พระชายาซุนรู้สึกอัดอั้นมาก มองหยวนหย่งอี้และถามขึ้นว่า “คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าว่าข้าวางมาดหรืออย่างไร”
หยวนหย่งอี้ถามกลับไปว่า “พี่สะใภ้รอง ข้าขอถามคำถามท่านหนึ่งข้อ ท่านไม่หวังให้นางสามารถใช้ชีวิตดีดีหรือ”
“ทำไมข้าจะไม่หวังให้นางมีชีวิตที่ดี แม้ว่าเมื่อก่อนข้ากับนางจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แต่นั่นล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ข้าไม่ได้ใส่ใจตั้งนางแล้ว แต่เรื่องนี้ทำได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ นางยังเลี้ยงดูจวิ้นจู่ทั้งสองอยู่เลย”
หวงกุ้ยเฟยมองพวกนาง ขมวดคิ้วพูดว่า “พอแล้ว พวกเจ้าทะเลาะอะไรกัน นี่ก็เป็นแค่เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ คนที่หวังให้นางหา ก็เป็นแค่คิดไปเองฝ่ายเดียว คนที่ไม่หวังให้นางหา ก็คิดมากเกินไปแล้ว ข้าเชื่อว่าฮูหยินเหยาเองในใจรู้ดีที่สุด”
คำพูดของหวงกุ้ยเฟย ทำให้หรงเยว่รู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง “หวงกุ้ยเฟย แล้วถ้าหากพบเข้าจริงๆเล่า”
“เช่นนั้นก็ค่อยว่ากันทีหลัง”หวงกุ้ยเฟยใช้มือกุมขมับ “วันนี้พวกเจ้าไม่ต้องโต้เถียงกันอีกแล้ว แค่ฉินเฟยอาละวาดก็กลุ้มใจมากพอแล้ว”
หรงเยว่ยังอยากจะพูดอีก หยวนชิงหลิงส่ายหน้าให้นาง หรงเยว่จึงได้แต่หุบปากอย่างไม่พอใจ
งานเลี้ยงเลิกราออกจากวัง หรงเยว่นั้นนอนไม่หลับอย่างแน่แท้ จึงตรงไปยังจวนอ๋องฉู่ ไม่อนุญาตให้หยวนชิงหลิงนอนหลับต้องพูดเรื่องนี้ให้กระจ่างเสียก่อน
“พวกนางคิดเช่นนี้ สำหรับฮูหยินเหยาแล้วไม่ยุติธรรมเลย ทำไมแต่งงานกับคนในราชวงศ์แล้วหลังจากถูกทอดทิ้งก็ยังไม่สามารถหาคนใหม่ได้ นางเพิ่งจะสามสิบต้นๆ ดูสุขภาพของนางตอนนี้ จะมีชีวิตอยู่สักเจ็ดแปดสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา หรือว่าหลายสิบปีให้หลังนี้จะให้นางต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว เจ้าไม่ควรห้ามข้าพูดต่อเลย ”
หยวนชิงหลิงมองท่าทีโมโหของนาง ก็พูดยิ้มๆว่า “เจ้าน่ะ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ตอนนี้ยังไม่มีคนคนนั้นเสียหน่อย เจ้าเอาแต่พูดท่าเดียว ไม่เท่ากับทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคนนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
อีกอย่าง ถ้าหากเจ้าทำให้หวงกุ้ยเฟยโกรธ ประเดี๋ยวนางเรียกตัวฮูหยินเหยาเข้าวัง พูดเป็นนัยให้นางฟัง ฮูหยินเหยาก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ภายหน้าจะสามารถก้าวออกจากจุดนี้ได้หรือ”
หรงเยว่แอบเหลือบตามองไปยังเจ้าหาที่แสร้งทำทีว่าอ่านหนังสือแต่แท้จริงแล้วกลับแอบฟังหูผึ่งแวบหนึ่ง กดเสียงลงต่ำและพูดว่า
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ข้าได้ส่งฮุ่ยเทียนไปปกป้องนาง และก็อยากจะจับคู่พวกเขาอย่างลับๆ”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจมาก “ฮุ่ยเทียน”
ฮุ่ยเทียนที่ออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่าคนนั้นหรือ หยวนชิงหลิงนึกถึงเขาขึ้นมา ก็รู้สึกราวกับว่ามีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมา คนคนนี้ออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่า นิสัยใจคอและประวัติความเป็นมาล้วนไม่รู้อะไรสักอย่าง เหมาะสมกับฮูหยินเหยาหรือ
อีกอย่าง ฮูหยินเหยาเคยมีประสบการณ์จากชายสารเลวอย่างหยู่เหวินจุน ถ้าต้องการจะหาจริงๆ ก็คงจะหาที่อ่อนโยนใส่ใจ ทั่วทั้งร่างของฮุ่ยเทียนไม่มีเซลล์ของความอ่อนโยนใส่ใจเลย แม้แต่การพูดจาก็ยังแข็งกระด้าง
“หรงเยว่ เจ้าอย่าจับคู่ผู้อื่นไปเรื่อยเปื่อย ฮุ่ยเทียนอาจไม่เหมาะสมกับฮูหยินเหยาก็ได้”หยวนชิงหลิงพูด ถึงว่าทำไมจึงได้ตื่นเต้นนัก ที่แท้ก็มีความคิดเช่นนี้อยู่นี่เอง
“เหมาะสมสิ ”หรงเยว่กระทืบเท้า รีบอธิบายแทนฮุ่ยเทียนทันที “เจ้าไม่รู้จักฮุ่ยเทียน เจ้าดูเขาเย็นชาเหมือนท่อนไม้ใช่หรือไม่ ข้าจะบอกเจ้าให้ นั่นเป็นรูปลักษณ์ปลอม เขานั้นรู้ใจและรู้จักสงสารมากกว่ารัชทายาทด้วยซ้ำ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจ วางหนังสือลงพูดว่า “หรงเยว่ คำพูดนี้ของเจ้าข้าไม่ชอบฟัง เจ้าจะยกยอฮุ่ยเทียนแต่ก็ไม่ควรเหยียบย่ำข้าไปด้วย ข้าจะไม่รู้ใจและสงสารคนอื่นได้อย่างไร”
ดวงตาหรี่ยาวกวาดมองเขา ประสานเข้ากับสายตาที่ไม่พอใจของหยู่เหวินเห้า จากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ “ก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรฮุ่ยเทียนก็ยังคงเทียบกับท่านไม่ได้ แต่เป็นคนดีอย่างแน่นอน ตอนนั้นข้ายังเคยอยากได้เขา
เสียดายเขาไม่มองข้า เขาบอกว่าไม่ชอบข้าที่อารมณ์ร้อนหยาบกระด้าง ชื่นชอบพวกที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมีประสบการณ์มีเรื่องราว ข้ารวบรวมข้อมูลคิดดูแล้ว ตรงกับฮูหยินเหยาพอดีมิใช่หรือ”
หยวนชิงหลิงจะยิ้มก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก “หรงเยว่ บอกข้ามาตามตรง คนในสำนักเหลิ่งหลั่งยังมีใครที่ไม่เข้าตาเจ้าบ้าง ข้าจำได้แม้แต่สวีอีเจ้าก็ยังเคยอยากได้ ”
“สวีฟันหลอ ไม่หล่อ หลังจากนั้นข้าก็ไม่สนใจแล้ว”หรงเยว่คิดถึงเมื่อก่อน ที่จริงก็ไร้สาระน่าดู อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“ส่วนในสำนักเหลิ่งหลั่ง ท่านชายสี่เหลิ่งไม่เอา เพียงแต่ไม่มีคนร่วมงาน ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เรื่องนี้อย่าเพิ่งเอ่ยถึง เจ้าจัดการชีวิตของฮูหยินเหยา ไม่แน่ว่านางจะชื่นชอบ มีใจส่วนนี้ก็ดี ส่วนเรื่องวาสนานั้น พูดยาก ที่ควรมาก็จะมาเอง”
หรงเยว่กลอกตา“ข้าไม่ชอบคำพูดนี้เลย อะไรที่วาสนาจะมาก็มาเองถ้าไม่มาก็รออย่างเสียเปล่าหรือ ความสุขนั้นต้องพยายามให้ได้มาด้วยตนเอง”
“พอแล้ว เจ้ากลับไป ข้าจะนอนแล้ว”หยู่เหวินเห้าตบโต๊ะ มองตาขวางและพูดขึ้น
บอกว่าคนคนไม่รู้กาลเทศะ เหมือนนางจะรู้อย่างไรอย่างนั้น ดึกคื่นเช่นนี้แล้ว ยังรบกวนเวลานอนของคนอื่น
หรงเยว่ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมหยวนชิงหลิงห แต่ใบหน้าเหม็นๆของเจ้าห้าก็น่าตกใจ ได้แต่พูดเสียงอ่อนๆว่า
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”
หยู่เหวินเห้ารอให้นางไปแล้ว ก็เก็บเสื้อและพูดว่า “ไป พวกเราไปแช่น้ำกันทังหยาง แช่เสร็จแล้วจะได้หลับสบาย ”
หยวนชิงหลิงมองท่าทีที่แสร้งทำเป็นจริงจัง ก็นึกถึงสิ่งที่สวีอีพูด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ตั้งแต่ท้องแก่จนกระทั่งคลอด เจ้าห้าก็ไม่เคยแตะต้องนางเลย กระตือรือร้นในการไปแช่น้ำเป็นพิเศษ
จากนั้นก็มีครั้งหนึ่งถูกสวีอีพบเข้าว่าเขากำลังช่วยตนเองอยู่ในนั้น จึงแอบไปบอกให้ใต้เท้าทังได้รู้ แต่นางได้ยินเข้าพอดี
ตั้งแต่คลอดสองฝาแฝดจนถึงตอนนี้ ที่จริงก็สามารถแตะต้องได้ แต่คุณย่าบอกกับเขาว่า ในสองสามเดือนนี้ยังต้องระวังอยู่บ้าง เกรงว่าจะเป็นการกระทบร่างกาย ฉะนั้น เขาจึงเฝ้าอดทนอย่างยากลำบากเพื่อไม่ให้ล้ำเส้น
คืนนี้คงเป็นเพราะดื่มเหล้าในวังมากไปหน่อย จึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา เป็นสามีภรรยากันมาสี่ปี ใจเขาคิดอะไร สามารถมองออกจากดวงตาของเขา ยิ่งเขากำลังคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ละก็ดวงตาและใบหน้าเขาก็จะยิ่งจริงจังมากขึ้น
บางครั้งยังค่อนข้างเคร่งไปด้วยซ้ำ
“รอสักครู่”หยวนชิงหลิงยืนขึ้น
หยู่เหวินเห้าหันหน้ากลับมา “เอ๋”
“ข้าจะไปกับท่าน”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
แววตาของหยู่เหวินเห้ามีแววลึกซึ้งขึ้น ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ส่ายหน้า “เจ้าจะไป เจ้า……รีบเข้านอนเถอะ ข้าอยากจะแช่น้ำเงียบๆคิดเรื่องของหงเย่เสียหน่อย ”
“แช่น้ำคิดเรื่องหงเย่”หยวนชิงหลิงใช้สองมือโอบลำคอของเขาเอาไว้ ริมฝีปากแตะไปที่คางของเขาเบาๆหนึ่งที “ไม่สู้คิดถึงเรื่องของข้า”
หยู่เหวินเห้าผลักนางออก ไม่หวั่นไหว พูดอย่างจริงจังว่า “ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว จุดประสงค์ของหงเย่ยังต้องคิดใคร่ครวญให้ดีจึงจะได้ เจ้าไปนอนเถอะ”
“ไม่ ข้าอยากจะอาบน้ำก่อน”หยวนชิงหลิงอยากจะดูว่าเขาจะเสแสร้งได้อีกนานแค่ไหน
“ให้หมันเอ๋อไปตักน้ำให้เจ้า”
หยวนชิงหลิงแววตาสดใสเป็นประกาย น้ำเสียงอ่อนโยนและอบอุ่น ปล่อยผมยาวสยายออกยิ่งทำให้ดวงตาชวนมองขึ้นอีกหลายส่วน ร่างแนบชิดเข้าไป
“ข้าอยากไปแช่สักครู่ คุณย่าบอกว่าหลังจากข้าคลอดลูกแล้วร่างกายมีปราณเย็น ได้ไล่ความเย็นพอดี ดีต่อสุขภาพ ท่านเองก็เอาแต่กำชับให้ข้าดูแลร่างกายให้ดีมิใช่หรือ”
“ถ้าอย่างนั้น……”หยู่เหวินเห้ากอดนางเอาไว้ มือไม้อยู่ไม่สุขเลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว สายตามีแววแห่งความปรารถนาวาบขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อน ประเดี๋ยวเจ้าค่อยไป”
“ทำไม”
“ข้าบอกแล้ว ข้าอยากจะคิดเรื่องงานเงียบๆ”
“อยากจะคิดเรื่องงานเงียบๆหรืออยากจะทำบางสิ่งเงียบๆ”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าแดงก่ำขึ้นมาทันที รีบผลักตัวนางออกพูดเสียงดังว่า “เจ้าอย่าใส่ร้ายคนอื่นนะ”