บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 1020 หมันเอ๋อจากไป

หยวนชิงหลิงจิ่นหนิงอะซี่กับหมาป่าหิมะรออยู่ที่ราบหุบเขา เสียงการเข่นฆ่าดังก้องไปทั่วทั้งแดนหมอผี ต่อให้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ด้วยตนเอง แต่ก็สามารถจินตนาการได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดแค่ไหน
หยวนชิงหลิงไม่เคยผ่านศึกสงครามมาก่อน ดังนั้นท่าที่ขอนางจึงค่อนข้างกระสับกระส่ายยิ่งกว่าพวกจิ่นหนิง หลายปีที่อยู่เป่ยถัง ทำให้นางตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเองอย่างที่สุด นางตัดสินใจหลังจากที่กลับไป จะต้องตั้งใจฝึกฝีมือการต่อสู้กับท่านชายสี่เป็นอย่างดี
อย่างน้อย ในสถานการณ์คับขันจะได้ไม่กลายเป็นตัวถ่วง
“องค์ชายรัชทายาทมาแล้ว” ในขณะที่สติของหยวนชิงหลิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็ได้ยินจิ่นหนิงร้องขึ้น เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหยู่เหวินเห้า แบกคนคนหนึ่งวิ่งมา คนคนนั้นหมอบอยู่บนหลังของเขา ดูจากเสื้อเกาะแล้ว เหมือนจะเป็นอ๋องเว่ย
“หยวน” หยู่เหวินเห้ายังมาไม่ถึง ก็ร้องเรียกขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เอากล่องยามา แขนขาดไปแล้ว”
ในใจหยวนชิงหลิงหนักอึ้ง รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกปูพื้นไว้ แล้วเอายาที่จำเป็นสำหรับรักษาบาดแผล ออกมาจากกล่องยา ทางด้านจิ่นหนิงและรีบดึงหญ้าแห้งกองบนพื้น แล้วก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนเองออกมารองตรงหัว
หยู่เหวินเห้าวางอ๋องเว่ยลง อ๋องเว่ยสลบไปแล้ว สีหน้าขาวซีดอย่างน่ากลัว แขนขาดไปหนึ่งข้าง เลือดถูกห้ามไว้ได้ แต่บาดแผลที่ขาดยังซึมอยู่
“โอ้พระเจ้า รุนแรงขนาดนี้เลยหรือ?” หยวนชิงหลิงฟังดูเสียงเต้นของหัวใจ ช้าแผ่วเบาอย่างมาก ต้องทำการปั๊มหัวใจ
สายตาหยู่เหวินเห้าแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นอย่างไร? ช่วยได้ไหม? เสียเลือดไปมากแล้ว”
“ต้องให้เลือด” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
ยังดีที่เหลือคนอยู่ที่นี่ค่อนข้างเยอะ สามารถหาเลือดได้อย่างรวดเร็ว
สักพัก หมันเอ๋อกับจิ้งเหอก็มาถึง อะซี่เห็นจิ้งเหออ่อนแรงแทบล้มลง จึงรีบไปประคองไว้

จิ้งเหอหายใจหอบ สีหน้าก็ขาวซีดอย่างน่ากลัว ดวงตาทั้งคู่จ้องมองดูอ๋องเว่ยที่นอนอยู่บนพื้น น้ำตาร่วงไหลลง ถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเทาว่า “เป็นอย่างไร? ช่วยได้ไหม?”
อะซี่พูดปลอบว่า “พี่หยวนบอกว่าช่วยได้ เจ้าวางใจ”
จิ้งเหอได้ยินเช่นนี้ แล้วค่อยนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำตากลับทำอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดได้
จิ่นหนิงเห็นอ๋องเว่ยในสภาพเช่นนี้ ในใจค่อนข้างเจ็บปวด เพราะจิ้งถิงก็แขนขาด ถึงแม้ตอนนี้จะต่อไว้ด้วยเครื่องกล แต่ตอนนั้นก็ทำให้นางตกใจอย่างที่สุด นางเข้าใจความรู้สึกของจิ้งเหอ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยแสดงการกระทำที่อบอุ่น แต่ก็ยังคงเดินไปยังข้างกายจิ้งเหอ จับมือของนางไว้เพื่อเป็นการปลอบโยน
ทันใดนั้น นางคิดถึงก่อนหน้านี้ไทเฮาเคยพูดถึงแขนของจิ้งถิง เคยพูดไว้ประโยคหนึ่ง จึงถามหยวนชิงหลิงว่า “แขนที่ขาดนี้สามารถต่อได้ใช่ไหม? ข้าเคยได้ยินไทเฮาพูด หากตอนที่เพิ่งขาด ยังไม่มีชิ้นเนื้อตาย สามารถที่จะต่อกลับมาเหมือนเดิมได้”
หยวนชิงหลิงเสียบสายน้ำเกลือ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากสถานที่อุปกรณ์อำนวยสามารถทำได้ แต่ที่นี่ไม่สามารถทำได้ ไม่มีความพร้อมทางด้านนี้ ตอนนี้เสียเลือดมาก ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ตอนนี้ทำได้เพียงขอให้รักษาชีวิตไว้ได้”
ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ต่างเจ็บปวดทรมานขึ้นมาในทันใด จิ้งเหอนิ่งอึ้งไปสักพัก ค่อยๆคลานไปหาเขา น้ำตาไหลพร้อมพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “จะมาช่วยข้าทำไม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เขาชดใช้กรรม ต่อให้ต้องตาย ก็สุขสงบได้แล้ว”
จิ้งเหอเอามือปิดหน้า ร้องไห้เสียใจอย่างที่สุด
หลังจากอ๋องเว่ยได้เติมเลือดเสร็จ ก็ค่อยฟื้นขึ้นมา มองดูจิ้งเหอที่ร้องไห้จนตาบวม รอยยิ้มที่ขาวซีดปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ร้อง คนอย่างข้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”
จิ้งเหอน้ำตาไหล ความขมขื่นแผ่ซ่านในดวงตา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องพูดเช่นนี้ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”

“ดี” ดวงตาของเขาก็แดงขึ้นมา น้ำเสียงแหบ จ้องมองดูนางอยู่ตลอด มีคำพูดมากมายเต็มอก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไร
กองกำลังใหญ่ได้รับชัยชนะกลับไป หลังจากนับจำนวนคนเจ็บตายเรียบร้อยแล้ว อ๋องชินทุกคนเฝ้าอยู่ข้างกายเขา อ๋องอานก็ได้รับบาดเจ็บ แขนและไหล่ต่างมีบาดแผล อาการไม่สาหัส ห้ามเลือดทำแผลเรียบร้อยแล้ว เขานั่งอยู่อย่างไม่พูดไม่จา ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงถูกตัดอย่างง่ายๆ มีผมฟาดอยู่บนไหล่ ไม่เหลือความสง่าน่าเกรงขามเหมือนเดิมเลยสักนิด
เนิ่นนาน ริมฝีปากที่แห้งกร้านของเขาก็ค่อยๆเปิดออก สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ เพียงแค่เงยหน้ามองดูหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง
หยู่เหวินเห้าก็มองดูเขาแวบหนึ่ง ทั้งสองพี่น้องตอนที่อยู่ในเมืองหลวงต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน แต่ห่างไกลจากกระแสน้ำวนในเมืองหลวง กลับจดจำความเป็นพี่น้องในสมัยเด็กขึ้นมาได้
เห็นได้ว่า เมืองหลวงเป็นสนามรบที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ห่างออกมาจากตรงนั้น ทุกอย่างล้วนดีขึ้น ถึงว่าทำไมเสด็จพ่อถึงได้เอาเขาไปทิ้งไว้ที่จวนเจียงเป่ยสถานที่เสื่อมเสียนั่น
อาการของอ๋องเว่ยยังไม่สู้ดี แต่หลังจากเติมเลือดแล้วก็ต้องออกเดินทาง แผ่นดินเจียงเป่ยไม่ควรที่จะอยู่นาน โดยเฉพาะยังต้องผ่านวงแหวนสวรรค์วงแหวนพิภพ
ดีที่ครั้งสองครั้งนี้ คนที่รู้จักเส้นทางก็มีมากขึ้น และไม่ว่าจะเป็นหมันเอ๋อหรือท่านชายหงเย่ ล้วนสู้หมาป่าหิมะไม่ได้ มันทำหน้าที่เป็นหมาป่านำทาง พากองทัพใหญ่ออกไป
ตลอดทางหมันเอ๋อไม่พูดไม่จา หลังจากออกมาจากเจียงเป่ยแล้ว นางกลับพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายารัชทายาท ข้าน้อยอยากยังไม่กลับไปเมืองหลวงพร้อมกับท่าน ข้าน้อยอยากกลับไปหนานเจียงก่อน”

หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้ แล้วเดินไปอีกด้าน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หมันเอ๋อ ข้ารู้ว่าเจ้าจำเรื่องทุกอย่างได้แล้ว หากเจ้าทุกข์ทรมานเสียใจ ก็ร้องไห้ออกมา ไม่ต้องอดกลั้นไว้”
หมันเอ๋อส่ายหัว ดวงตาแดงก่ำ พร้อมพึมพำพูดขึ้นว่า “ร้องไห้ไม่ออก”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าในใจของนางจะต้องทรมานอย่างมากแน่ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าจะกลับไปหนานเจียงทำไม? ข้าไม่วางใจที่เจ้ากลับไปคนเดียว”
“ข้าน้อยอยากกลับไปไหว้เสด็จพ่อ” ดวงตาหมันเอ๋อแดงก่ำ แต่กลับไม่ไหลออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เคยไปจุดธูปหน้าหลุมศพของท่านเลย ไม่เคยเคารพคำนับ ไม่เคยได้แสดงความกตัญญูกตเวทีในฐานะที่เป็นลูกสาว”
หยวนชิงหลิงฟังอย่างเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าอยากกลับไปจริงๆ งั้นข้าสั่งคนไปพร้อมกับเจ้า”
“ไม่ต้อง ข้ารู้เส้นทาง” หมันเอ๋อเอามือทั้งคู่ปิดหน้า ตอนที่เอามือออก แววตาโศกเศร้าพร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหลายปีมานี้ ข้าน้อยจำได้หมดแล้ว พระชายารัชทายาท หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ข้าน้อยไม่มีบ้าน สุดท้ายทำได้เพียงกลับไปยังจวนอ๋องฉู่ ถึงตอนนั้น ท่านยังจะรับข้าน้อยไว้ไหม?”
“ยังไงเจ้าก็จะต้องกลับมา หมันเอ๋อ แม้ว่าเราจะเป็นนายกับบ่าว แต่ก็เห็นเป็นญาติแต่แรกแล้ว จวนอ๋องฉู่ก็คือบ้านของเจ้า” หยวนชิงหลิงน้ำตาไหลเสียก่อน หวนคิดถึงช่วงวันเวลาที่มีหมันเอ๋ออยู่เคียงข้าง แล้วมองดูความโศกเศร้าของนางในตอนนี้ ตอนนั้นหากไม่มีหมันเอ๋อ นางคงตายอยู่ในมือฉู่หมิงชุ่ยแต่แรกแล้ว จะมีวันนี้ได้อย่างไร?
นางดึงมือของหมันเอ๋อไว้ มองดูแม่นมฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างหยู่เหวิยเทียน แม่นมฉินมองดูพวกนางอยู่ตลอด สีหน้าโดดเดี่ยวทำอะไรไม่ถูก นางพูดขึ้นว่า “และใช่ว่าเจ้าไม่มีญาติ แม่นมฉินเป็นแม่ของเจ้า”
หมันเอ๋อพยักหัว ในที่สุดน้ำตาก็นองหน้า มองดูแม่นมฉินแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของนางจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่สายตาสามารถดูออก”
“เจ้าไม่คิดที่จะบอกกับนางหรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หมันเอ๋อมองดูหยวนชิงหลิง ดวงตาแดงก่ำ พร้อมกัดฟันพูดขึ้นว่า “ฆาตกรที่ฆ่าพ่อ ความแค้นที่ฆ่าล้างตระกูล ข้าน้อยต้องแก้แค้น ขอพระชายารัชทายาทดูแลแม่ของข้าน้อยด้วย ไม่ต้องให้นางกลับมาหนานเจียง หากหลังจากที่หมันเอ๋อแก้แค้นแล้วยังมีชีวิตอยู่ จะกลับไปรับใช้ปรนนิบัติพระชายารัชทายาทต่อไป”
หยวนชิงหลิงถูกความแค้นในสายตาของนางทำให้ตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ด้วยกำลังของเจ้าเพียงคนเดียว จะแก้แค้นได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ เรื่องแก้แค้น เราค่อยวางแผนระยะยาว”
หมันเอ๋อพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องวางแผนระยะยาว พระชายารัชทายาท ท่านกลับไปบอกองค์ชายรัชทายาท ข้าน้อยจะอยู่ที่หนานเจียง คอยเป็นแนวหน้าให้กับเขา”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset