บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 1013 ไม่เห็นพวกเขาแล้ว

จิ้งถิงกับหยู่เหวินเห้าเห็นเสี้ยวหงเฉิงกับพวกลู่หยวนอยู่ด้านนอก หลังจากรวมตัวกับพวกเขา เสี้ยวหงเฉิงเล่าสถานการณ์โดยประมาณให้ฟัง บอกว่าหมันเอ๋อทานยาแล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรมาก
เพราะในจดหมายของจิ่นหนิงที่นกพิราบส่งไป ไม่ได้เขียนสถานการณ์โดยละเอียดของหมันเอ๋อ ดังนั้นเมื่อหยู่เหวินเห้ากับจิ้งถิงได้ฟังเสี้ยวหงเฉิงเล่าถึงรายละเอียด ในใจค่อยสบายขึ้น คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาใหญ่
รออยู่ด้านนอกอยู่เนิ่นนาน จนจิ่นหนิงจวิ้นจู่กับหยวนชิงหลิงมาถึง หยวนชิงหลิงจนอ่อนล้า ตอนที่ลงมาจากหลังม้า แทบไม่พักหายใจ
หยู่เหวินเห้ารีบไปประคองนาง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทั้งตำหนิและเป็นห่วงว่า “เจ้ามาทำอะไร? อันตรายขนาดเยอะนี้? พวกลูกๆจะทำอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงขาสั่นสะท้าน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น พูดขึ้นว่า “เรียกท่านชายสี่มารับแล้ว วางใจ พวกลูกๆมีความสามารถในการปกป้องตนเองพอสมควร”
หยู่เหวินเห้าเช็ดหน้าให้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้าไม่ต้องเข้าไปในหุบเขา รออยู่ที่นี่กับจวิ้นจู่”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล เพื่อมารออยู่ที่นี่หรือ? ข้าโง่หรือ? ข้าเข้าไปพร้อมกับพวกเจ้า”
เสี้ยวหงเฉิงพูดขึ้นว่า “ที่จริงพวกเราล้วนไม่ต้องไปแล้ว สถานการณ์ของหมันเอ๋อไม่เลว มีนางกับแม่นมฉินนำทาง น่าจะสามารถพาเดินออกมาจากแดนหมอผีได้ อะซี่กับสวีอีจะทิ้งสัญลักษณ์ไว้ตามทางเดิน เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ดี พวกเราเข้าไปช่วยเหลือในหุบเขา แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครออกมาแจ้งว่าเจอความอันตราย ดังนั้นพวกเรารอกันก่อน คาดน่าว่ากำลังล่าถอยจากอันตราย”
จิ่นหนิงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่ ข้าสงสัยว่าพวกเขาหลงหายอยู่ข้างไหนแล้ว สถานการณ์ของหมันเอ๋อผิดปกติ ถึงนางจะสามารถแก้อาถรรพณ์ได้แล้ว แต่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเลือดอาถรรพ์ ทำให้พวกเขาตายอยู่ข้างใน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถส่งคนออกมาได้ ข้าแนะนำว่าพวกเรารีบเข้าไป ในเมื่อมีสวีอีทำสัญลักษณ์ไว้ให้ตลอดทาง การที่จะหาพวกเขาเจอก็ง่ายขึ้น”
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “สถานการณ์ของหมันเอ๋อไม่ดี? เกิดอะไรขึ้น?”
หยวนชิงหลิงพูดให้ฟังคร่าวๆ หลังจากทุกคนปรึกษากันแล้ว รู้สึกว่าการเข้าไปในหุบเขาดีที่สุด แต่ใกล้ค่ำแล้ว จึงพากันพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้นค่อยเข้าไป
หยวนชิงหลิงเหนื่อยอย่างมาก ค่ำแล้วก็นอนเลย นอนหลับได้อย่างสนิท หลังจากตื่นขึ้นมาฟ้าก็สว่างแล้ว เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นเจ้าห้ากับจิ้งถิงเดินมุ่งหน้าไป เมื่อมองดูดีๆ กลับเห็นคนสองคนขี่ม้าเดินมา เป็นท่านชายหงเย่กับอะโฉ่วสาวใช้ของเขา

การมาของท่านชายหงเย่ ทำให้ในใจหยวนชิงหลิงตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด เพราะเขาจะโกรธเกลียดเพราะเรื่องยา แล้วมาขัดขวาง
ลุกขึ้นมาแต่งตัวสักพัก หยู่เหวินเห้าก็พาท่านชายหงเย่มา พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เขาบอกว่าสามารถพาพวกเราเข้าไปในหุบเขาได้”
หยวนชิงหลิงมองดูท่านชายหงเย่แวบหนึ่ง แล้วก็มองดูหยู่เหวินเห้า เจ้าห้าเชื่อเขา?
ท่านชายหงเย่พูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “เขตแดนหมอผีอันตรายอย่างมาก ไม่มีคนนำทาง พวกเจ้าล้วนต้องตายอยู่ข้างใน”
“งั้นทำไมเจ้าต้องช่วยพวกเรา” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ท่านชายหงเย่พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “เจ้ารู้ดีแก่ใจ ข้าให้เจ้าตายไม่ได้ เจ้าเป็นความหวังเดียวของข้า”
ถึงแม้ท่านชายหงเย่จะโกรธโมโหหยวนชิงหลิงที่ทำลายข้อมูล แต่ยังคงไม่สามารถปล่อยวางความหวังเดียวสุดท้ายนั่น เขาจะให้หยวนชิงหลิงเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นความหวังก็จะไม่มีแล้ว
พูดถึงขนาดนี้แล้ว หากยังสงสัยในตัวเขาอีก หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกเสียใจ
เรื่องเกี่ยวข้องกับยา ที่จริงนางไม่บอกเขาก็ได้ ให้เขารออยู่อย่างนั้น เช่นนี้อย่างน้อยก็ไม่ต้องโกรธเกลียดกัน แต่ให้คนคนหนึ่งรอคอยความหวังที่ไม่มีวันเป็นไปไม่ได้นั้นโหดเหี้ยมมาก หยวนชิงหลิงจึงไม่อยากทำเช่นนี้
เขาแอบพูดกับเจ้าห้าอยู่หลายประโยคว่า “พาเขาไปด้วยเถอะ หากไม่พาไปด้วย กลับจะต้องเป็นกังวลว่าเขาจะแอบทำอะไรลับหลัง”
สักพัก เจ้าหาก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าเชื่อเขา พวกเราตายแล้ว ไม่มีผลดีอะไรต่อเขาเลย หากสิ่งที่เขาต้องการก็คือยา”

หยวนชิงหลิงพยักหัว แล้วก็ตอบตกลง
ทุกคนเริ่มเข้าไปในหุบเขา บริเวณรอบนอกไม่เป็นไร ตลอดทางไม่เจออันตรายใดใด และก็มีสัญลักษณ์ที่สวีอีทิ้งไว้ให้ จึงไม่หลงทาง รอเมื่อหลังจากเข้าไปในวงแหวนพิภพ สัญลักษณ์ก็ไม่ชัดเจนแล้ว และก็ค่อนข้างสับสน มีบางแห่งมีสัญลักษณ์ไว้ถึงสองอัน นี่จึงค่อนข้างน่าแปลก
เข้าไปในวงแหวนพิภพแล้ว ก็เริ่มพบเห็นดอกไม้สีสันหลากหลายมากมาย ท่านชายหงเย่พูดเตือนว่าห้ามจับ ดอกไม้พวกนี้ล้วนมีพิษ หากแตะต้องแล้วจะไม่เห็นแม้แต่เลือด พิษสามารถแทรกซึมเข้าทางผิวหนังได้ ไม่ช้าก็จะตาย
ค่อยๆเดินไปข้างหน้า ก็ไม่มีสัญลักษณ์แล้ว แม้แต่รอยเท้าก็ไม่เห็นแล้ว
จิ้งถิงเดินไปดูข้างหน้าก่อน แล้วกลับมาบอกว่า “ผิดปกติ ที่นี่ฝนไม่เคยตก หากขบวนใหญ่เคยเดินผ่าน ทำไมถึงไม่มีแม้แต่ร่องรอย? แม้แต่หญ้าบนพื้นล้วนไม่ผ่านการถูกเหยียบย่ำ พวกเขาไม่เคยมาที่นี่หรือ?”
หยู่เหวินเห้ามองดูท่านชายหงเย่ พร้อมถามขึ้นว่า “วงแหวนพิภพมีเส้นทางอื่นไหม?”
ท่านชายหงเย่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เท่าที่ข้ารู้ ไม่มี”
คิ้วหนาของเขาก็ฉายแววสงสัย เหมือนอย่างที่จิ้งถิงพูด ที่นี่หากขบวนใหญ่เดินผ่าน จะต้องทิ้งร่องรอยไว้ แต่ตอนนี้มองไม่เห็นรอยเท้า แม้แต่ใบไม้ที่กองอยู่บนพื้น ก็ไม่มีร่องรอยถูกเหยียบย่ำ ยังคงปุยฟูขึ้นมา

“พวกเขาไม่ได้เดินผ่านที่นี่ หรือไม่ก็พวกเราเดินผิดทางแล้ว ไม่งั้นก็พวกเขาเดินผิดทางแล้ว” จิ้งถิงพูดขึ้นอย่างแน่วแน่
ทุกคนต่างมองดูท่านชายหงเย่ สายตาฉายแววไม่เชื่อถือ แต่ท่านชายหงเย่โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เส้นทางนี้ถูกต้องแน่นอน ข้าเคยเดินผ่านไม่น้อยกว่าสิบรอบ หากพวกเจ้าไม่เชื่อ สามารถไปหาทางเองได้”
ที่นี่มีถนนมากมาย เดินไปอีกประมาณร้อยฟุต ก็จะมีทางแยก บางแห่งถึงกับมีทางแยกสามสี่แยก แต่ไม่ว่าทางแยกไหน ล้วนไม่เหมือนเคยมีคนเดินผ่าน
“นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “หรือว่าพวกเขาหลงทางตั้งแต่เริ่มทำสัญลักษณ์แล้ว? หรือว่าพวกเราหลงทาง?”
ท่านชายหงเย่พูดขึ้นอย่างมั่นใจอีกครั้งว่า “พวกเราไม่มีทางหลงทางเป็นอันขาด”
จิ้งถิงพูดหยู่เหวินเห้าว่า “เอาแบบนี้ ข้ากับเจ้าเดินกลับไปหนึ่งรอบ ไปดูใกล้ตรงที่มีสัญลักษณ์ว่ามีถนนอะไร ไปดูว่าพวกเขาเดินไปอีกทางหนึ่งหรือเปล่า”
ท่านชายหงเย่พูดห้ามพวกเขาว่า “ดีที่สุดไม่ต้องทำเช่นนี้ วงแหวนพิภพไม่มีอีกด้าน มีเพียงแดนหลงหาย”
“แดนหลงหายอยู่ที่ไหน?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
ท่านชายหงเย่ส่ายหัว “ข้าไม่เคยไป แต่ข้ารู้ว่าวงแหวนพิภพกับวงแหวนสวรรค์ล้วนมีแดนหลงหาย ปากทางที่พวกเราเห็นเมื่อกี้ มีบางแห่งเป็นทางไปแดนหลงหาย แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีบางแห่งสุดท้ายแล้วยังสามารถกลับมาที่นี่ จากนั้นก็เข้าไปในวงแหวนสวรรค์ ไม่ว่ายังไงแดนหลงหาย เป็นสถานที่ทำให้คนหวาดกลัวอย่างมาก เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะออกมาไม่ได้”
หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกจนสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเราเดินมาถึงที่นี่ ไม่พบร่องรอยการเดินผ่านของพวกเขาเลย ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ พวกเขาเดินเข้าไปในแดนหลงหายแล้ว”
ท่านชายหงเย่มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงความเป็นไปได้ในการเข้าไปในแดนหลงหายมีไม่มาก แดนหลงหายเข้าไปไม่ง่าย ต้องมีคนนำทางถึงจะสามารถเข้าไปได้ วงแหวนพิภพนี้อันตรายอย่างมาก เพียงแค่อยู่ในวงแหวนพิภพนี้ หากเจอกลบังตาก็จะเสียสติ การเสียสตินี้ยิ่งน่ากลัว จะเกิดการทำร้ายคนที่อยู่รอบข้าง และแทบที่จะไม่สามารถช่วยได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่น่าจะเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น แสดงว่าทุกคนยังมีสติดี ไม่น่าที่จะเข้าไปในแดนหลงหาย”
หยู่เหวินเห้าฟังแล้วก็พูดขึ้นว่า “เราไม่ต้องคุยกันแล้ว เดินต่อไปข้างหน้าอีกเถอะ หากด้านนอกวงแหวนสวรรค์ไม่เจอร่องรอยการเข้าไปของพวกเขา ก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขายังอยู่ในวงแหวนพิภพ หรือแดนหลงหาย ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาหาหนทางตามหา ใช่ วงแหวนสวรรค์อันตรายกว่าวงแหวนพิภพหรือ?”
ท่านชายหงเย่พูดขึ้นว่า “วงแหวนสวรรค์อันตรายกว่าที่นี่อย่างมาก ในวงแหวนพิภพหากฉลาดหน่อย ก็สามารถออกมาได้ แต่วงแหวนสวรรค์หากข้าไม่นำทาง พวกเจ้าไม่มีทางออกมาได้แน่ วงแหวนสวรรค์เต็มไปด้วยแดนลองหาย เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็จะออกมาไม่ได้ นี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมข้าต้องมา”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset