หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ความเป็นไปได้นี้ใช่ว่าจะไม่มี แต่ว่า ถ้าหากมีคนต้องการจะปกป้องหมันเอ๋อ ทำไมไม่อยู่คอยดูแลในเมืองหลวง กลับให้นางต้องมีชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ทำไม”
“ข้าได้ยินหมันเอ๋อบอกว่าท่านยายทั้งสองที่พานางเข้าเมืองหลวงได้ตายไปหมดแล้ว ตอนที่มาก็มีโรคติดตัวมาด้วย”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรหมันเอ๋อก็มีความทรงจำต่อหนานเจียงอยู่บ้าง โดยเฉพาะ ตอนนี้นางยังคงมีญาติอยู่ที่หนานเจียง ”
“เรื่องนี้ ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจริงๆ เพียงแต่ว่า ความทรงจำของนางสับสนวุ่นวายมาก อีกอย่าง คำพูดที่นางเคยพูดนางเองก็จำไม่ได้ ทำให้รู้สึกว่าความทรงจำนี้ถูกคนฝังเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น แต่เพราะตลอดมามันไม่ใช่สิ่งที่พบเจอด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงลืมเลือนได้อย่างรวดเร็ว มีเพียงความทรงจำที่มีต่อท่านยายทั้งสองเท่านั้น นางค่อนข้างจะจำได้ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ไม่เคยพูดผิดเลย”
“น่าประหลาดขนาดนี้เชียว ใช่แล้ว แล้วนางมีความทรงจำต่อแม่นมฉินหรือไม่”
“นางบอกว่าไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อแม่นมฉินมาก่อน”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าพึมพำว่า “เช่นนั้นบางทีอาจเป็นแค่คนที่หน้าตาคล้ายกัน แม่นมฉินกับหมันเอ๋ออาจไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่ ปฏิกิริยาของแม่นมฉินก็น่าประหลาดใจเหลือเกิน ยอมที่จะอยู่ทำงานยากลำบากอยู่ในวังก็ไม่ยินดีจะออกมารับใช้น้องเก้าในจวน นี่ไม่ใช่ความคิดของคนปกติทั่วไป อย่างไรเสียก็ต้องตรวจสอบให้ดีจึงจะได้ ดูสิว่านางใช่บ่าวหนานเจียงกลุ่มแรกที่เข้ามาในเมืองหลวงหรือไม่ ”
“ข้าจำได้ท่านเคยบอกว่า หลังจากอ๋องหนานเจียงตายแล้ว จึงมีคนหนานเจียงจำนวนมากทะลักเข้าสู่เมืองหลวง ยังมีบ่าวหนานเจียงสองคนที่บุกเข้าไปในตำหนักของไท่ซ่างหวงหวังปลงพระชนย์ เรื่องนี้เคยตรวจสอบในภายหลังหรือไม่”หยวนชิงหลิงถาม
“ตอนนั้นไท่ซ่างหวงยังไม่ได้สละบัลลังก์ เรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามีการตรวจสอบหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ศาลต้าหลี่ ตามหลักแล้วศาลต้าหลี่จะมีการเก็บม้วนคดีความเอาไว้ หรือบางที เป็นการจัดการภายในของทหารรักษาพระองค์ พักผ่อนก่อนเถอะ เจ้าจะอดหลับอดนอนไม่ได้”
ที่จริงหยวนชิงหลิงก็รู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างแล้ว นอนลงไปบนเตียง แต่ความคิดไม่สามารถสงบลงได้เลย พลิกตัวไปมา หยู่เหวินเห้าใช้มือโอบกอดไหล่ของนางเอาไว้ แววตาลึกซึ้ง “นอนไม่หลับหรือ”
“นอนไม่หลับ”
เขาวางมือเอาไว้บนหน้าอกของนางอย่างจริงจัง “ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่”
หยวนชิงหลิงหลับตาลง ค่อยๆพูดอย่างช้าๆว่า “ตอนนี้รู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว”
มือของหยู่เหวินเห้าค่อยๆเคลื่อนลงไปด้านล่าง วางไว้ที่หน้าท้องของนาง ลูกสาวที่อ้วนถ้วนของเขา
เมื่อถึงกลางดึก ได้ยินคนเคาะประตูอยู่ด้านนอกด้วยความสะลึมสะลือ หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาขานรับหนึ่งเสียง “ใคร”
“ท่านอ๋อง พระชายารัชทายาท หมันเอ๋อเป็นเรื่องแล้ว ”ฉี่หลอที่อยู่ข้างนอกพูดอย่างตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงกึ่งกลับกึ่งตื่น ได้ยินคำพูดนี้ของฉี่หลอ ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันที รีบเลิกผ้าห่มออกจะลงจากเตียง หยู่เหวินเห้ากดนางเอาไว้ ตัวเองเดินเท้าเปล่าออกไปเปิดประตู เห็นฉี่หลอที่ตัวเปียกปอนยืนอยู่หน้าประตู ผมและใบหน้ายังมีน้ำหยดลงมา ใบหน้าขาวซีด “หมันเอ๋อตกลงไปในทะเลสาบ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”หยวนชิงหลิงลุกขึ้นเอาเสื้อคลุมร่าง ลมหนาวเย็นในตอนกลางคืนพัดกรูเข้ามา นางจามติดต่อกันสองครั้ง
“พระชายารัชทายาท เมื่อคืนท่านให้ข้าน้อยจับตาดูนางเอาไว้ ข้าน้อยจึงจุดธูปไว้ในห้อง คิดว่าจะให้นางได้นอนพักผ่อนดีๆ ไหนเลยจะรู้ว่าพอถึงกลางดึกนางก็เริ่มกรีดร้อง ร้องไห้ ร้องเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น หลังจากนั้นข้าน้อยก็ออกไปเรียกคน เพิ่งจะออกจากประตูก็เห็นอย่างวิ่งอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรออกไปข้างนอก ตรงไปยังทะเลสาบในลานบ้านและพุ่งตัวลงไปทันที ข้าน้อยลากตัวนางขึ้นมาแต่ก็ลากขึ้นมาไม่ได้ เป็นองค์ชายเก้าที่มาแล้วช่วยลากตัวนางขึ้นมาได้”ฉี่หลอพูดด้วยอาการที่สั่นเทาไปทั้งตัว
หยวนชิงหลิงร้องในใจว่าแย่แล้ว รีบเดินออกไปทันที “เจ้ารีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะไปดู”
หยู่เหวินเห้ากลับเข้าไปในห้องเอาเสื้อมาตัวหนึ่ง “รอข้าด้วย”
ทั้งสองเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องของหมันเอ๋อ เดิมทีนางนอนห้องเดียวกันกับลู่หยา ภายหลังลู่หยาได้ไปรับใช้คุณย่าหยวน นางจึงอยู่ห้องเดียวกับฉี่หลอ
ตอนนี้แม่นมสี่กับแม่นมฉีต่างก็อยู่ในห้องแล้ว หยู่เหวินเทียนก็ตัวเปียกปอนยืนอยู่หน้าประตู เห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมาแล้ว รีบก้าวเข้าไปพูดว่า “คนไม่เป็นไรแล้ว จมน้ำ ครู่เดียวก็ค่อยๆดีขึ้นแล้ว ถามนางว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางก็พูดไม่ออก”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไป หยู่เหวินเห้าตบไปที่ไหล่ของเขา “ดี เจ้ารีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าให้จับไข้”
“พี่ห้า เมื่อครู่นางเอาแต่ร้องไห้วิ่งตรงไปที่ทะเลสาบ กระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงต้องคิดฆ่าตัวตายกลางดึก”หยู่เหวินเทียนพูด
“ไม่มีอะไร กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงขรึม
หยู่เหวินเทียนลังเลอยู่ชั่วครู่ “เช่นนั้น เช่นนั้นก็ได้ ห้องของหญิงสาวข้าเข้าไปก็ไม่เป็นการดี เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”
หมันเอ๋อถูกแม่นมฉีกอดเอาไว้เพื่อเช็ดผม เสื้อผ้าได้เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าขาวซีดจนน่าสงสาร หลบอยู่ในอ้อมอกของแม่นมฉี ราวกับตุ๊กตาผ้าที่ยับเยิน
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นลักษณะเช่นนี้ของหมันเอ๋อมาก่อนเลย หัวใจรู้สึกหนักอึ้งอยู่บ้าง เข้าไปนั่งลงข้างเตียง กุมมือของหมันเอ๋อเอาไว้ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ทุกคนก็อยู่ที่นี่แล้ว”
“พระชายารัชทายาท ”หมันเอ๋อมองเห็นหยวนชิงหลิง น้ำตาก็ไหลพรากออกมา “ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ”
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”หยวนชิงหลิงเขยิบไปข้างหน้าเล็กน้อย ให้แม่นมฉีหลีกไปก่อน นางกอดร่างของหมันเอ๋อเอาไว้ด้วยตนเอง รู้สึกได้ว่านางยังคงสั่นเทาอย่างรุนแรง จึงไม่ได้ถามอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ปลอบประโลมเท่านั้น
ลู่หยาต้มน้ำขิงเข้ามา หยวนชิงหลิงให้หมันเอ๋อดื่มหมดในคำเดียว ให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หมันเอ๋อเชื่อฟังมาก ยังคงร้อนอยู่บ้างแต่ก็กลืนมันลงไปรวดเดียว สีหน้าค่อยแดงเรื่อขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นหยู่เหวินเห้า ก็ตกใจจนนางอยากจะรีบลุกขึ้นมา “ขออภัย ข้าน้อยยังทำให้รัชทายาทต้องตกใจไปด้วย ข้าน้อยมีโทษสมควรตาย”
“เอาล่ะ เจ้านอนเถอะ”เขากดมือลง “พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้าจะกลับไปก่อน”
หมันเอ๋อไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้ยายหยวนคุยกับนาง ปลอบประโลมจิตใจของนาง เขาอยู่ที่นี่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้
หลังจากที่เขาไปแล้ว หยวนชิงหลิงให้เหล่าแม่นมต่างก็ออกไป ปิดประตูลง
อารมณ์ของหมันเอ๋อสงบลงบ้างแล้ว พูดเสียงพึมพำว่า “ข้าน้อยฝันร้าย ในฝันทุกที่ต่างเต็มไปด้วยไฟ ก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงคิดอยากจะกระโดดหนีลงไปในทะเลสาบ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้พระชายารัชทายาทตกใจ”
หยวนชิงหลิงมองนาง “ถ้าหากว่ารู้สึกทรมานใจมาก ก็ไม่ต้องคิดแล้ว”
“ดีขึ้นมากแล้ว”หมันเอ๋อยิ้มด้วยสีหน้าที่ขาวซีดชั่วครู่ “ทำให้พระชายารัชทายาทต้องกังวลใจเพราะข้าน้อย ข้าน้อยรู้สึกแย่มาก”
“อย่าพูดเหมือนเป็นคนอื่น ตอนที่ข้าเกิดเรื่อง เจ้าเองก็ช่วยข้าอย่างแข็งขัน”
“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าน้อยสมควรทำ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “ในใจของข้า ไม่มีใครสมควรเสียสละเพื่อใคร คนที่เคยช่วยเหลือข้า ข้าล้วนจดจำไว้ในใจ”
หมันเอ๋อน้ำตาเอ่อล้นขอบตา “พระชายารัชทายาทท่านเป็นคนดีจริงๆ”
“นอนเถอะ”หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หมันเอ๋อค่อยๆนอนลงไป ทันใดนั้นเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองหยวนชิงหลิงและพูดว่า “พระชายารัชทายาท ข้าน้อยจำเรื่องราวได้บางส่วน แม่ของข้าน้อย……”
นางลังเลอยู่ชั่วครู่ สายตามีแววเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก
“แม่เจ้าเป็นอะไร”หยวนชิงหลิงถาม
“ข้าน้อยจำได้ว่านางบอกว่า มีคนต้องการหาเรื่องนาง ฉะนั้นนางต้องจากไปก่อน รอให้ผ่านช่วงคับขันไปแล้วค่อยมาหาข้า จากนั้น จากนั้นข้าน้อยก็ไม่เคยเห็นนางอีกเลย”
หยวนชิงหลิงนึกถึงคำพูดของเจ้าห้า ตอนนั้นตระกูลของอ๋องหนานเจียงถูกฆ่าล้างโคตร มีพระชายารองคนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าหากหมันเอ๋อเป็นจวิ้นจู่น้อย เช่นนั้นมารดาของนางก็จากไปนานแล้ว ย่อมไม่ประสบเคราะห์ร้ายในเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลครั้งนั้น
“แม่เจ้าชื่อว่าอะไร ”หยวนชิงหลิงถาม
หมันเอ๋อส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่รู้ แต่ว่า ราวกับว่าในความฝันนั้น ได้ยินท่านปู่เรียกนางว่าหลั่งเยว่”
“หลั่งเยว่”หยวนชิงหลิงพูดชื่อนี้ขึ้นมาซ้ำอีกรอบ น่าฟังมาก คิดว่าคงต้องเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยดุจภาพวาดแน่ เพราะว่าหมันเอ๋อก็มีหน้าตางดงามมาก
เพียงแต่ ไม่รู้ว่านางประสบพบเจอกับความยุ่งยากอะไรจึงต้องจากสามีและลูกสาวไป
ยังมีหมันเอ๋อ ความทรงจำของนางเหมือนจะค่อยๆถูกเปิดออก วันหลังต้องให้อะซี่มาดูแลนางด้วยตนเองจึงจะดี จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุดังเช่นคืนนี้อีก