บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 970 ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ

พระชายาซุนรู้สึกอัดอั้นมาก มองหยวนหย่งอี้และถามขึ้นว่า “คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าว่าข้าวางมาดหรืออย่างไร”
หยวนหย่งอี้ถามกลับไปว่า “พี่สะใภ้รอง ข้าขอถามคำถามท่านหนึ่งข้อ ท่านไม่หวังให้นางสามารถใช้ชีวิตดีดีหรือ”
“ทำไมข้าจะไม่หวังให้นางมีชีวิตที่ดี แม้ว่าเมื่อก่อนข้ากับนางจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แต่นั่นล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ข้าไม่ได้ใส่ใจตั้งนางแล้ว แต่เรื่องนี้ทำได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ นางยังเลี้ยงดูจวิ้นจู่ทั้งสองอยู่เลย”
หวงกุ้ยเฟยมองพวกนาง ขมวดคิ้วพูดว่า “พอแล้ว พวกเจ้าทะเลาะอะไรกัน นี่ก็เป็นแค่เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ คนที่หวังให้นางหา ก็เป็นแค่คิดไปเองฝ่ายเดียว คนที่ไม่หวังให้นางหา ก็คิดมากเกินไปแล้ว ข้าเชื่อว่าฮูหยินเหยาเองในใจรู้ดีที่สุด”
คำพูดของหวงกุ้ยเฟย ทำให้หรงเยว่รู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง “หวงกุ้ยเฟย แล้วถ้าหากพบเข้าจริงๆเล่า”
“เช่นนั้นก็ค่อยว่ากันทีหลัง”หวงกุ้ยเฟยใช้มือกุมขมับ “วันนี้พวกเจ้าไม่ต้องโต้เถียงกันอีกแล้ว แค่ฉินเฟยอาละวาดก็กลุ้มใจมากพอแล้ว”
หรงเยว่ยังอยากจะพูดอีก หยวนชิงหลิงส่ายหน้าให้นาง หรงเยว่จึงได้แต่หุบปากอย่างไม่พอใจ
งานเลี้ยงเลิกราออกจากวัง หรงเยว่นั้นนอนไม่หลับอย่างแน่แท้ จึงตรงไปยังจวนอ๋องฉู่ ไม่อนุญาตให้หยวนชิงหลิงนอนหลับต้องพูดเรื่องนี้ให้กระจ่างเสียก่อน
“พวกนางคิดเช่นนี้ สำหรับฮูหยินเหยาแล้วไม่ยุติธรรมเลย ทำไมแต่งงานกับคนในราชวงศ์แล้วหลังจากถูกทอดทิ้งก็ยังไม่สามารถหาคนใหม่ได้ นางเพิ่งจะสามสิบต้นๆ ดูสุขภาพของนางตอนนี้ จะมีชีวิตอยู่สักเจ็ดแปดสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา หรือว่าหลายสิบปีให้หลังนี้จะให้นางต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว เจ้าไม่ควรห้ามข้าพูดต่อเลย ”
หยวนชิงหลิงมองท่าทีโมโหของนาง ก็พูดยิ้มๆว่า “เจ้าน่ะ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ตอนนี้ยังไม่มีคนคนนั้นเสียหน่อย เจ้าเอาแต่พูดท่าเดียว ไม่เท่ากับทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคนนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
อีกอย่าง ถ้าหากเจ้าทำให้หวงกุ้ยเฟยโกรธ ประเดี๋ยวนางเรียกตัวฮูหยินเหยาเข้าวัง พูดเป็นนัยให้นางฟัง ฮูหยินเหยาก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ภายหน้าจะสามารถก้าวออกจากจุดนี้ได้หรือ”
หรงเยว่แอบเหลือบตามองไปยังเจ้าหาที่แสร้งทำทีว่าอ่านหนังสือแต่แท้จริงแล้วกลับแอบฟังหูผึ่งแวบหนึ่ง กดเสียงลงต่ำและพูดว่า
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ข้าได้ส่งฮุ่ยเทียนไปปกป้องนาง และก็อยากจะจับคู่พวกเขาอย่างลับๆ”

หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจมาก “ฮุ่ยเทียน”
ฮุ่ยเทียนที่ออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่าคนนั้นหรือ หยวนชิงหลิงนึกถึงเขาขึ้นมา ก็รู้สึกราวกับว่ามีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมา คนคนนี้ออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่า นิสัยใจคอและประวัติความเป็นมาล้วนไม่รู้อะไรสักอย่าง เหมาะสมกับฮูหยินเหยาหรือ
อีกอย่าง ฮูหยินเหยาเคยมีประสบการณ์จากชายสารเลวอย่างหยู่เหวินจุน ถ้าต้องการจะหาจริงๆ ก็คงจะหาที่อ่อนโยนใส่ใจ ทั่วทั้งร่างของฮุ่ยเทียนไม่มีเซลล์ของความอ่อนโยนใส่ใจเลย แม้แต่การพูดจาก็ยังแข็งกระด้าง
“หรงเยว่ เจ้าอย่าจับคู่ผู้อื่นไปเรื่อยเปื่อย ฮุ่ยเทียนอาจไม่เหมาะสมกับฮูหยินเหยาก็ได้”หยวนชิงหลิงพูด ถึงว่าทำไมจึงได้ตื่นเต้นนัก ที่แท้ก็มีความคิดเช่นนี้อยู่นี่เอง
“เหมาะสมสิ ”หรงเยว่กระทืบเท้า รีบอธิบายแทนฮุ่ยเทียนทันที “เจ้าไม่รู้จักฮุ่ยเทียน เจ้าดูเขาเย็นชาเหมือนท่อนไม้ใช่หรือไม่ ข้าจะบอกเจ้าให้ นั่นเป็นรูปลักษณ์ปลอม เขานั้นรู้ใจและรู้จักสงสารมากกว่ารัชทายาทด้วยซ้ำ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจ วางหนังสือลงพูดว่า “หรงเยว่ คำพูดนี้ของเจ้าข้าไม่ชอบฟัง เจ้าจะยกยอฮุ่ยเทียนแต่ก็ไม่ควรเหยียบย่ำข้าไปด้วย ข้าจะไม่รู้ใจและสงสารคนอื่นได้อย่างไร”
ดวงตาหรี่ยาวกวาดมองเขา ประสานเข้ากับสายตาที่ไม่พอใจของหยู่เหวินเห้า จากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ “ก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรฮุ่ยเทียนก็ยังคงเทียบกับท่านไม่ได้ แต่เป็นคนดีอย่างแน่นอน ตอนนั้นข้ายังเคยอยากได้เขา
เสียดายเขาไม่มองข้า เขาบอกว่าไม่ชอบข้าที่อารมณ์ร้อนหยาบกระด้าง ชื่นชอบพวกที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมีประสบการณ์มีเรื่องราว ข้ารวบรวมข้อมูลคิดดูแล้ว ตรงกับฮูหยินเหยาพอดีมิใช่หรือ”
หยวนชิงหลิงจะยิ้มก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก “หรงเยว่ บอกข้ามาตามตรง คนในสำนักเหลิ่งหลั่งยังมีใครที่ไม่เข้าตาเจ้าบ้าง ข้าจำได้แม้แต่สวีอีเจ้าก็ยังเคยอยากได้ ”
“สวีฟันหลอ ไม่หล่อ หลังจากนั้นข้าก็ไม่สนใจแล้ว”หรงเยว่คิดถึงเมื่อก่อน ที่จริงก็ไร้สาระน่าดู อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“ส่วนในสำนักเหลิ่งหลั่ง ท่านชายสี่เหลิ่งไม่เอา  เพียงแต่ไม่มีคนร่วมงาน ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เรื่องนี้อย่าเพิ่งเอ่ยถึง เจ้าจัดการชีวิตของฮูหยินเหยา ไม่แน่ว่านางจะชื่นชอบ มีใจส่วนนี้ก็ดี ส่วนเรื่องวาสนานั้น พูดยาก ที่ควรมาก็จะมาเอง”
หรงเยว่กลอกตา“ข้าไม่ชอบคำพูดนี้เลย อะไรที่วาสนาจะมาก็มาเองถ้าไม่มาก็รออย่างเสียเปล่าหรือ ความสุขนั้นต้องพยายามให้ได้มาด้วยตนเอง”

“พอแล้ว เจ้ากลับไป ข้าจะนอนแล้ว”หยู่เหวินเห้าตบโต๊ะ มองตาขวางและพูดขึ้น
บอกว่าคนคนไม่รู้กาลเทศะ เหมือนนางจะรู้อย่างไรอย่างนั้น ดึกคื่นเช่นนี้แล้ว ยังรบกวนเวลานอนของคนอื่น
หรงเยว่ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมหยวนชิงหลิงห แต่ใบหน้าเหม็นๆของเจ้าห้าก็น่าตกใจ ได้แต่พูดเสียงอ่อนๆว่า
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”
หยู่เหวินเห้ารอให้นางไปแล้ว ก็เก็บเสื้อและพูดว่า “ไป พวกเราไปแช่น้ำกันทังหยาง แช่เสร็จแล้วจะได้หลับสบาย ”
หยวนชิงหลิงมองท่าทีที่แสร้งทำเป็นจริงจัง ก็นึกถึงสิ่งที่สวีอีพูด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ตั้งแต่ท้องแก่จนกระทั่งคลอด เจ้าห้าก็ไม่เคยแตะต้องนางเลย กระตือรือร้นในการไปแช่น้ำเป็นพิเศษ
จากนั้นก็มีครั้งหนึ่งถูกสวีอีพบเข้าว่าเขากำลังช่วยตนเองอยู่ในนั้น จึงแอบไปบอกให้ใต้เท้าทังได้รู้ แต่นางได้ยินเข้าพอดี
ตั้งแต่คลอดสองฝาแฝดจนถึงตอนนี้ ที่จริงก็สามารถแตะต้องได้ แต่คุณย่าบอกกับเขาว่า ในสองสามเดือนนี้ยังต้องระวังอยู่บ้าง เกรงว่าจะเป็นการกระทบร่างกาย ฉะนั้น เขาจึงเฝ้าอดทนอย่างยากลำบากเพื่อไม่ให้ล้ำเส้น
คืนนี้คงเป็นเพราะดื่มเหล้าในวังมากไปหน่อย จึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา เป็นสามีภรรยากันมาสี่ปี ใจเขาคิดอะไร สามารถมองออกจากดวงตาของเขา ยิ่งเขากำลังคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ละก็ดวงตาและใบหน้าเขาก็จะยิ่งจริงจังมากขึ้น
บางครั้งยังค่อนข้างเคร่งไปด้วยซ้ำ

“รอสักครู่”หยวนชิงหลิงยืนขึ้น
หยู่เหวินเห้าหันหน้ากลับมา “เอ๋”
“ข้าจะไปกับท่าน”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
แววตาของหยู่เหวินเห้ามีแววลึกซึ้งขึ้น ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ส่ายหน้า “เจ้าจะไป เจ้า……รีบเข้านอนเถอะ ข้าอยากจะแช่น้ำเงียบๆคิดเรื่องของหงเย่เสียหน่อย ”
“แช่น้ำคิดเรื่องหงเย่”หยวนชิงหลิงใช้สองมือโอบลำคอของเขาเอาไว้ ริมฝีปากแตะไปที่คางของเขาเบาๆหนึ่งที “ไม่สู้คิดถึงเรื่องของข้า”
หยู่เหวินเห้าผลักนางออก ไม่หวั่นไหว พูดอย่างจริงจังว่า “ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว จุดประสงค์ของหงเย่ยังต้องคิดใคร่ครวญให้ดีจึงจะได้ เจ้าไปนอนเถอะ”
“ไม่ ข้าอยากจะอาบน้ำก่อน”หยวนชิงหลิงอยากจะดูว่าเขาจะเสแสร้งได้อีกนานแค่ไหน
“ให้หมันเอ๋อไปตักน้ำให้เจ้า”
หยวนชิงหลิงแววตาสดใสเป็นประกาย น้ำเสียงอ่อนโยนและอบอุ่น ปล่อยผมยาวสยายออกยิ่งทำให้ดวงตาชวนมองขึ้นอีกหลายส่วน ร่างแนบชิดเข้าไป
“ข้าอยากไปแช่สักครู่ คุณย่าบอกว่าหลังจากข้าคลอดลูกแล้วร่างกายมีปราณเย็น ได้ไล่ความเย็นพอดี ดีต่อสุขภาพ ท่านเองก็เอาแต่กำชับให้ข้าดูแลร่างกายให้ดีมิใช่หรือ”
“ถ้าอย่างนั้น……”หยู่เหวินเห้ากอดนางเอาไว้ มือไม้อยู่ไม่สุขเลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว สายตามีแววแห่งความปรารถนาวาบขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อน ประเดี๋ยวเจ้าค่อยไป”
“ทำไม”
“ข้าบอกแล้ว ข้าอยากจะคิดเรื่องงานเงียบๆ”
“อยากจะคิดเรื่องงานเงียบๆหรืออยากจะทำบางสิ่งเงียบๆ”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าแดงก่ำขึ้นมาทันที รีบผลักตัวนางออกพูดเสียงดังว่า “เจ้าอย่าใส่ร้ายคนอื่นนะ”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset