บทที่ 536 อาหารปลอดสารพิษ

บทที่ 536 อาหารปลอดสารพิษ

“น้องรองจะพูดตอนนี้เพื่ออะไรคะ” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

นี่มันตอนช่วงเวลาไหน ถ้าอยากจะถามเรื่องซานนีก็ควรจะรอให้เสร็จงานของท่านแม่หลินก่อนสิ ถึงค่อยถาม

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอพูด “ซานนีกับอ้ายกั๋วสบายดีมาก ที่นั้นคนเยอะก็ยิ่งคึกคักน่ะค่ะ”

“ดีแล้ว ๆ” พี่ชายรองยิ้ม

หลินชิงเหอมองพี่ชายรองด้วยความรู้สึกเห็นใจบางอย่าง บอกตามตรงว่าพี่รองโจวไม่ใช่คนที่แย่เลย บรรดาพี่ชายของโจวชิงไป๋มีนิสัยไม่ต่างกัน คือค่อนข้างเป็นผู้ชายที่เชื่อฟังภรรยา

หากได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีชีวิตก็จะดีขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าโชคร้ายได้คู่ชีวิตไม่ดี ก็จะต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต

“พี่รองไม่คิดอยากจะสร้างอาชีพเสริมเหรอคะ” หลินชิงเหอถาม

“ปีหน้าต้องทำบ้านน่ะ ถึงตอนนั้นเงินก็คงเอาไปทำบ้านใหม่หมดแล้ว” พี่ชายรองตอบพร้อมกับส่ายหน้า

ครอบครัวเขาคิดแต่จะทำบ้านใหม่ ดังนั้นปีหน้าคงไม่มีเงินไปทำอาชีพเสริมอื่นแล้ว

หลินชิงเหอก็ไม่ได้ว่าอะไร “ไม่ต้องห่วงเรื่องอ้ายกั๋วกับซานนีนะคะ เพียงแค่ทั้งสองเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างง่าย ๆ เหมือนกัน”

“พี่รู้ แค่ให้พวกเขาสองคนกับลูกของพวกเขามีชีวิตที่ดีก็พอ ไม่ต้องสนใจครอบครัวทางนี้หรอก” พี่รองโจวพยักหน้า

ในใจหลินชิงเหออยากจะให้ซานนีสนใจครอบครัวทางนี้บ้าง แต่ซานนีก็คงไม่สนใจ แม้การกลับมาครั้งนี้จะค่อนข้างรีบร้อน แต่ซานนีที่ไปปักกิ่งนานขนาดนั้นก็ไม่เคยพูดถึงบ้านทางแม่ให้ได้ยินเลย และเห็นได้ว่าหล่อนไม่เหลือความรู้สึกดี ๆ กับบ้านทางแม่ของตนแล้ว

“เซี่ยเซี่ยเป็นยังไงบ้างครับ?” โจวชิงไป๋ถาม

“เซี่ยเซี่ยสบายดี กำลังคบหาอยู่กับลูกสาวของอาจารย์เขา เพียงแต่บ้านเราเก่าเกินไปจึงไม่ได้พากลับมา รอให้ถึงปีหน้าค่อยว่ากัน” พี่รองโจวพูดถึงลูกชายคนโตขึ้นมาก็พูดพร้อมรอยยิ้ม

โจวชิงไป๋พยักหน้า “ให้เขาทำงานดี ๆ ต่อไปก็ทำเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปพวกนั้นขาย กิจการของเขาคงไม่แย่นักหรอกครับ”

“ให้เซี่ยเซี่ยไปถามโรงเรียนพวกนั้นดูว่าเขาสามารถร่วมงานกับทางโรงเรียนได้หรือไม่นะคะ มีโรงเรียนไม่น้อยที่ต้องการเปลี่ยนโต๊ะและเก้าอี้ใหม่ นี่ก็เป็นอีกช่องทางการขายเช่นกันค่ะ” หลินชิงเหอเปิดปากพูด

“ดี ๆ รอเซี่ยเซี่ยกลับมาแล้วพี่จะบอกเขานะ” พี่รองรีบเอ่ยปาก

เขาไม่ได้นั่งอยู่นาน จากนั้นก็กลับไป

พี่สะใภ้ใหญ่โจวถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “แฟนของเซี่ยเซี่ยคนนี้ค่อนข้างอารมณ์รุนแรงทีเดียว”

“ทำไมหรือคะ?” หลินชิงเหอถาม

“ครั้งก่อนหล่อนเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันหล่อนก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว” พี่สะใภ้ใหญ่โจวพูด

เหมือนกับลูกเขยจากเมืองหลวงของพี่สาวใหญ่ไม่มีผิด

หลินชิงเหอพูด “ทำไมพี่รองดูเหมือนจะพอใจหล่อนมากเลยนะคะ?”

“ไม่ใช่แค่เขาที่พอใจนะ แม่ของเซี่ยเซี่ยก็พอใจจนแทบทนไม่ไหว ลูกชายบ้านนอกจะได้แต่งงานกับสะใภ้สาวในเมือง มีคนไม่น้อยแอบหัวเราะเยาะหล่อนลับหลัง” พี่สะใภ้ใหญ่โจวพูด

สะใภ้สาวจากในเมืองดูถูกครอบครัวของหล่อน แต่สะใภ้รองโจวกลับไม่สนใจสักนิด โจวเซี่ยกลับมาที่นี่ทุกเดือน ทุกครั้งที่กลับหล่อนก็จะทำของดี ๆ เตรียมไว้ให้ด้วย บอกว่าทำเพื่อว่าที่สะใภ้ในอนาคต

หล่อนดูกระตือรือร้นและหวังว่าโจวเซี่ยจะสามารถพาคนกลับมาแต่งงานได้

หลินชิงเหอได้ฟังก็เข้าใจแล้วทุกอย่าง นี่ก็เพราะว่าหญิงสาวคนนี้เป็นสาวชาวกรุง หล่อนจะพยายามประจบก็ไม่แปลก ถ้าลูกชายได้แต่งงานกับสะใภ้ในเมือง หล่อนจะได้หน้าขนาดไหน? ดังนั้นสะใภ้รองโจวถึงได้ยกยอหล่อนเหลือเกิน

“เป็นของสิ่งหนึ่งที่กดอีกสิ่งหนึ่งให้ต่ำลง*จริง ๆ” หลินชิงเหอพูดอย่างอดไม่อยู่

*มีของหรือคนสามารถกำราบของหรือคนได้แล้ว

โจวชิงไป๋จนใจ พี่ชายใหญ่รู้สึกขำ ส่วนสะใภ้ใหญ่หัวเราะพลางพูด “ไม่ใช่น้ำเกลือเหนือเต้าหู้(1)หรือคะ? ปากก็เอาแต่เรียกสะใภ้ใหญ่ของฉัน ๆ เรียกจนชินปากไปแล้ว”

หลินชิงเหอพูด “ดูเหมือนต่อไปเซี่ยเซี่ยก็น่าจะไปอยู่ในเมืองแล้วนะคะ”

“อยู่ในเมืองก็สมควรแล้ว ไป ๆ กลับ ๆ ทางนี้ไม่ค่อยสะดวกหรอก” พี่ใหญ่โจวพูด

“แม่ของเขาก็บอกเหมือนกันว่าถ้าเขาไม่มีเรื่องอะไรก็กลับมาน้อย ๆ หน่อย แต่ว่าเซี่ยเซี่ยเด็กคนนี้นิสัยดี เหมือนกับพี่รอง เขาไม่ใช่คนลืมกำพืดตัวเอง” พี่สะใภ้ใหญ่พูด

ต่อให้งานจะยุ่ง โจวเซี่ยก็จะหาสักวันกลับมาบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่มองเขามาหลายปีจึงประทับใจเขาเช่นกัน

บอกตามตรงว่าบ้านรองนั้นมีซานนีกับโจวเซี่ยที่คล้ายกับพี่รองโจว มีเพียงโจวลิ่วนีคนเดียวที่เหมือนกับสะใภ้รองโจวทุกอย่าง

“รอพวกเรากลับไปแล้ว ก็จะไปดูเซี่ยเซี่ยสักหน่อย” โจวชิงไป๋พูดอย่างพอใจ

พอกินเสร็จแล้ว โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็เดินออกมา และเดินเล่นรอบ ๆ บริเวณหมู่บ้าน

สองสามีภรรยาเดินไปนั่งเล่นที่บ้านเลขาธิการสาขา จากนั้นก็เดินสวนกับคนอื่น ๆ สุดท้ายถึงไปหาโจวต้งและไฉ่ปาเม่ย

สองสามีภรรยารู้สึกดีใจมากที่เห็นพวกเขา

“คุณอากับคุณอาสะใภ้จะกินข้าวเที่ยงที่นี่ไหมครับ” โจวต้งยิ้มถาม

“ไม่แล้ว พวกอากินมาจากบ้านพี่สะใภ้ใหญ่แล้วน่ะ” หลินชิงเหอพูด “ปีนี้ค้าขายเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?”

“ดีมากเลยครับ” โจวต้งพูดด้วยรอยยิ้ม “ปีหน้าผมวางแผนจะขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย”

“ขยันต่อไปนะ ในอนาคตทุกคนจะค้าขายไม่แตกต่างกันแล้ว ยึดหลักการและคุณภาพสินค้าของตัวเองให้ดี” หลินชิงเหอพูด

เธอเองก็วางแผนด้านนี้ไว้ด้วย

หลังจากกลับมาถึงบ้านกับโจวชิงไป๋ เธอก็พูดขึ้นมา “หน้าร้านพวกนั้นของพวกเรา ต่อไปจะกลายเป็นร้านขายอาหารปลอดสารพิษ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”

“หมายความว่าอะไรเหรอครับ” โจวชิงไป๋มองอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ขายพวกผักผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“ในอนาคตผักผลไม้จะไม่ดีต่อสุขภาพแล้วเหรอ?” โจวชิงไป๋ถามอย่างแปลกใจ

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีต่อสุขภาพหรอกค่ะ เพียงแต่ไม่ได้สดใหม่เป็นธรรมชาติเท่าตอนนี้แล้ว รอให้สามารถซื้อขายที่ดินได้แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยไปซื้อที่ดินตรงชานเมืองสักผืน แล้วก็ปลูกแบบเฉพาะทาง ทำเล้าไก่ มันก็จะให้ปุ๋ยด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมีพวกนั้น” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พูด “นั่นจำเป็นต้องมีที่ดินไม่น้อย”

“ใช่ค่ะไม่น้อยเลย แต่ต่อไปถ้าเราสามารถทำได้ ก็ไม่มีอะไรเสียหายนะคะ” หลินชิงเหอพูด

“งั้นก็ต้องไปหาซื้อหน้าร้านที่อื่น ๆ อีกเยอะ ที่พวกเรามีนั่นไม่พอหรอก” โจวชิงไป๋พูด

“กลับไปปักกิ่งแล้วพวกเราค่อยไปหาดูนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

ต่อไปหากทำเรื่องนี้ได้สำเร็จจะเป็นอะไรที่ดีมาก แถมเธอยังคิดจะซื้อตึกเอาไว้สักสองสามที่ไว้ปล่อยเช่า ความฝันของเธอใกล้จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว

สองสามีภรรยาพักผ่อนอยู่ภายในห้อง ประมาณสิบโมงกว่าน้องชายสามหลินก็ขับรถมาถึง

“พี่ครับ พี่เขยครับ” น้องสามหลินตะโกนเรียกอยู่ด้านนอกประตู

“เข้ามาเลยจ้ะ” หลินชิงเหอตะโกนตอบมาจากข้างใน

น้องชายสามหลินจึงผลักประตูเข้ามา ก็เห็นพี่สาวของเขาและพี่เขยนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เขาจึงเอ่ยขึ้น “ทำไมไม่ไปบ้านนู้นล่ะครับ”

“พรุ่งนี้ค่อยไป” หลินชิงเหอพูดขึ้นเสียงเรียบนิ่ง

น้องชายสามหลินถอนหายใจ “พี่ครับ แม่ไม่อยู่แล้วนะ”

“พี่กับพี่เขยถึงกลับมาส่งหล่อนเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไรล่ะ” หลินชิงเหอพูด

“พ่ออยากเจอพี่”

“เขาจะอยากเจอพี่ทำไม เขามีลูกชายตั้งสองสามคนคอยดูแลอยู่นี่” หลินชิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

ตัดก็ตัดให้ขาดไม่เช่นนั้นจะวุ่นวายภายหลัง ในเมื่อตัดความสัมพันธ์ไปแล้วแต่แรก ยังจะมีอะไรให้ลังเลอีก

น้องสามหลินเม้มปาก พูดขึ้น “พี่ครับ ไปดูพ่อหน่อยเถอะครับ ครั้งนี้พ่อได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก เขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย”

…………………………………………………………………………………………………………………………….

(1) หมายความว่าอีกคนมีความสามารถมากกว่าอีกคนจนสามารถกดข่มอีกฝ่ายได้ ใช้วิธีการทำเต้าหู้มาเปรียบเทียบ เพราะก่อนที่จะแปรสภาพเป็นก้อนเต้าหู้จะต้องใส่น้ำเกลือคนจนน้ำถั่วเหลืองมีสภาพเป็นเหมือนเนื้อนมบูด ๆ แล้วจึงทำไปใส่ในพิมพ์อีกทีจึงจะกลายเป็นเนื้อเต้าหู้

อ้างอิงรูปภาพ: https://bit.ly/3iA29BT

สารจากผู้แปล

รอดูความอนาถของสะใภ้รองเลยค่ะ สภาพคงไม่ต่างจากคนรับใช้ของลูกสะใภ้ตัวเอง

ในที่สุดแม่ก็จะเป็นชาวสวนแล้วนะคะ เนื้อเรื่องผ่านมาตั้งนานเพิ่งจะเป็นชาวสวนแม่ลูกสามก็ตอนนี้แหละค่ะ 555

ตอนหน้าแม่จะไปหาพ่อตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายยหรือเปล่า รอดูค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset