บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 909 ฐานะที่แท้จริงของหมันเอ๋อ

“แม่นมฉิน ”หมันเอ๋อเค้นทุกรอยหยักในสมองเพื่อนึกดู ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
หยวนชิงหลิงดูท่าทีที่ดูสับสนและทุกข์ใจของนาง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “หมันเอ๋อ เจ้าจะรังเกียจหรือไม่หากข้าจะสะกดจิตเจ้าสักครั้ง”
“ได้เพคะ พระชายารัชทายาทจะให้ข้าทำอะไร ข้าน้อยก็จะทำ”หมันเอ๋อพูดอย่างเชื่อฟัง
หยวนชิงหลิงจุดธูปไม้กฤษณาก่อน จากนั้นก็ปูเบาะรองนิ่มๆไว้บนเก้าอี้กุ้ยเฟย ให้นางนอนลงอย่างสบาย ย้ายเก้าอี้มาตัวหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้านาง สายตาจับจ้องไปที่หมันเอ๋ออย่างอ่อนโยน พูดว่า “หมันเอ๋อ ตอนนี้เจ้าลองจินตนาการถึงภูเขา น้ำ ต้นไม้ คน แล้วก็สัตว์น้อยใหญ่ที่วิ่งไปมาในป่าของหนานเจียง”
หมันเอ๋อเริ่มคิด ทีละฉากทีละฉาก ไม่ได้ชัดเจนมากนัก กระทั่งมีความเลือนรางอยู่บ้าง
“เอาล่ะ ตอนนี้หลับตาลง เรื่องที่ให้เจ้านึกถึงเมื่อครู่ ไม่สามารถไปคิดถึงมันได้อีก”หยวนชิงหลิงน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดโชยมา ทำให้หัวใจรู้สึกสงบขึ้นมาในพริบตา “ไม่สามารถหวนไปนึกถึงเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวลดเลี้ยวเหล่านั้น ไม่สามารถนึกถึงป่าหนาทึบเหล่านั้น ไม่สามารถนึกถึงสัตว์ป่าที่วิ่งไปมาในเต็มภูเขา ยังมีสายน้ำที่ไหลเอื่อยอย่างสงบ บนลำธารมีใบไม้ร่วงหล่นอยู่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นหมุนวนอยู่ในสายน้ำ เจ้าไม่สามารถคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ต้องลืม”
หลังจากที่เสียงของหยวนชิงหลิงที่ดังขึ้นอย่างแช่มช้าสิ้นสุดลง ความทรงจำของหมันเอ๋อที่เกี่ยวกับทัศนียภาพของหนานเจียงค่อยๆแจ่มชัดขึ้นมา ยิ่งบอกกับตัวเองว่าไม่ให้นึกถึง ความจำที่ดึงดันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ตลอด
สองข้างทางบนภูเขาปลูกต้นซานจาได้เต็มไปหมด ผลสีแดงสดห้อยลงมาข้างทาง บางครั้งจะได้ยินเสียงผลซานจาร่วงหล่นลงมาจากต้นสู่พื้นดิน บนภูเขามีดอกลำโพงที่มีสีสันงดงาม บริเวณที่ราบของภูเขายังมีดอกลิลลี่ป่า นางเดินอยู่บนทางภูเขาเส้นนั้น ด้านหลังยังมีกระต่ายตัวหนึ่งตามมาด้วย นางหันหน้ากลับไป กระต่ายตัวนั้นก็หลบเข้าไปอยู่ในพงหญ้า เป็นเวลานานแล้วก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา
มีคนเรียกนางหนึ่งเสียง นางเงยหน้าขึ้นขานรับทันที จากนั้นก็ถูกคนดึงมือเดินไปข้างหน้า คนที่เดินอยู่ข้างหน้า มีเงาร่างที่สูงใหญ่ เขากำลังพูด บอกว่าไม่ให้นางออกมาวิ่งเล่นคนเดียว
นางก็เรียกคนผู้นั้นหนึ่งเสียงว่า “ท่านปู่”
คนคนนั้นหันหน้ากลับมา หน้าตาไม่เลือนรางไม่ชัดเจน แต่นางสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากสายตานั้น
หยวนชิงหลิงคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนางอย่างเงียบๆอยู่ตลอด นางเริ่มจากสงบลง ยิ้มบางๆ ออดอ้อน สุดท้ายก็เริ่มเปลี่ยน นางเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง ร่างกายแข็งเกร็งตลอด ผ่านไปอีกชั่วครู่ นางก็กรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา สองมือจับที่ข้อมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หอบหายใจเฮือกใหญ่ๆ

หยวนชิงหลิงตบที่หลังมือของนางเบาๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า ”ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นั่นเป็นแค่ความฝัน ความฝันเท่านั้น”
“ฝันหรือ”หมันเอ๋อยังคงมีสีหน้าซีดขาว นิ่งอึ้งไปเป็นเวลานาน “ข้าน้อยนอนหลับไปหรือ”
“ใช่ เจ้านอนกลับไป”หยวนชิงหลิงกุมมือของนางเอาไว้ ถามเสียงเบาว่า “เจ้าบอกข้า เจ้าฝันเห็นอะไร”
“ท่านปู่ตายแล้ว”หมันเอ๋อพูดพึมพำ ความหวาดกลัวในแววตายิ่งทวีมากขึ้น “เลือดเยอะมาก ไหลลงมาจากบนบันไดหินไม่หยุด เขาแน่นิ่งอยู่บนบันไดหิน ถูกคนเตะหนึ่งที จากนั้นก็กลิ้งลงไปไม่เคลื่อนไหว ไฟลุกไหม้ใหญ่มาก ไหม้มาตลอด แผดเผาเข้ามาแล้ว ”
“ท่านปู่ ”หยวนชิงหลิงมองนาง “เป็นท่านปู่ของเจ้าหรือ”
หมันเอ๋อตื่นเต้นมาก “ไม่รู้ ไม่รู้ พระชายารัชทายาท ข้าน้อยไม่รู้”
“ได้ หมันเอ๋อ อย่าตื่นเต้น พวกเราไม่คิดถึงมันแล้ว ไม่คิดแล้ว”หยวนชิงหลิงกอดนางเอาไว้ ไม่เคยเห็นเวลาที่นางตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากมีความทรงจำบางส่วนของนางที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ คนที่ปิดผนึกให้นางต้องคิดจะปกป้องนางอย่างแน่นอน ไม่ยินดีจะให้นางไปเผชิญหน้า
“ความฝันนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว”หมันเอ๋อตัวสั่นสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง
“เป็นแค่ความฝัน ฉะนั้นอย่าใส่ใจ ไม่ต้องคิดแล้ว ไม่ต้องคิดอีกแล้ว”หยวนชิงหลิงตบที่หลับของนางและพูดขึ้นเพื่อเป็นการปลอบโยน
หมันเอ๋อปล่อยให้หยวนชิงหลิงกอดอย่างนิ่งอึ้ง ภาพในความฝันนั้นแจ่มชัดมาก เลือดสีแดงสดนั้นราวกับไหลออกมาจากหัวใจนาง เจ็บปวดมาก
หยวนชิงหลิงปลอบใจอยู่ชั่วครู่ ก็ให้นางกลับไปพักผ่อน จากนั้นก็สั่งให้ฉี่หลอดูแลนาง ถ้าหากมีอาการอะไรเกิดขึ้นให้รีบมารายงานทันที

ช่วงเวลาค่ำ หยู่เหวินเห้าก็กลับมาที่ห้อง หยวนชิงหลิงเทน้ำชาให้เขา เขานั่งลง โบกมือ “ไม่ดื่มแล้ว ตอนที่พูดคุยกับพวกเขาก็ดื่มน้ำชาจนเต็มท้องไปหมดแล้ว”
“เป็นอย่างไรบ้าง อ๋องหนานเจียงตายอย่างไร”หยวนชิงหลิงนั่งลงและถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบาๆ ใบหน้ามีแววหนักอึ้งเคร่งขรึม “เป็นภัยจากการฆ่าล้างตระกูล ที่พวกเขาพูดใกล้เคียงกับที่เสี้ยวหงเฉิงตรวจสอบมาก ตอนนั้นที่จัดการกับศพ คนในตระกูลอ๋องหนานเจียงมีเพียงศพพระชายารองหนานเจียงกับลูกสาวของพวกเขาที่หาไม่พบ แต่ว่า พระชายารองคนนั้นก่อนที่อ๋องหนานเจียงจะเกิดเรื่อง ก็ได้จากไปแล้ว ฉะนั้น น่าจะไม่อยู่ในเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูล”
“แล้วลูกสาวของพวกเขาเล่า ”หัวใจของหยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้นมาว่า ไม่รู้ว่าใช่หมันเอ๋อหรือไม่
“ไม่รู้ว่าหายไปไหน ในจวนเป็นบ่าวรับใช้สองคนหนีออกไปได้ สงสัยว่าพวกเขาจะพาจวิ้นจู่น้อยหนีตายไปแล้ว เหล่านี้เสี้ยวหงเฉิงเคยตรวจสอบ และบอกข้าแล้ว เรื่องมันเป็นเช่นนี้จริงๆ ”
หยวนชิงหลิงถาม “แล้วตอนนั้นจวิ้นจู่น้อยอายุเท่าไหร่”
“น่าจะแปดเก้าขวบกระมัง ตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว ถ้าหากจวิ้นจู่น้อยคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะอายุใกล้เคียงกับหมันเอ๋อ”หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ฆาตกรคือใคร สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ”

“ตอนนั้นสงสัยกันว่าจะเป็นฝีมือของหมอผีเจียงเป่ยที่ส่งคนมาทำ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่ค่อยจะเชื่อฟังการควบคุมดูแลของอ๋องหนานเจียงสักเท่าไหร่ เสียดายที่ตอนนั้นไม่สามารถหาตัวพยานที่เห็นเหตุการณ์ได้ นอกจากบ่าวไพร่พวกนั้นกับจวิ้นจู่น้อยที่หนีรอดไปได้ คนอื่นล้วนตายหมด แม้แต่จวนก็ถูกไฟไหม้ ”
หยวนชิงหลิงรีบหันไปมองเขาทันที “เผาจวนหรือ”
หยู่เหวินเห้าบอกว่า “เผาไม่หมด เพราะว่าตอนนั้นฆาตกรได้ล่าถอยไป ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมาช่วยกันดับไฟ ฉะนั้นศพจึงสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นใคร”
“ศพของอ๋องหนานเจียงนอนตายอยู่บนบันไดหินใช่หรือไม่”หยวนชิงหลิงถามขึ้นอีก
หยู่เหวินเห้ามองนาง สายตามีแววประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
หยวนชิงหลิงสีหน้าตกตะลึง “สวรรค์ เจ้าห้า เป็นไปได้ว่าหมันเอ๋อก็คือลูกสาวของอ๋องหนานเจียง”
“ดูออกได้อย่างไร”หยู่เหวินเห้าถาม
หยวนชิงหลิงเล่าเรื่องที่ทำการสะกดจิตหมันเอ๋อในคืนนี้ จากนั้นหมันเอ๋อก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้หยู่เหวินเห้าฟัง “นางบอกว่าเห็นท่านปู่มีเลือดไหลออกมาเยอะมาก ถูกคนเตะลงมาจากขั้นบันไดหิน ไม่เคลื่อนไหวอีก จากนั้นก็บอกว่าเห็นประกายไฟเยอะมาก สามารถเทียบเคียงได้กับที่เจ้าพูดมา”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าหนักอึ้งขึ้นมา“ยายหยวน จะพูดเรื่องนี้กับใครไม่ได้เด็ดขาด คนหนานเจียงตามหาจวิ้นจู่น้อยคนนี้ตลอดมา โดยเฉพาะหมอผีของเจียงเป่ย พวกเขาได้ส่งคนเข้ามาในเมืองหลวง เบื้องหน้าบอกว่าจะตามหาสาวหมอผีกู้จือกับสาวหมอผีที่หายสาบสูญไปก่อนหน้านี้ แต่ข้าสงสัยว่าพวกเขามาด้วยจุดประสงค์ที่มีต่อตัวจวิ้นจู่น้อย ”
“พวกเขาจะฆ่าหมันเอ๋อหรือ”หยวนชิงหลิงได้ถือว่าหมันเอ๋อเป็นจวิ้นจู่น้อยไปแล้ว
“ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ว่า ถ้าหากการตายในตอนนั้นของอ๋องหนานเจียงเป็นฝีมือของหมอผีเจียงเป่ยจริงละก็ เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะทำการถอนรากถอนโคน เอ๋ ไม่ใช่ หมันเอ๋อนึกถึงเรื่องราวในหนานเจียงขึ้นมาด้วยการสะกดจิตของเจ้าหรือ แต่นางกับหนานเจียงนั้นมีความเกี่ยวข้องกันนี่นา เดิมทีนางเคยจะจัดการเรื่องของเจ้าพระยาจิ้งมิใช่หรือ”
“ก็ใช่ หมันเอ๋อเหมือนจะรู้จักคนของหนานเจียงอยู่บ้าง แต่ว่านางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่และครอบครัวเลย”หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจ หนานเจียงยังมีคนที่คอยติดต่อกับหมันเอ๋ออยู่เสมอด้วยหรือ
หยวนชิงหลิงชะงักไปชั่วครู่ คิดถึงในแง่ที่ค่อนข้างจะเป็นบทละคร “ท่านว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่มีคนใช้กลยุทธ์หลี่ตายแทนถาว  หลังจากที่รับเอาหมันเอ๋อเป็นลูกของตัวเองเพื่อจะได้สร้างฐานะใหม่ให้กับหมันเอ๋อแล้ว มีท่านยายสองคนพามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ระยะทางที่ห่างจากหนานเจียงเป็นพันลี้เช่นนี้ ทำให้ห่างไกลจากความอันตราย”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset