บทที่ 537 ฉันต้องการไปปักกิ่งกับพวกเธอ

บทที่ 537 ฉันต้องการไปปักกิ่งกับพวกเธอ

หลินชิงเหอไม่อยากไป เธอคิดว่ามาส่งท่านแม่หลินเป็นครั้งสุดท้ายก็พอแล้ว แต่โจวชิงไป๋กลับเปิดปากพูด

หลินชิงเหอจึงต้องไปกับเขา

คู่สามีภรรยาของบ้านใหญ่หลินและคู่สามีภรรยาของบ้านรองหลินไม่ได้เจอโจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอมาหลายปีแล้ว

หลายปีผ่านไป คนพวกนี้ผ่านอะไรมามากมายไม่น้อย

ครั้งก่อนที่หลินชิงเหอเจอพวกเขาก็เป็นเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้ดูแก่ถึงขนาดนี้ พอมองตอนนี้แล้วก็ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสี่ดูจะแก่กว่าเธอกับชิงไป๋ไป 20 ปี

สะใภ้ใหญ่หลินและสะใภ้รองหลินมองหลินชิงเหอที่ดูคล้ายจะไม่เปลี่ยนไปเลยก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย

แต่หลังจากรู้สึกอับอายไปแล้ว สายตาก็เผยออกมาถึงความริษยาที่ยากจะปิดบัง

ลูกสาวคนนี้ของตระกูลหลินใจร้ายจริง ๆ ตอนนั้นเธอพูดว่าไม่ต้องการบ้านแม่ก็คือไม่ต้องการบ้านแม่อีกแล้ว หลายปีมานี้เธอไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลยสักครึ่งก้าว ตัวเองมีชีวิตที่ดีกลับไม่สนใจไยดีพ่อกับแม่ของตัวเองเลยสักนิด!

แต่ไม่ว่าจะสะใภ้ใหญ่หลินหรือว่าสะใภ้รองหลิน ก็ไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าของหลินชิงเหออยู่ดี

ไม่เพียงพวกหล่อนสองคน แม้กระทั่งพี่ชายใหญ่หลินและพี่ชายรองหลินก็ยิ่งไม่กล้าพูด

ขนาดตอนนั้นพวกเขายังไม่อาจกวนโมโหเธอได้ ตอนนี้ยิ่งต่างกันชัดราวฟ้ากับเหว

“พี่ครับ พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองของเรายังไม่มา พี่กับพี่เขยเข้าไปข้างในดูพ่อก่อนเถอะครับ” น้องชายสามหลินพูด

“ห้องไหน?” หลินชิงเหอพูดเสียงเบา

“ทางนี้ครับ” น้องชายสามหลินพาพวกเขาเข้ามา มันเป็นห้องนอนเก่าของน้องชายสามหลินเมื่อก่อน ต่อมาพอเขาย้ายบ้านออกไป ห้องนี้เลยปล่อยว่าง

“พ่อครับ พี่สาวสามกับพี่เขยมาหาพ่อแล้วครับ” น้องชายสามหลินเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยขึ้น

ทันทีที่หลินชิงเหอก้าวเข้ามาในห้อง กลิ่นปัสสาวะฉุนอบอวลในห้องก็ตีเข้าอย่างจังจนแทบทนไม่ไหว เธอไม่ได้สงสารตัวเองเลยจริง ๆ และพูดว่า “ไม่ใช่ว่าจุดเตียงเตาอยู่เหรอ? มันไม่หนาวหรอก เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทซะ สถานที่แบบนี้ขนาดคนดี ๆ อยู่ยังป่วยได้เลย”

ไม่เพียงตัวเองจะเดินถอยออกมาแล้ว เธอยังดึงโจวชิงไป๋ออกมาด้วยกัน เพราะเธอทนไม่ไหวจริง ๆ

น้องชายสามหลินก็ถูกรมกลิ่นด้วยเช่นกัน จึงรีบไปเปิดหน้าต่าง แต่ก็ไม่กล้าเปิดกว้างนัก พร้อมกับเอากระโถนออกไป

เมื่ออากาศภายในห้องถ่ายเทมากขึ้นแล้ว หลินชิงเหอจึงมองรอบ ๆ บ้านตระกูลหลิน 10 ปีราวกับผ่านไปเพียง 1 วัน ตอนนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม

ตอนที่เธอมาที่นี่ มีหลายครอบครัวสร้างบ้านใหม่เป็นบ้านอิฐแล้วนะ

“คุณคืออาหญิงสามเหรอครับ?” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยถาม

หลินชิงเหอมองเขา สะใภ้ใหญ่หลินรู้ทันทีว่าเธอจำลูกชายคนที่สามของหล่อนไม่ได้ เพราะไม่เจอมาหลายปีแล้ว จึงรีบพูด “นี่คืออันเอ๋อร์น่ะจ้ะ”

“มีธุระอะไรเหรอ?” หลินชิงเหอมองหลินอันแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

“อาหญิงสามตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ ทำไมอาถึงตัดขาดกับตระกูลหลินเหรอ?” หลินอันถามกลับเช่นกัน

“เธอต้องถามแม่ของเธอและก็ปู่ย่าเธอแล้วล่ะ” หลินชิงเหอเค้นเสียงพูด

“ผมได้ยินคุณย่าพูดว่า คุณอาถูกปีศาจบนภูเขาสิง จนไม่มีความสัมพันธ์กับใครแล้ว” หลินอันพูด

“ลูกพูดเพ้อเจ้ออะไร!” สะใภ้ใหญ่หลินสีหน้าเปลี่ยนไปและส่งเสียงเอ็ดทันที

“คุณย่าของเธอไม่อยู่แล้ว ให้ท่านจากไปอย่างสงบสุขเถอะ หลังจากนี้ตระกูลหลินจะต้องพึ่งเด็กอย่างพวกเธอแล้ว” หลินชิงเหอพูด

หลินอันพูด “ตระกูลหลินก็คือบ้านแม่ของอาหญิงสามนะครับ”

“ตระกูลหลินวางตัวสูงส่งเกินไป ตอนนั้นก็ฉีกหน้ากันไปแล้ว ฉันจะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับเด็กอย่างเธอหรอกนะ ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่เปิดปากพูดเลย” หลินชิงเหอเหลือบมองพี่ชายใหญ่หลินและเอ่ยอย่างไม่แยแส

“น้องหญิงเล็ก ตอนนั้นพวกพี่ไม่สมควรทำจริง ๆ แต่นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ” พี่ชายใหญ่หลินพูด

“ก่อนหน้านี้พวกเราจนมาก ถึงได้คิดตื้นไปหน่อย” พี่ชายรองหลินมองพี่ชายใหญ่หลินแล้วเปิดปากพูดออกมาเช่นกัน

“ใช่แล้ว เมื่อก่อนเพราะจนมากก็เลยคิดตื้นเกินไปหน่อย ตอนนี้ไม่จนแล้วแต่กลับแย่งเอาของซ่อมหลังคาของคนแก่ไปใช้ นี่คือความคิดดี ๆ ของลูกชายผู้เป็นเสาหลักในตระกูลนี้สินะ” หลินชิงเหอพูดอย่างไม่เกรงใจ

เธอไม่รู้สึกละอายใจต่อท่านพ่อท่านแม่หลินเลย แถมยังช่วยสนับสนุนลูกชายคนดีของทั้งสองที่สามารถกลับมาเลี้ยงดูพวกท่านให้มีอายุยืนยาวอีกด้วย

แต่ก็ไม่อาจช่วยพวกเขาให้พ้นจากความตายได้

ถ้าพวกเขาไม่ให้ล่ะก็ พี่ชายใหญ่หลินและพี่ชายรองหลินสองคนไหนเลยจะกล้าแย่งของซ่อมหลังคา?

พวกเขาเต็มใจให้เอง งั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว

“อาหญิงสาม ทำไมอาพูดแบบนี้ คุณปู่คุณย่าเป็นคนให้พวกเราเองนะครับ” หลินอันพูด

“ใช่อย่างที่ลูกพูดเสียที่ไหน!” สะใภ้ใหญ่หลินรีบลากลูกชายมา

“ก็ผมพูดความจริง อาหญิงสามเป็นลูกสาวของคุณปู่คุณย่า คนที่มีอนาคตที่สุดก็คือคุณอาหญิง คุณอาหญิงไม่เคยกลับมาบ้านเลยสักครั้งและไม่เคยกตัญญูต่อพวกท่านด้วย ที่มาหาคุณปู่คุณย่าตอนนี้ก็เพราะรู้สึกผิดต่อพวกเขาแล้วน่ะสิ” หลินอันพูด

“เธอพูดผิดแล้วล่ะ พวกท่านเป็นคนของพวกเธอ จะดูแลอย่างไรก็เป็นธุระของพวกเธอ ดูแลดีไม่ดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับฉันสักนิด หนุ่มน้อยเธอลองออกไปฟังคนข้างนอกพูดดูสิว่ามันน่าขายหน้าขนาดไหน ดูสิว่าเธอจะยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อยู่หรือเปล่า” หลินชิงเหอพูด

หลินอันพูด “พวกเขาพูดจาเหลวไหลทั้งเพ!”

หลินชิงเหอคร้านจะพูดไร้สาระกับเด็กขนดกคนนี้แล้ว ในตอนนี้เองน้องชายสามหลินก็พูดขึ้นว่า “พี่ครับกลิ่นจางแล้วครับ”

“ฉันเข้าไปคนเดียวพอ คุณไม่ต้องเข้าไปหรอกค่ะ” หลินชิงเหอพูดกับโจวชิงไป๋

แต่โจวชิงไป๋ยังคงตามเธอเข้ามา หลินชิงเหอเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกตัวเองไว้แล้ว ทั้งยังส่งให้โจวชิงไป๋ด้วย เขามองเธอด้วยความจำใจเล็กน้อย ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้ามา

ท่านพ่อหลินนอนราบอยู่บนเตียง เมื่อเห็นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เดินเข้ามาก็พูดว่า “ในที่สุดพวกเธอก็กลับมาแล้ว”

“คุณพูดแบบนี้ราวกับแปลกใจที่พวกเรากลับมาอย่างนั้นแหละ มีลูกชายสองสามคนอยู่ข้างกายก็พอแล้วนี่คะ” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงกระด้าง

ท่านพ่อหลินมองเธอแล้วพูดต่อ “หลายปีมาแล้ว เธอยังไม่ปล่อยวางเรื่องในตอนนั้น เรื่องแค่นั้น….”

“เรียกฉันกลับมามีธุระอะไรคะ คุณพูดมาเลยดีกว่า” หลินชิงเหอพูดอย่างรำคาญ

คนที่หนีท่านแม่หลินแล้วเอาชีวิตรอดคนเดียว คนแบบนี้มีสันดานอย่างไรเธอก็ได้เห็นชัดแล้ว

ท่านพ่อหลินไม่มองเธออีกแล้ว หันไปมองโจวชิงไป๋และพูดขึ้น “ฉันให้ลูกสาวแต่งงานกับเธอไป เธอไม่มีอะไรจะพูดหรือ”

“คุณพูดเกินไปแล้วมั้งคะ ตอนนั้นชิงไป๋ต้องจ่าย 100 หยวนเต็ม ๆ ถึงจะแต่งฉันออกไปได้ เงิน 100 หยวนในปีหกศูนย์ พ่อเฒ่าอย่างคุณคงไม่ต้องให้ฉันอธิบายว่าคุณได้เงินไปคุ้มค่าขนาดไหนหรอกนะคะ แถมบ้านหลังนี้ก็ยังสร้างจากเงินสินสอดของฉันด้วยซ้ำ” หลินชิงเหอพูดตรง ๆ

นอกจากเงินสินสอดแล้ว ไหนจะมีเงินเบี้ยเลี้ยงและสิ่งของแสดงความกตัญญูนั่นอีกล่ะ? ดูเหมือนจะไม่ใช่น้อย ๆ เลยด้วย!

ดังนั้นหากจะนำเรื่องนี้มาพูด ก็ไม่สมควรที่จะยกมากล่าวได้เลย

“พ่อครับนั่นมันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วครับ พ่อจะพูดไปให้ได้อะไร พ่อให้ผมเรียกพี่สาวสามกลับมา สรุปว่าพ่อต้องการจะพูดอะไรกันแน่ พ่อพูดออกมาตรง ๆ เลยดีกว่า” น้องชายสามหลินพูด

ท่านพ่อหลินปรายตามองลูกสาวและลูกเขยผู้ดูมีสง่าราศี ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันต้องการไปปักกิ่งกับพวกเธอ”

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อย่าเพิ่งคิดถึงไปปักกิ่งเลยค่ะพ่อเฒ่าหลิน ขนาดในตัวอำเภอชิงเหอยังไม่อยากพาไปด้วยซ้ำ แก่กะโหลกกะลาจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset