนคนนี้ดี หล่อนคนนี้ตอนแรกยังหมายตาเขาเอาไว้ ต่อมาก็แจ้นไปที่หู่จือ มาตอนนี้กลับได้อยู่กับสวี่เชิ่งเฉียงแล้ว

“ตอนนี้ป๊าไม่สนใจเรื่องของพวกเขาสองพี่น้องแล้วล่ะ” โจวกุยหลายพูด

โจวข่ายไม่พูดอะไร ตระกูลสวี่กับตระกูลจางกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงอีก แถมเมื่อก่อนตระกูลจางเคยทำร้ายคุณปู่ทูนหัวของพวกเขาไม่น้อยด้วย

หลังกินข้าวเสร็จ โจวข่ายก็กลับบ้านไปพักผ่อน การเดินทางกลับมาทำให้คนเหน็ดเหนื่อยได้เช่นกัน เขากลับมาถึงไม่นานก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

โจวเฉวี่ยน โจวกุยหลาย และกังจือยังคงอยู่ดูแลร้านต่อ ครั้นถึงประมาณหกโมงกว่า หู่จือก็กลับมาถึง

กังจือนำอาหารออกมาอุ่นให้เขากินทั้งหมด

“พวกนายกินกันเสร็จหมดแล้วเหรอ?” หู่จือพูด

“พี่ข่ายกลับมาแล้ว วันนี้ก็เลยกินเร็วหน่อย ของพวกนี้คงจะพอให้พี่กินนะครับ” กังจือพูด

เกี๊ยวชามใหญ่ที่ภายในมีเนื้อหมูเนื้อไก่โรยด้วยพริกไทย กินด้วยกันกับหมั่นโถว 4 ลูก ลงท้องอย่างไรก็ต้องอิ่มแล้ว

หู่จือยืนยันได้ว่าตนหิวจริง ๆ เขากินทุกอย่างจนหมดและพูดอย่างพอใจ “อร่อยจริง ๆ”

หากเอามาเพิ่มอีก เขาก็ยังสามารถกินเข้าไปได้เช่นกัน

“กิจการเป็นยังไงบ้างครับ? เหลือเสื้อไม่เท่าไหร่แล้วสินะครับ” โจวเฉวี่ยนถาม

“ดีมากเลย” หู่จือพยักหน้าพูด

ปลายปีสุดท้ายนี้เสื้อโค้ตยังเป็นสิ่งที่ขายดีมาก ๆ ทีเดียว ในหนึ่งวันเขาสามารถขายได้ 7-8 ตัวตลอด มีอยู่หลายวันขายได้ 10 กว่าตัวก็มี

เดือนนี้ก็น่าจะทำกำไรได้ 200-300 หยวนโดยไม่มีปัญหาอะไร เยอะกว่านั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

ตอนนี้หู่จือมีกำลังใจทำงานมากในทุกวัน แม้จะเป็นวันที่หิมะตกหนัก แผงลอยของเขาก็ยังตั้งต่อไปได้

“แล้วเมื่อไหร่จะมีวันหยุดให้ตัวเองล่ะครับเนี่ย” โจวกุยหลายถาม “สามีของพี่เอ้อร์นีบอกว่าจะพาไปแช่บ่อน้ำร้อนน่ะครับ”

“พวกนายไปเถอะ” หู่จือส่ายหน้า

คุณน้าสะใภ้เขาบอกกับเขาแล้วว่าน้าเล็กของเขาต้องเสียเงิน 2,000 หยวนในการย้ายทะเบียนบ้าน เขาเองก็ต้องการย้ายทะเบียนบ้านตัวเองเหมือนกัน ซึ่งราคานี้ไม่ใช่ถูก ๆ เลย ดังนั้นในตอนนี้เขาไม่ควรต้องสู้หรือ?

ถือโอกาสปลายปีนี้สู้ขึ้นมาอีกนิด

เดิมทีเขายังเคยคิดจะกลับไปตอนนี้ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าจะรอให้ถึงวันที่ 25 เดือน 12 ตามปฏิทินจีนก่อนแล้วค่อยกลับไป ตั๋วรถไฟก็จองเอาไว้แล้ว ไม่เพียงเขาเท่านั้น เฉินซานซานก็จะกลับไปพบหน้าพ่อแม่เขาด้วยเช่นกัน

เห็นท่าทางของเขาแล้ว โจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็ไม่ได้พูดต่อ “เก็บของเตรียมกลับไปแล้วสินะครับ”

ร้านค้าในตอนนี้ไม่มีอะไรให้ขายแล้ว พวกเขาจึงไม่เปิดร้านต่อ เหล่าวัยรุ่นช่วยกันปิดร้านหลังจากนั้นก็กลับบ้านไป

หู่จือไม่ได้กลับ แต่ไปหาเฉินซานซาน หลังยุ่งมาแล้วทั้งวันเขาก็อยากจะไปคุยกับเฉินซานซานเสียหน่อย

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ดูหนังเสร็จแล้วจึงได้เดินออกมาดูร้านขายบุหรี่

ร้านขายบุหรี่นี้มีพนักงาน 2 คน ซึ่งเป็นคนที่หม่าเฉิงหมินรับสมัครเข้ามา พวกเขาทั้งสองล้วนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดบางอย่าง แต่หลินชิงเหอไม่สนใจ ขอเพียงได้คนที่สามารถใช้งานได้นั่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว

กิจการร้านขายบุหรี่นับว่าไม่เลวเลย หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋แวะมาดูครู่เดียวก็ไปดูร้านขายน้ำต่อ

ทุกปีที่ฤดูหนาวมาถึง กิจการร้านขายน้ำจะเงียบเหงา แต่พวกของทานเล่นเหล่านี้จะขายดีมาก แล้วหลินชิงเหอก็ซื้อเม็ดแตงรสพะโล้กลับมา 1 ชั่ง

ระหว่างเดินทางกลับบ้านเธอก็แทะกินไปพลางพูดขึ้น “ภาพยนตร์ตอนนี้ยิ่งทำก็ยิ่งสนุกนะคะ”

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับหนึ่งเสียง ยืนยันกับเธอว่าสนุกจริง หนังสมัยนี้เริ่มใจกล้ามากขึ้น เรื่องที่ดูเมื่อครู่มีฉากจูบจริงแล้วด้วย

เป็นเวลาสองทุ่มกว่าที่สองสามีภรรยาเดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับแทะเม็ดแตงไปด้วย โจวข่ายปิดประตูเข้านอนแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“อากาศหนาวแบบนี้ยังกล้ากินไอศกรีมอยู่อีกเหรอ?” หลินชิงเหอจ้องเขม็งขณะพูด

“แท่งเดียวเองครับแม่” โจวกุยหลายพูด

“เป็นหวัดแล้วอย่าหาแม่แล้วกัน!” หลินชิงเหอลั่นวาจา

“ผมอ่อนแอแบบนั้นซะที่ไหนกันครับ กินไอศกรีมแท่งเดียวแล้วเป็นหวัดเนี่ย แล้วมันก็ไม่ได้ทำมาจากน้ำด้วย” โจวกุยหลายพูด

“หู่จือล่ะ?” หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋นั่งลงแล้วจึงเอ่ยถาม

“เดินทอดน่องอยู่กับพี่ซานซานข้างนอกน่ะครับ” โจวกุยหลายตอบ

พอเขาเพิ่งพูดจบ หู่จือก็กลับมาถึงพอดี

“กลับมาแล้วเหรอพี่ แม่ผมกำลังถามถึงเลย” โจวกุยหลายพูด

หู่จือหัวเราะ “เมื่อกี้ด้านนอกหิมะตกน่ะ ก็เลยเดินช้าไปหน่อย”

“ต้องเดินช้าหน่อยเนี่ยแหละจ้ะ ถึงจะได้อยู่ด้วยกันจนหัวหงอกหัวขาว” หลินชิงเหอพูดต่ออีกประโยคหนึ่ง

ใบหน้าของหู่จือแดงขึ้นอย่างฉับพลัน โจวกุยหลายหัวเราะร่าออกมาจนโจวเฉวี่ยนพูดขึ้น “เบาหน่อย พี่ใหญ่กำลังนอนอยู่”

โจวกุยหลายเบาเสียงลงขณะพูดต่อ “ปีนี้พี่เอ้อร์นีก็แต่งงานแล้ว ปีหน้าพี่หู่จือจะแต่งงานกับพี่ซานซานเลยไหม? เดี๋ยวกลับไปปีนี้พี่ก็จดทะเบียนสมรส แล้วจัดโต๊ะสองสามโต๊ะ พอกลับมาก็จัดอีกสองโต๊ะพอ”

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋หันไปมองหู่จือ

“ฟังดูก็ไม่เลวนะ ไปกลับรอบหนึ่งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พี่ไม่ได้วางแผนว่าจะแต่งพี่สะใภ้เร็ว ๆ หรือครับ” กังจือพูด

“ยังเร็วเกินไปหน่อยน่ะ” หู่จือส่ายหน้า

แม้จะสามารถแต่งงานได้แล้ว แต่หู่จือก็ไม่ได้คิดว่าจะแต่งเร็วถึงเพียงนั้น ตอนนี้เขายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ถ้าซานซานแต่งงานกับเขาแล้วหล่อนก็ต้องมาเช่าห้องอยู่กับเขา ต่อให้ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาก็อยากจะซื้อบ้านที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยจัดงานแต่งงาน

ตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนมากเช่นกัน รอสักพักแล้วเขาจะพาหล่อนกลับไปที่บ้านของเขาเพื่อพูดเรื่องนี้อีกครั้ง

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ในใจของหลินชิงเหอคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะแต่งงานตอนนี้ ดังนั้นรออีกหน่อยเถอะ

เขายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่ทะเบียนบ้านที่ปักกิ่งเขายังให้ซานซานไม่ได้เลย

แน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้เขาจะนำทะเบียนบ้านมาด้วย ถึงตอนนั้นก็ย้ายบ้านได้ไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องเงินที่ไม่อาจขาดหรือเกินได้ หากสามารถย้ายได้สำเร็จย่อมเป็นเรื่องดี

และถือว่าเป็นการเหนื่อยเพื่ออนาคตข้างหน้าเช่นกัน

พวกเขาดูทีวีสักพัก หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็ขอตัวกลับห้องนอน โจวชิงไป๋หยิบสมุดบัญชีและเริ่มจดบันทึก

หลินชิงเหอถือส้มลูกหนึ่งมาแกะกินและเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ค่อยคิดบัญชีก็ได้ค่ะ นี่ดึกแล้วนะคะ”

โจวชิงไป๋มองเธอแวบหนึ่งและเลิกคิ้ว

“อะแฮ่ม ถ้างั้นเชิญคุณคิดบัญชีต่อเถอะค่ะ” หลินชิงเหอเห็นนัยน์ตาของเขาจึงพูดแบบนี้ออกมา

โจวชิงไป๋ส่งเสียงหัวเราะในลำคอแล้วเริ่มคิดบัญชี หลังจากคิดบัญชีของร้านค้าทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาจึงขึ้นเตียงและกอดภรรยานอนหลับไป

หลินชิงเหอไม่ได้วางแผนว่าจะกลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่นี้ แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง วันต่อมาโจวเสี่ยวเหมยก็มาหาเธอ

“พี่สะใภ้สี่ ฉันเกรงว่าพี่กับพี่สี่ต้องกลับไปแล้วล่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด

“หืม?” หลินชิงเหอนิ่งไปสักพัก แล้วมองไปที่หล่อน

“พี่สามที่อยู่ทางนั้นโทรมาบอกว่าเจ้าของร้านที่อยู่ติดกับร้านซาลาเปาเล็ก ๆ เอาเรื่องมาเล่าให้ฟัง เขาบอกว่าน้องสามของพี่ฝากมาบอกว่าอาการของคุณป้าหลินดูท่าจะไม่ดีแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด

หลินชิงเหอขมวดคิ้ว “น้องสามฉันบอกว่าพวกเขาสองสามีภรรยาร่างกายแข็งแรงดีนี่”

อย่าคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลหลินแล้วจะมีความผูกพันกับท่านพ่อท่านแม่หลินอะไรนั่น เธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิด ตัดขาดแล้วก็คือตัด เมื่อก่อนตอนที่โจวชิงไป๋ได้รับบาดเจ็บกลับมา เธอได้ลองกลับไปทดสอบพวกเขาแล้ว ในเมื่อพวกเขาไร้ไมตรีขนาดนั้นได้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องไว้ไมตรีเช่นกัน

ทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง!

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ็นดูหู่จือจังเลยค่ะ ตั้งใจขยันทำงานเพื่ออนาคตมากเลย

เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่หลิน แล้วชิงเหอจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อ ติดตามตอนหน้าค่ะ

ไหหม่า(海馬)

บทที่ 534 เหตุร้ายที่คาดไม่ถึง

เพราะพี่ใหญ่ของพวกเขาไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด โจวกุยหลายจึงไม่คิดจะปิดบัง เขาเล่าเรื่องที่สวี่เชิ่งเหม่ยพยายามจะส่งเสริมให้หู่จือคบกับจางเหมยเหลียน สุดท้ายแผนการจับคู่ก็ไม่สำเร็จ จางเหมยเหลียนกลับมาลงเอยกับสวี่เชิ่งเฉียงแทน

โจวข่ายรู้เรื่องจางเหมยเหลียนคนนี้ดี หล่อนคนนี้ตอนแรกยังหมายตาเขาเอาไว้ ต่อมาก็แจ้นไปที่หู่จือ มาตอนนี้กลับได้อยู่กับสวี่เชิ่งเฉียงแล้ว

“ตอนนี้ป๊าไม่สนใจเรื่องของพวกเขาสองพี่น้องแล้วล่ะ” โจวกุยหลายพูด

โจวข่ายไม่พูดอะไร ตระกูลสวี่กับตระกูลจางกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงอีก แถมเมื่อก่อนตระกูลจางเคยทำร้ายคุณปู่ทูนหัวของพวกเขาไม่น้อยด้วย

หลังกินข้าวเสร็จ โจวข่ายก็กลับบ้านไปพักผ่อน การเดินทางกลับมาทำให้คนเหน็ดเหนื่อยได้เช่นกัน เขากลับมาถึงไม่นานก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

โจวเฉวี่ยน โจวกุยหลาย และกังจือยังคงอยู่ดูแลร้านต่อ ครั้นถึงประมาณหกโมงกว่า หู่จือก็กลับมาถึง

กังจือนำอาหารออกมาอุ่นให้เขากินทั้งหมด

“พวกนายกินกันเสร็จหมดแล้วเหรอ?” หู่จือพูด

“พี่ข่ายกลับมาแล้ว วันนี้ก็เลยกินเร็วหน่อย ของพวกนี้คงจะพอให้พี่กินนะครับ” กังจือพูด

เกี๊ยวชามใหญ่ที่ภายในมีเนื้อหมูเนื้อไก่โรยด้วยพริกไทย กินด้วยกันกับหมั่นโถว 4 ลูก ลงท้องอย่างไรก็ต้องอิ่มแล้ว

หู่จือยืนยันได้ว่าตนหิวจริง ๆ เขากินทุกอย่างจนหมดและพูดอย่างพอใจ “อร่อยจริง ๆ”

หากเอามาเพิ่มอีก เขาก็ยังสามารถกินเข้าไปได้เช่นกัน

“กิจการเป็นยังไงบ้างครับ? เหลือเสื้อไม่เท่าไหร่แล้วสินะครับ” โจวเฉวี่ยนถาม

“ดีมากเลย” หู่จือพยักหน้าพูด

ปลายปีสุดท้ายนี้เสื้อโค้ตยังเป็นสิ่งที่ขายดีมาก ๆ ทีเดียว ในหนึ่งวันเขาสามารถขายได้ 7-8 ตัวตลอด มีอยู่หลายวันขายได้ 10 กว่าตัวก็มี

เดือนนี้ก็น่าจะทำกำไรได้ 200-300 หยวนโดยไม่มีปัญหาอะไร เยอะกว่านั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

ตอนนี้หู่จือมีกำลังใจทำงานมากในทุกวัน แม้จะเป็นวันที่หิมะตกหนัก แผงลอยของเขาก็ยังตั้งต่อไปได้

“แล้วเมื่อไหร่จะมีวันหยุดให้ตัวเองล่ะครับเนี่ย” โจวกุยหลายถาม “สามีของพี่เอ้อร์นีบอกว่าจะพาไปแช่บ่อน้ำร้อนน่ะครับ”

“พวกนายไปเถอะ” หู่จือส่ายหน้า

คุณน้าสะใภ้เขาบอกกับเขาแล้วว่าน้าเล็กของเขาต้องเสียเงิน 2,000 หยวนในการย้ายทะเบียนบ้าน เขาเองก็ต้องการย้ายทะเบียนบ้านตัวเองเหมือนกัน ซึ่งราคานี้ไม่ใช่ถูก ๆ เลย ดังนั้นในตอนนี้เขาไม่ควรต้องสู้หรือ?

ถือโอกาสปลายปีนี้สู้ขึ้นมาอีกนิด

เดิมทีเขายังเคยคิดจะกลับไปตอนนี้ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าจะรอให้ถึงวันที่ 25 เดือน 12 ตามปฏิทินจีนก่อนแล้วค่อยกลับไป ตั๋วรถไฟก็จองเอาไว้แล้ว ไม่เพียงเขาเท่านั้น เฉินซานซานก็จะกลับไปพบหน้าพ่อแม่เขาด้วยเช่นกัน

เห็นท่าทางของเขาแล้ว โจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็ไม่ได้พูดต่อ “เก็บของเตรียมกลับไปแล้วสินะครับ”

ร้านค้าในตอนนี้ไม่มีอะไรให้ขายแล้ว พวกเขาจึงไม่เปิดร้านต่อ เหล่าวัยรุ่นช่วยกันปิดร้านหลังจากนั้นก็กลับบ้านไป

หู่จือไม่ได้กลับ แต่ไปหาเฉินซานซาน หลังยุ่งมาแล้วทั้งวันเขาก็อยากจะไปคุยกับเฉินซานซานเสียหน่อย

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ดูหนังเสร็จแล้วจึงได้เดินออกมาดูร้านขายบุหรี่

ร้านขายบุหรี่นี้มีพนักงาน 2 คน ซึ่งเป็นคนที่หม่าเฉิงหมินรับสมัครเข้ามา พวกเขาทั้งสองล้วนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดบางอย่าง แต่หลินชิงเหอไม่สนใจ ขอเพียงได้คนที่สามารถใช้งานได้นั่นก็ไม่มีปัญหาแล้ว

กิจการร้านขายบุหรี่นับว่าไม่เลวเลย หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋แวะมาดูครู่เดียวก็ไปดูร้านขายน้ำต่อ

ทุกปีที่ฤดูหนาวมาถึง กิจการร้านขายน้ำจะเงียบเหงา แต่พวกของทานเล่นเหล่านี้จะขายดีมาก แล้วหลินชิงเหอก็ซื้อเม็ดแตงรสพะโล้กลับมา 1 ชั่ง

ระหว่างเดินทางกลับบ้านเธอก็แทะกินไปพลางพูดขึ้น “ภาพยนตร์ตอนนี้ยิ่งทำก็ยิ่งสนุกนะคะ”

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับหนึ่งเสียง ยืนยันกับเธอว่าสนุกจริง หนังสมัยนี้เริ่มใจกล้ามากขึ้น เรื่องที่ดูเมื่อครู่มีฉากจูบจริงแล้วด้วย

เป็นเวลาสองทุ่มกว่าที่สองสามีภรรยาเดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับแทะเม็ดแตงไปด้วย โจวข่ายปิดประตูเข้านอนแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“อากาศหนาวแบบนี้ยังกล้ากินไอศกรีมอยู่อีกเหรอ?” หลินชิงเหอจ้องเขม็งขณะพูด

“แท่งเดียวเองครับแม่” โจวกุยหลายพูด

“เป็นหวัดแล้วอย่าหาแม่แล้วกัน!” หลินชิงเหอลั่นวาจา

“ผมอ่อนแอแบบนั้นซะที่ไหนกันครับ กินไอศกรีมแท่งเดียวแล้วเป็นหวัดเนี่ย แล้วมันก็ไม่ได้ทำมาจากน้ำด้วย” โจวกุยหลายพูด

“หู่จือล่ะ?” หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋นั่งลงแล้วจึงเอ่ยถาม

“เดินทอดน่องอยู่กับพี่ซานซานข้างนอกน่ะครับ” โจวกุยหลายตอบ

พอเขาเพิ่งพูดจบ หู่จือก็กลับมาถึงพอดี

“กลับมาแล้วเหรอพี่ แม่ผมกำลังถามถึงเลย” โจวกุยหลายพูด

หู่จือหัวเราะ “เมื่อกี้ด้านนอกหิมะตกน่ะ ก็เลยเดินช้าไปหน่อย”

“ต้องเดินช้าหน่อยเนี่ยแหละจ้ะ ถึงจะได้อยู่ด้วยกันจนหัวหงอกหัวขาว” หลินชิงเหอพูดต่ออีกประโยคหนึ่ง

ใบหน้าของหู่จือแดงขึ้นอย่างฉับพลัน โจวกุยหลายหัวเราะร่าออกมาจนโจวเฉวี่ยนพูดขึ้น “เบาหน่อย พี่ใหญ่กำลังนอนอยู่”

โจวกุยหลายเบาเสียงลงขณะพูดต่อ “ปีนี้พี่เอ้อร์นีก็แต่งงานแล้ว ปีหน้าพี่หู่จือจะแต่งงานกับพี่ซานซานเลยไหม? เดี๋ยวกลับไปปีนี้พี่ก็จดทะเบียนสมรส แล้วจัดโต๊ะสองสามโต๊ะ พอกลับมาก็จัดอีกสองโต๊ะพอ”

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋หันไปมองหู่จือ

“ฟังดูก็ไม่เลวนะ ไปกลับรอบหนึ่งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พี่ไม่ได้วางแผนว่าจะแต่งพี่สะใภ้เร็ว ๆ หรือครับ” กังจือพูด

“ยังเร็วเกินไปหน่อยน่ะ” หู่จือส่ายหน้า

แม้จะสามารถแต่งงานได้แล้ว แต่หู่จือก็ไม่ได้คิดว่าจะแต่งเร็วถึงเพียงนั้น ตอนนี้เขายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ถ้าซานซานแต่งงานกับเขาแล้วหล่อนก็ต้องมาเช่าห้องอยู่กับเขา ต่อให้ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาก็อยากจะซื้อบ้านที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยจัดงานแต่งงาน

ตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนมากเช่นกัน รอสักพักแล้วเขาจะพาหล่อนกลับไปที่บ้านของเขาเพื่อพูดเรื่องนี้อีกครั้ง

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ในใจของหลินชิงเหอคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะแต่งงานตอนนี้ ดังนั้นรออีกหน่อยเถอะ

เขายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่ทะเบียนบ้านที่ปักกิ่งเขายังให้ซานซานไม่ได้เลย

แน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้เขาจะนำทะเบียนบ้านมาด้วย ถึงตอนนั้นก็ย้ายบ้านได้ไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องเงินที่ไม่อาจขาดหรือเกินได้ หากสามารถย้ายได้สำเร็จย่อมเป็นเรื่องดี

และถือว่าเป็นการเหนื่อยเพื่ออนาคตข้างหน้าเช่นกัน

พวกเขาดูทีวีสักพัก หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็ขอตัวกลับห้องนอน โจวชิงไป๋หยิบสมุดบัญชีและเริ่มจดบันทึก

หลินชิงเหอถือส้มลูกหนึ่งมาแกะกินและเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ค่อยคิดบัญชีก็ได้ค่ะ นี่ดึกแล้วนะคะ”

โจวชิงไป๋มองเธอแวบหนึ่งและเลิกคิ้ว

“อะแฮ่ม ถ้างั้นเชิญคุณคิดบัญชีต่อเถอะค่ะ” หลินชิงเหอเห็นนัยน์ตาของเขาจึงพูดแบบนี้ออกมา

โจวชิงไป๋ส่งเสียงหัวเราะในลำคอแล้วเริ่มคิดบัญชี หลังจากคิดบัญชีของร้านค้าทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาจึงขึ้นเตียงและกอดภรรยานอนหลับไป

หลินชิงเหอไม่ได้วางแผนว่าจะกลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่นี้ แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง วันต่อมาโจวเสี่ยวเหมยก็มาหาเธอ

“พี่สะใภ้สี่ ฉันเกรงว่าพี่กับพี่สี่ต้องกลับไปแล้วล่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด

“หืม?” หลินชิงเหอนิ่งไปสักพัก แล้วมองไปที่หล่อน

“พี่สามที่อยู่ทางนั้นโทรมาบอกว่าเจ้าของร้านที่อยู่ติดกับร้านซาลาเปาเล็ก ๆ เอาเรื่องมาเล่าให้ฟัง เขาบอกว่าน้องสามของพี่ฝากมาบอกว่าอาการของคุณป้าหลินดูท่าจะไม่ดีแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยพูด

หลินชิงเหอขมวดคิ้ว “น้องสามฉันบอกว่าพวกเขาสองสามีภรรยาร่างกายแข็งแรงดีนี่”

อย่าคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลหลินแล้วจะมีความผูกพันกับท่านพ่อท่านแม่หลินอะไรนั่น เธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิด ตัดขาดแล้วก็คือตัด เมื่อก่อนตอนที่โจวชิงไป๋ได้รับบาดเจ็บกลับมา เธอได้ลองกลับไปทดสอบพวกเขาแล้ว ในเมื่อพวกเขาไร้ไมตรีขนาดนั้นได้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องไว้ไมตรีเช่นกัน

ทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง!

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ็นดูหู่จือจังเลยค่ะ ตั้งใจขยันทำงานเพื่ออนาคตมากเลย

เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่หลิน แล้วชิงเหอจะตัดสินใจทำอย่างไรต่อ ติดตามตอนหน้าค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset