บทที่ 546 สะใภ้ของหลานชายคนโต

บทที่ 546 สะใภ้ของหลานชายคนโต

โจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายพากันขู่เข็ญให้พี่ชายใหญ่ของพวกเขาพูดเรื่องเมื่อเย็นวันนี้ว่าได้ก้าวหน้าอะไรใหม่ ๆ บ้างไหม แต่ต่อให้มัดพวกเขาสองคนเอาไว้ด้วยกัน ก็ยังสู้พี่ใหญ่คนเดียวไม่ได้ แม้แต่คำถามเดียวก็ไม่ได้รับคำตอบเลยแม้แต่นิดเดียว

ส่วนหลินชิงเหอออกมารินน้ำร้อน หลังจากนั้นก็เข้ามาล้างหน้าให้กับโจวชิงไป๋

“ภรรยา พวกเราหาโรงงานเอาไว้หน่อยก็ดีนะ” โจวชิงไป๋พูดพลางลืมตาขึ้นขณะที่ภรรยากำลังดูแลอยู่

“ยังอยากได้โรงงานหรือคะ? ไม่ถูกเลยนะคะ” หลินชิงเหอนิ่งไปสักพัก และพูดพร้อมยิ้มออกมา

“หลายแสนหยวนยังซื้อมาได้เลย” โจวชิงไป๋พูด

“ขี้คุยไม่น้อยเลยนะคะคุณเนี่ย”หลินชิงเหอหัวเราะและตำหนิอย่างขบขัน

โจวชิงไป๋ยิ้ม รอจนกระทั่งภรรยาของเขาเอาน้ำไปเททิ้งกลับมาแล้ว เขาถึงโอบกอดภรรยาตัวเองและนอนหลับไป

หลินชิงเหอไม่ได้พูดมากกว่านั้น ตอนนี้หากซื้อเยอะหน่อยเธอก็ไม่ถือสา ยิ่งซื้อมากก็ยิ่งดี

ในวันส่งท้ายปีเก่า สองสามีภรรยาก็ได้นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนลูก ๆ ของพวกเขาก็ได้กลับเข้าห้องและหลับไปในเวลาอันสั้นเช่นกัน

เช้าวันต่อมาช่างสมกับเป็นวันแรกของปีใหม่ และเป็นการต้อนรับการปฏิรูปทางด้านเศรษฐกิจของปี 1985

สถานการณ์ใหม่ของปีใหม่ พวกเขานั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน และดูทีวีรอแขกที่จะมาอวยพรปีใหม่

เพื่อนบ้านอย่างหม่าเฉิงหมินพาหวงเสี่ยวหลิ่วกับหม่าเสี่ยวตั้นมาที่บ้านพวกเขา ซึ่งหลินชิงเหอก็ไปพาคุณป้าหม่าที่นี่ด้วยกันเสียเลย

เธอมอบขนมถั่วตัดให้กับคุณป้าหม่าหนึ่งกำมือแล้วพูดขึ้น “คุณป้ามีอะไรก็สามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเลยนะคะ”

“ต่อให้เธอไม่ให้มา ป้าก็จะมาอยู่ดีนั่นแหละจ้ะ” คุณป้าหม่ายิ้มพูดขึ้น เมื่อกี้นางกำลังล้างหม้ออยู่เชียว

“ปีนี้ร้านของชิงไป๋กิจการไม่เลวเลยนะคะ ปีหน้าฉันว่าเดี๋ยวให้เสี่ยวหลิ่วทำเค้กส่งไปให้ดีไหมคะ” หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูดกับหวงเสี่ยวหลิ่ว

หวงเสี่ยวหลิ่วแม้จะมีอายุไม่น้อยแล้ว แต่หล่อนยังคงมีท่าทีเขินอาย “ได้ค่ะ ปีหน้าฉันจะทำเพิ่มอีกถาด”

“ราคาก็ต้องขึ้นด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นราคาก็จะกำหนดสูงขึ้นเท่าไหร่ ไว้เปิดร้านก่อนค่อยตั้งราคานะ” หลินชิงเหอพูดพลางยิ้ม

เพราะว่ามีงานให้ทำจนแทบไม่ว่าง หวงเสี่ยวหลิ่วจึงดูร่าเริงมากขึ้นไม่น้อย แม้หล่อนจะยังคงพูดน้อย แต่ไม่ได้อมทุกข์ตลอดเวลาอีกแล้ว

หวงเสี่ยวหลิ่วยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

“ปีนี้อยากจะกลับไปบ้างไหมจ๊ะ? ถ้าอยากไปละก็ ฉันจะให้เฉิงหมินของเธอได้ลาพักสองสามวัน” หลินชิงเหอพูดกับหม่าเฉิงหมิน

หวงเสี่ยวหลิ่วดวงตาเป็นประกาย ส่วนหม่าเฉิงหมินนั้นจริง ๆ แล้วไม่อยากกลับ ปัจจัยที่หมู่บ้านมีจำกัดเกินไปจนไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ แต่เมื่อมองดูภรรยาของเขาที่ดูอยากกลับอย่างชัดเจนแล้ว เขาจึงพยักหน้า กลับไปปีหนึ่งสักครั้งก็ได้เหมือนกัน “งั้นผมขอลาเพิ่ม 3 วันนะครับ”

“ได้จ้ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“ขอบคุณค่ะอาจารย์หลิน” หวงเสี่ยวหลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณอะไรกันจ๊ะ มีเฉิงหมินคอยดูให้ฉันก็สบายไปเยอะเลย จริงสิ ปีนี้เงินเดือนทุกคนจะเพิ่มขึ้นด้วยนะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“นั่นก็ไม่น้อยแล้วนะจ๊ะ” คุณป้าหม่าถามอย่างสงสัย

“ปีนี้ราคาของอะไรก็ตามก็จะปรับขึ้นอีกไม่น้อย เงินเดือนอย่างไรก็ต้องขึ้น อย่างไรฉันก็ไม่อยากปฏิบัติกับพวกเธอย่างไม่ยุติธรรม ฉันจะให้ทุกคนเพิ่มเป็น 70 หยวนนะ” หลินชิงเหอพูด

“เยอะขนาดนี้เชียวเหรอจ๊ะ?” คุณป้าหม่าพูด “ถ้าเป็นแบบนี้ คงมีงานต้องรับผิดชอบไม่น้อยแน่เลย” ต่อให้ราคาข้าวของเพิ่มขึ้น แต่เงิน 70 หยวนก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไปจริง ๆ

“ฉันตัดสินใจมาแบบนี้แล้วค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม และหันไปพูดกับหม่าเฉิงหมิน “เฉิงหมินคุณเป็นผู้จัดการ จะได้เยอะกว่าพวกเขา 10 หยวน เงินเดือนของคุณก็คือ 80 หยวน ต่อไปคงต้องลำบากคุณแล้วล่ะค่ะ”

“สมควรจะเป็นอย่างนั้นแล้วครับ” หม่าเฉิงหมินพูดอย่างหนักแน่น

“พ่อ เงินเดือนพ่อขึ้นแล้ว ซื้อลูกบอลให้ผมลูกหนึ่งด้วยนะครับ” หม่าเสี่ยวตั้นพูด

“แม่จะซื้อให้เองจ้ะ” หวงเสี่ยวหลิ่วพูดอย่างหยิ่มกระหย่อง หล่อนเองก็หาเงินได้เช่นกัน

“ก็ได้ครับ” หม่าเสี่ยวตั้นตอบ เพียงได้ลูกบอลเขาก็พอใจแล้ว

ไม่นานคุณลุงหม่าก็มาที่นี่แล้วเช่นกัน โจวชิงไป๋รินชาให้เขาแก้วหนึ่งแล้วพูด “คุณลุงดื่มชาก่อนครับ”

เขาประคองถ้วยชาด้วยสองมือให้ชายชรา คุณลุงหม่ายิ้มแล้วพูด “ชาของเธออร่อยดี”

“ตอนกลับไปฉันซื้อมาด้วยไม่น้อย เดี๋ยวตอนจะกลับคุณป้าเอากลับไปด้วยชั่งหนึ่งนะคะ อายุเยอะแล้วดื่มชาเยอะหน่อยก็ไม่เลวนะคะ” หลินชิงเหอพูด “ผู้เฒ่าหวังกับคุณพ่อสามีฉันก็ชอบมากเช่นกัน”

คุณป้าหม่ายิ้มและเอ่ยขึ้น “ครั้งก่อนที่ให้ไปยังเหลืออยู่เลยจ้ะ”

“ใบชาเก็บไว้ได้นานอยู่ค่ะ จะดื่มเมื่อไหร่ก็ได้” หลินชิงเหอพูด

บ้านตระกูลหม่าอยู่พูดคุยด้วยสักพัก ไม่นานแขกคนอื่น ๆ ก็มาถึง พวกของหม่าเฉิงหมินจึงขอตัวจากไป เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้เข้ามาเยี่ยมบ้าง

แม่เฒ่าสวีกับหลี่อวี้เฟิ่งเดินทางมาด้วยกัน พร้อมกับสามีของหลี่อวี้เฟิ่งหรือก็คือพ่อของเฉินซานซาน

นี่เป็นครอบครัวที่กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วทั้งสิ้น จึงให้พวกเขานั่งลงที่นี่หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ให้การต้อนรับพวกเขาอย่างดี

โจวข่ายเป็นลูกคนโตสุด จำเป็นต้องอยู่ที่บ้าน เนื่องจากยากมากกว่าเขาจะกลับมาบ้าน ส่วนโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายสองพี่น้อง หลังจากบ้านตระกูลหม่าจากไปแล้ว พวกเขาก็ออกมาเดินเล่น

แขกไม่น้อยพากันมาไม่ขาดสาย

ตอนที่โจวข่ายออกมาส่งแขก เขาก็มองเห็นสวี่เชิ่งเฉียงกับจางเหมยเหลียนพอดี สายตาของเขาจับอยู่ที่ร่างของสวี่เชิ่งเฉียงผู้ไม่ได้เห็นมานาน

สวี่เชิ่งเฉียงยังมีความรู้สึกเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย พี่ชายคนโตห่าง ๆ ของเขามีบรรยากาศน่าเกรงขามมากเหลือเกิน

พอเขากำลังคิดว่าควรจะทักทายหรือไม่ โจวข่ายก็หันร่างกลับไปแล้ว

“ไปเถอะค่ะ” จางเหมยเหลียนดึงแขนเขาพูด

กำไรจากร้านเสื้อผ้าครึ่งปีนี้สามารถทำรายได้ประมาณ 2,000 กว่าหยวน นี่เป็นเงินจำนวนมากขนาดไหนกัน?

และไม่จำเป็นต้องดูสีหน้าของตระกูลโจวว่าจะเป็นอย่างไรด้วย

โจวข่ายรู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาต้องโมโหมากเมื่อได้ยินว่าสวี่เชิ่งเฉียงแต่งงานกับคนบ้านตระกูลจาง พวกเขาถึงไม่พูดอะไรกับสองคนนั้นเลย

เขาต้อนรับแขกที่บ้านจนถึงเที่ยง แขกที่ควรจะมาเยี่ยมก็กลับกันเกือบหมดแล้ว หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จึงนั่งกินข้าวกลางวัน หลังจากนั้นก็หลบไปงีบพักกลางวัน

ช่วยไม่ได้ พวกเขาอายุเยอะแล้ว การต้องตื่นแต่เช้าตรู่และคอยต้อนรับแขกตลอดช่วงเช้า ทำให้พวกเขาต้องการงีบหลับเสียหน่อยในช่วงบ่าย

ส่วนโจวข่ายนั้นปิดประตูและมาเคารพคุณปู่คุณย่าที่อยู่ทางนี้

“ตอนเย็นกินข้าวด้วยกันเสียที่นี่สิจ๊ะ เรียกพ่อกับแม่มาด้วยกันนะ” ท่านแม่โจวพูด

ผู้เฒ่าหวังก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน และกำลังนั่งวางหมากอยู่กับท่านพ่อโจว

“ครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะเรียกพ่อกับแม่มากินข้าวด้วยกัน” โจวข่ายตอบ

“อาได้ยินเจ้ารองบอกว่า เมื่อวานเธอกินเลี้ยงกับว่าที่แม่ยายมาเหรอ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยแซว

ท่านแม่โจวยืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยกับเขา “ย่าได้ยินเจ้ารองเล่าให้ฟังว่าหญิงสาวคนนี้ประวัติดีมาก ๆ เป็นเด็กเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็เป็นพยาบาลด้วย พ่อแม่พี่น้องก็มีงานทำหมด แถมพ่อแม่หล่อนกับพ่อแม่ของเธอยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย?”

พอพูดถึงสะใภ้ของหลานชายคนโต ท่านแม่โจวก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา ทั้งที่เพิ่งตื่นและยังรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย

โจวข่ายหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เมื่อมองเห็นปู่อุปถัมภ์และปู่ของเขาที่มองมาทางนี้ เขาก็กระแอมไอพูดขึ้นมา “เหม่ยเจี่ยดีมากครับ”

“งั้นหลานก็ต้องดูแลหล่อนดี ๆ นะรู้ไหม หล่อนดีขนาดนี้ต้องมีคนมาจีบหล่อนเยอะมากแน่ ๆ มีอาชีพเป็นพยาบาลได้เป็นงานที่ดีขนาดไหนรู้ไหม? ต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมากเลยนะถึงจะเรียนพยาบาลได้ นางฟ้าชุดขาว!” ท่านแม่โจวได้ยินก็รีบพูดขึ้น

…………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คุณย่าเตรียมรับขวัญหลานสะใภ้คนนี้ได้เลยค่ะ เอาไปโชว์ตัวตอกหน้าแม่เฒ่าจูแม่เฒ่าหูด้วยนะคะ สองแม่เฒ่านี่จะได้ไม่มายุ่งจับคู่ให้ลูกหลานเหลนตัวเองอีก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset