บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 293 โอ้อวด

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 293 โอ้อวด

ตอนที่ 293

 

โอ้อวด

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานสถาปนาในครั้งนี้”ในเช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าแขกบ้านแขกเมืองต่างก็ถูกเชิญมานั่งตรงบริเวณที่นั่งที่ถูกจัดเอาไว้ให้อย่างสวยงามที่ลานกลางของวังหลวงอาณาจักรโฮ โดยพวกไป๋จูเหวินนั้นถูกจัดให้นั่งอยู่ใกล้ๆกับองค์จักรพรรดิอาณาจักรในที่นั่งไม่ห่างจากจักรพรรดิอาณาจักรโฮนัก เรียกได้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติเลยก็ว่าได้

“ท่านไป ได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่ของอาณาจักรโฮงดงามมาก ท่านสนใจหรือไม่”ไช่จินถามพลางยิ้มกว้าง ไม่ทราบทําไมไช่จินถึงมานั่งร่วมกับราชวงศ์ชินได้ แต่ดูจากความกะล่อนของมันคงแอบเข้ามาตีเนียนเสียเฉยๆ ถ้าองค์จักรพรรดิไม่ออกปากไล่มันก็คงไม่ไปไหน และแน่นอนมันเป็นสหายของไป๋จูเหวินท่านจะออกปากไม่ได้ อย่างไร แถมตัวไช่จินเองยังเป็นผู้ถูกเชิญมาร่วมงานแต่แรกแล้ว ให้มันร่วมโต๊ะด้วยก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร

“ข้าไม่สนใจหรอก”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบพลางถอนหายใจออกมา ที่ไช่จินกล้าถามแบบนี้เพราะเหม่ยหลินยังมาไม่ถึง เพราะมัวจัดการเรื่องพวกหลินหลินอยู่

 

“นั่นสิน้า ท่านมีหญิงงามอันดับหนึ่งข้างกายอยู่ทั้งคน”ไช่จินถอนหายใจพลางสายหน้าราวกับคนเหนื่อยโลก เจ้าคนน่าอิจฉาข้างๆนี่น่าหมันไส้เกินไปแล้ว

 

“แต่ชายผู้ยิ่งใหญ่จะมีเมียสักโหลก็ไม่มีใครกล้าบ่นหรอกนะ”ไช่จินยิ้มราวกับจิ้งจอกกก่อนจะใช้ศอกกระทุ่งแขนของไป๋จูเหวินเบาๆ

 

“งั้นถ้าข้ามีภรรยาคนเดียวก็ไม่มีใครว่าจริงไหม”ไป๋จูเหวินว่า พลางดีดเม็ดถั่วบนโต๊ะใส่ไช่จินไปเม็ดหนึ่ง ทําให้ไช่จินพอจะลดท่าที่หยอกล้อมันไปได้ แถมเหม่ยหลินยังมาถึงแล้วด้วยไช่จินก็ไม่อยากเผาบ้านไป๋จูเหวินจริงๆเสียเท่าไหร่

“มีอะไรหรือท่านพี่” เหม่ยหลินถามพลางมองรอยบนหน้าผากไช่จิน แม้จะเป็นแค่ถั่วแต่ก็ดีดด้วยนิ้วของยอดฝีมือ ไช่จินที่เก่งแต่หลบ ไร้พลังป้องกัน ก็เจ็บไม่น้อยเลย

“ไม่มีอะไรหรอก แล้วไปหลินล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองบุตรสาว และพวกหลินหลินที่ตามเหม่ยหลินมา พวกนางเลือกชุดกันนานที่ แต่ผลลับที่ออกมาก็เรียกได้ว่าน่าพึงพอใจอย่างไม่ต้องสงสัย เหม่ยหลินกับไปหลินนั้นสวมเสื้อผ้าสีขาวที่ประดับตกแต่งเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว ทําเอานางกับบุตรสาวดูเหมือนกันมาก เรียกได้ว่า หากไปหลินโตขึ้นก็คงเหมือนมารดานางไม่มีผิด ส่วนเหม่ยหลินหากกลายเป็นเด็กคงเหมือนไปหลินอย่างแน่นอน ภาพนางฟ้าน้อยและนางฟ้าผู้งดงามเช่นนี้ทําเอาคนรอบๆมองกันตาค้างเลยก็ว่าได้ ส่วนหลินหลินนั้นนางอยู่ในชุดสีเขียวที่ประดับด้วยหยก…. หวังว่านางจะเอาเครื่องประดับพวกนั้นไปคืนนะ ส่วนปิงปิงสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางที่ใช้สีฟ้าและน้ําเงินตัดซ้อนกันดูแล้วสวยน่ารักไปอีกแบบ แม้นางจะไม่ได้พูดอะไร แต่แก้มที่แดงระเรื่อนิดๆของนางทําให้เห็นได้ว่านางชอบมากเช่นกัน เพียงแต่เครื่องประดับชิ้นใหญ่ที่นางอุ้มมาด้วยนั่นคงจะไม่ทําให้อสูรตนอื่นกลัวนะ เพราะนางเล่นกอดอสูรปักเป้าเอาไว้ติดตัวไม่ห่างเลย

“แล้วหงเยว่กับไปไปล่ะ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปด้านหลังของพวกหลินหลินอีกที ตอนนี้หงเยวดูประหม่ากว่าปกติมากเพราะนางโดนจับสวมชุดสีแดงจากปกติที่นางจะสวมชุดสีโทนดําตลอด เพราะงานพิธีเช่นนี้สวมสีดําออกจะไม่เหมาะสม ทําให้หงเยว่ออกอาการเขินจนเดินช้ากว่าปกติมาก ส่วนไปไปนั้นก็กําลังพยายามดันหงเยวให้อออกมาเต็มที่ ส่วนตัวนางนั้นเนื่องจากร่างกายส่วนใหญ่เป็นสีขาวทั้งหมด จะให้นางสวมเสื้อผ้าสีขาวอีกคงดูไม่ดี นางเลยสวมชุดสีชมพูอ่อน ทําให้รู้สึกเหมือนร่างมังกรของนางเลย เพราะร่างมังกรของนางนั้นเป็นหินอ่อนที่มีลายสีชมพูสวยงามที่

เดียว

 

แต่ถึงจะแต่งตัวหนักแค่ไหน พอมาอยู่ในงานวันนี้แล้วก็แทบไม่โดดเด่นอะไรเลย เพราะเจ้าภาพนั้นจัดงานกันอย่างอลังการมาก เรียกได้ว่าชุดที่แขกทุกคนสวมต่างตกแต่งอย่างหรูหราจนลายตาไปหมด แถมการตกแต่งอาคารสถานที่ยังหรูหรายิ่งกว่าบนเสื้อผ้าอีก แต่ดูท่าคนที่ขัดที่สุดคงเป็นหยื่นฟางเสียมากกว่า

 

“ทําไมข้าต้องมานั่งกับราชวงศ์อู่ด้วยล่ะ” หยุนฟางว่าพลางค้อนอู๋หมิงด้วยท่าที่ไม่พอใจ พอเช้ามานางก็โดนสาวใช้ของอาณาจักรคู่จับแต่งตัวเสียเต็มยศ แถมยังจัดที่นั่งร่วมกับเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรอู่อีกต่างหาก เรียกได้ว่านางมานั่งสูงกว่ายอดฝีมือคนอื่นๆที่ได้รับเชิญมาเลย

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา อาจารย์ของข้ากับอาจารย์ของเจ้าอยากนั่งร่วมกันนี่”อู๋หมิงยิ้มเจื่อนๆพลางมองไปทางอาจารย์ทั้งสอง ที่เริ่มจะหยิบสุราขึ้นมาดื่มเคล้าการแสดงที่เจ้าภาพจัดเอาไว้ให้แล้ว

“ว่าแต่เจ้าภาพยังไม่มาอีกขั้นหรือ”อเทียนเหวินถาม พลางมองไปบนที่นั่งขององค์จักรพรรดิอาณาจักรโฮ นอกจากองค์จักรพรรดิแล้วไม่มีคนในราชวงศ์ออกมาเลย

 

“ก็คงจะรออวดเหมือนเดิมนั่นล่ะ”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูที่นั่งอยู่ติดกับราชวงศ์อู่พูดพลางถอนหายใจออกมา ตอนนี้ท่าทางขององค์จักรพรรดิอาณาจักรชุดซูบผอมมากเพราะก่อนหน้านี้มันพึ่งได้ทราบว่าชูเฟิงที่กลับมานั้นแท้จริงแล้วคือมารที่ยึดร่างชูเฟิงไปใช้งานเพื่อหวังชิงบัลลังก์ แถมน้องชายอย่างซูเงินยังโกรธมันมากอีกต่างหากเพราะพอชูเฟิงกลับมาก็ทิ้งมันเลย ทําให้งานในครั้งนี้มันไม่ได้มาร่วมด้วยแต่อย่างไร ทําให้อาณาจักรชูเป็นอาณาจักรเดียวที่ไม่มีองค์หญิงองค์ชายมาร่วมงานนอกจากอาณาจักรอู่ที่จักรพรรดิยังไม่มีมเหสีเสียด้วยซ้ํา

 

ตึงๆๆๆ อยู่ๆการแสดงร่ายรํากลางลานก็หยุดชะงักลงพร้อมเสียงกลองที่เริ่มตีด้วยจังหวะตื่นเต้นทําให้เหล่าแขกผู้มาเยือนต่างหยุ ดมือและมองไปที่กลางลานทันที

ตึงๆๆ ขณะที่เสียงกลองกําลังตีรัวจากรอบๆลานเหล่าองค์ชาย และองค์หญิงของอาณาจักรโฮก็เดินเข้ามาจากประตูหน้าด้วย เครื่องแต่งกายอลังการไม่ต่างจากตัวองค์จักรพรรดิเลย

 

“เอาอีกแล้ว” เสียงเบาๆดังขึ้นมาจากในกลุ่มแขก แต่ก็ไม่มีใครแปลกใจเท่าไหร่ที่มีคนหลุดพูดคํานี้ออกมา เพราะองค์จักรพรรดิของอาณาจักรโฮนั้นชอบอวดบุตรชายบุตรสาวของตัวเองอย่างมาก เพราะปกติแล้วเชื้อพระวงศ์จะไม่ค่อยมุ่งมั่นฝึกฝนวิชาเท่าไหร่

 

“ขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงาน เหล่าองค์ชายองค์หญิงแยกกันหันซ้ายขวาประสานมือคารวะเหล่าแขกที่มาร่วมงาน ก่อนจะพากันเดินขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆองค์จักรพรรดิอาณาจักรโฮ โดยอาณาจักรโฮนั้นมีองค์ชาย 3 พระองค์ และองค์หญิง 2 พระองค์ และก็เป็นอย่างที่ไช่จินพูด องค์หญิงแห่งอาณาจักรโฮนั้นงดงามจริงๆ เรียกได้ว่ายืนเทียบกับเหม่ยหลินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่

 

“เริ่มงานพิธีได้” ชายคนหนึ่งที่ทําหน้าที่นําพิธีพูด ก่อนที่เหล่าคนใช้จะยกเครื่องเว้นไหว้ออกมาเรียงกันที่กลางลานเพื่อให้องค์จักรพรรดิทําพิธี

ปัง! ปัง! ปัง! ในยามค่ําคืนของวัยพิธี ดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นเหนือท้องฟ้าของวังหลวง ทําให้พวกไปหลินดูสนใจกันมาก งานพิธีในครั้งนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และสมเกียรติมาก หากไม่นับเรื่องชาวเมืองที่ไป๋จูเหวินได้พบมาก่อนหน้านี้ละก็

 

“ต่อไป องค์ชาย 3 จะออกมาแสดงความสามารถขอรับ” ชายที่ทําหน้าที่นําพิธีพูดจบ องค์ชาย 3 แห่งอาณาจักรโฮก็ลุกขึ้นลงมากลางลาน ก่อนจะนําขลุ่ยออกมาเป่า เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากและไม่มีเสียงบ่นจากเหล่าแขกเลยแม้แต่คนเดียว

“ต่อไปเป็นองค์หญิง 2 ขอรับ”ได้ยินเสียง องค์หญิงอันดับ 2 ก็ลุกขึ้นมายืนข้างๆน้องชายของนางพลางนําพิณออกมาดีดพร้อมเสียงขลุ่ยของน้องชาย ก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะเดินออกมาเริ่มร้องเพลงร่วมกัน ทําเอาแขกที่มางานส่งเสียงปรบมือดังไปทั่วลาน

 

“องค์จักรพรรดิ การแสดงของหม่อมฉันถูกพระทัยหรือไม่เพคะ” องค์หญิงใหญ่ว่าพลางเดินมาทางอู๋หมิงช้าๆ อาณาจักรอู่ยามนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมากจากการยึดครองอาณาจักรจงและซุย แถมยังถืออํานาจเหนือกว่าอาณาจักรชูอีกต่างหาก องค์จักรพรรดิที่อายุยังไม่ถึง 30 แถมยังเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังฝีมือ เป็นตัวเลือกอันหอมหวานของเหล่าองค์หญิงต่างแดนเป็นอย่างมาก

“ยอดเยี่ยมมาก ข้าไม่ได้ฟังบทเพลงอันไพเราะเช่นนี้มานานแล้ว”อู๋หมิงตอบพลางยิ้มรับอย่างสุภาพ สิ่งที่มันตอบออกไปก็เป็นความจริงเช่นกันเพราะมันมุ่งฝึกวิชามา 5 ปีแล้วแทบไม่ได้เข้าไปในสถานที่ที่มีการบรรเลงเพลงเลย

 

“ขอบพระทัยเพคะ”องค์หญิงใหญ่ว่าพลางยิ้มหวานปานจะหยด ทําเอาคนรอบข้างอดอิจฉาอู๋หมิงไม่ได้

“เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว” หลังจากองค์หญิงใหญ่เดินกลับไปที่เก้าอี้ของนาง อู๋หมิงก็หันมาพูดกับหยุนฟางช้าๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทําไม แต่หยุนฟางยื่นมือมาหยิกแขนของมันเสียอย่างนั้น

 

“เจ้าทําท่าแบบนั้นแล้วมันน่าหมันไส้นี่นา” หยุนฟางว่าพลางค้อนใส่อู๋หมิงไป เจ้าหนุ่มนี่เอาแต่ฝึกวิชา ไม่นึกว่าจะยิ้มกระชากใจสาวก็เป็น

“ก็แค่ตอบตามมารยาทเอง”อู๋หมิงตอบพลางยิ้มเงื่อนๆ

“หวังว่าพวกท่านจะชอบการแสดงของเรานะเจ้าคะ”องค์หญิง 2 พูดพลางหันหน้ามาทางกลุ่มของราชวงศ์ชิน เป้าหมายสายตาของนางนั้นมองมาทางไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น แต่นางก็ไม่ได้เจาะจงเหมือนพี่สาวของนาง นางเพียงยิ้มเขินๆพลางยกแขนเสื้อขึ้นมาป้องปากตนเอง พลางเดินกลับไปที่ของตนทั้งๆแบบนั้น

พวกท่านนี้ก็ลําบากจริงๆนะ”ไช่จินว่าพลางยักไหล่ด้วยใบหน้าเศร้าใจ สาวงามก็เอาแต่สนใจพวกคนหนุ่มมีความสามารถกันหมด มันเองยังไม่มีภรรยาเลยสักคน เพราะเอาแต่เดินทางไปโน่นนี่แท้ๆ

 

“ต่อไปเชิญองค์ชาย 2 ขอรับ”สิ้นเสียงผู้ดําเนินพิธี องค์ชาย 2 ก็ ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินลงมากลางลาน

 

“ตัวข้านั้นไม่มีความสามารถพิเศษเช่นน้องๆ แต่ข้านั้นมีงานอดิเรกเป็นการสะสมเล็กๆน้อย”องค์ชาย 2 ว่าพลางผายมือไปทางประตู ก่อนที่ประตูจะเริ่มเปิดออกช้าๆ

“นี่คือของสะสมของข้า หวังว่าทุกท่านจะประทับใจ” ทันทีที่เสียงสิ้นสุด ร่างของหญิงสาวผู้งดงามก็เดินออกมาจากประตูช้าๆรวมทั้งหมดกว่า 8 คนเลยทีเดียว เพียงแต่พวกไป๋จูเหวินนั้นกลับมองออกในทันที่ว่าพวกนางไม่ใช่มนุษย์

 

“องค์ชาย ล่ามโซ่พวกนางแบบนั้นไม่น่าสงสารเกินไปหรือ”องค์ชายแห่งอาณาจักรหลิวถามพลางมองหญิงสาวที่ถูกล่ามมาด้วยท่าที่สงสาร ไม่แปลกที่คนธรรมดาจะมองเป็นเช่นนั้น ในสายตาของพวกมันคงมองว่าพวกนางเป็นมนุษย์ธรรมดากระมัง

“เข้าใจผิดแล้ว พวกนางหาใช่มนุษย์ไม่ พวกนางคือเหล่าอสูรหายากที่ข้าจับมาต่างหาก” องค์ชาย 2 ว่าพลางเรียกเอาไม้เท้าออกมาจากมิติของมัน ทันทีที่เห็นไม้เท้าพวกอสูรก็มีท่าที่อื่นๆทันที พวกนางจ้องไม้เท้านิ่งด้วยท่าที่เกร็งๆ

 

ตึง! ทันทีที่องค์ชาย 2 เคาะไม้เท้าพวกนางก็กลับคืนร่างเดิมในทันที อสูรทั้ง 8 ตนนั้นล้วนเป็นอสูรระดับสูงตั้งแต่ตํานานไปจนถึงมายา เรียกได้ว่ามีค่าและหายากกว่าอสูรสิงโตที่ทําหน้าที่เฝ้าประตูเสียอีก

“งดงามมาก” เหล่าแขกแม้ตอนแรกจะดูไม่ชอบ แต่พอทราบว่าเป็นอสูรพวกมันก็ลดท่าที่ต่อต้นลงมาก ยิ่งเห็นร่างจริงของพวกนางก็ทําเอาลืมภาพน่าหดหูเมื่อครูไปเลย เพราะพวกนางต่างเป็นอสูรที่มีรูปร่างสวยงามและน่าหลงใหลกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมังกรที่มีเกล็ดสะท้อนแสงเจ็ดสีออกมา นกเพลิงอมตะเช่นเดียวกับจูเชวี่ย กวางขาวผู้มีเขาสีขาวสะอาดราวกับหยกขาวเป็นต้น

 

“กิ้ว…” อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทําเอาพวกอสูรที่เกร็งอยู่แล้วยังมีท่าทีหวาดกลัว แม้จะไม่ทราบสาเหตุ แต่เหล่าอสูรขององค์ชาย 2 นั้นมีท่าทีแปลกๆตั้งแต่วันก่อนแล้ว แต่เพราะอยากจะอวดอสูรที่ได้มามันจึงบังคับให้เหล่าอสูรออกมาโชว์ตัวกันจนได้

“กรรรรรรรรร” อยู่ๆมังกรเจ็ดสีก็คํารามออกมาพลางมองมาทางกลุ่มของราชวงศ์ชิน แน่นอนสาเหตุนั้นมาจากอสูรปักเป้าและตัวไปไปนั่นเอง

“แย่แล้ว พวกมันอาลาวาดแล้ว” เหล่าแขกที่ได้รับเชิญมาต่างมีท่าทีตกใจกันอย่างมาก เพราะพวกอสูรเริ่มตั้งท่าจะสู้แล้ว จะด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบแต่การจับพวกนางมายืนต่อหน้าอสูรที่เหนือกว่าอย่างลิบลับเช่นนี้สร้างความเครียดให้พวกนางอย่างมาก แถมเพราะพวกนางโดนจับมาด้วยกําลัง ทําให้พวกนางคิดเอาไว้ก่อนว่าอสูรปักเป้ากับไปไปมาทําร้ายพวกนางแน่ๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset