บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 207 นักรบมังกร ใครขี่ใครกันแน่

บทที่ 207 นักรบมังกร ใครขี่ใครกันแน่

เมื่อเห็นหญิงมังกรเอ๋าปิงที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่แล้ว เสิ่นเทียนถึงกับปาดเหงื่อ

“ผู้อาวุโส เมื่อครู่ท่านสาบานแล้วว่าจะไม่โมโหพาลให้ข้า”

เอ๋าปิงพูดด้วยความลำพองใจ “ข้าเคยสาบานไว้จริงๆ ถ้าเจ้าช่วยข้าออกมาไม่ได้ ข้าจะไม่โมโหพาลใส่เจ้ากับสหายของเจ้า แต่เจ้าช่วยข้าออกมาได้ จึงไม่มีเงื่อนไขคำสาบานก่อนหน้านี้แล้ว คำสาบานยังมีผลอีกรึ”

เสิ่นเทียนงุนงง

ดีเลวอย่างไรเจ้าก็เป็นเผ่ามังกรผู้โอหัง เล่นลิ้นปลิ้นปล้อนเช่นนี้เหมาะสมจริงๆ หรือ

เอ๋าปิงโค้งตัวมาใกล้ตรงหน้าเสิ่นเทียน จ้องเขาเขม็ง เวลานี้ดูมีบารมีอำนาจยิ่งใหญ่

นางยิ้ม “วางใจเถอะ! ข้าคือองค์หญิงขั้นหนึ่งของเผ่ามังกรผู้ยิ่งใหญ่ ไม่หลอกเจ้าหรอก รีบตั้งจิตต่อเทพมังกรเถอะ! หลังจากตั้งจิตแล้ว เจ้าจะเป็นนักรบมังกรที่พานพบได้ยากในรอบพันปี

ถึงตอนนั้นข้ากับเกาะมังกรดำจะปกป้องเจ้า ทั้งห้าดินแดนไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า การดูแลดีเช่นนี้ มีตั้งไม่รู้กี่คนที่แม้แต่ฝันยังไม่กล้าฝัน!”

เสิ่นเทียนก็ยังรู้สึกแปลกๆ “แต่ว่าผู้อาวุโส…”

เอ๋าปิงยื่นนิ้วมืองามออกมากดหน้าผากเสิ่นเทียน “จะทำสัญญาแล้วยังมาเรียกผู้อาวุโสอะไร”

ดวงตานางขยับประกายแสงอ่อนๆ พูดยิ้มทีเล่นทีจริง “เรียกข้าว่าพี่สาวปิงแล้วกัน!”

พี่สาวปิงหรือ

เสิ่นเทียนมองเอ๋าปิงแปลกๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย

ท่านอายุมากกว่าข้าอย่างน้อยหมื่นปี ไม่กระดากอายที่ให้ข้าเรียกพี่สาวเลยหรือ

เอ๋าปิงเหมือนอ่านความคิดเสิ่นเทียนออกถึงกับกัดฟันกรอด “มีอะไร ไม่เห็นด้วยหรือ ถึงข้าจะโดนผนึกมาหมื่นปี แต่ก็อยู่ในสภาวะหลับใหลมาตลอด ทั้งยังใช้วิชาลับเข้าสู่สภาวะ ‘ละสังขารนิพพาน’ ในหมื่นปีนี้อายุขัยข้าไม่ได้ไหลไปพันปี หรือก็คืออายุจริงๆ ของข้ายังสาวอยู่มาก!”

เสิ่นเทียนครุ่นคิด แต่สายตาที่มองเอ๋าปิงยังคงแปลกประหลาด พี่สาวอายุหลายพันปีหรือ

เปลวเพลิงสีดำลุกโชนขึ้นมาบนผิวกายวิญญาณมังกรของเอ๋าปิง แผ่กลิ่นอายร้อนระอุ

นางจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง “เจ้าหนู เจ้าทำเกินไปแล้ว! ช่างเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ทำสัญญา ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เมื่อสัมผัสได้ถึง ‘จิตสังหารเด่นชัด’ ที่อบอวลอยู่ในอากาศแล้ว ความกระหายในการมีชีวิตของเสิ่นเทียนก็พุ่งขึ้นมาอย่างเด็ดขาด

เขาพูดทำสัญญากับวิญญาณมังกรในอากาศทันที

“วันนี้ข้าเสิ่นเทียนกับเอ๋าปิงยินดีทำสัญญากัน เป็นสหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ภายภาคหน้าไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน ก็จะประคับประคองดูแลกัน จวบจนความตายที่จะแยกเราได้”

เพิ่งกล่าวจบ กลุ่มแสงสีดำในอากาศก็แยกออก

กลุ่มแสงในนั้นจมไปในร่างเสิ่นเทียน กลุ่มแสงอีกก้อนจมไปในร่างเอ๋าปิง

เมื่อดูดแสงสว่างเข้ามาแล้ว เสิ่นเทียนก็ได้เข้าใจว่าสัญญาเทพมังกรนี่อยู่ในรูปแบบใด สัญญาเทพมังกรนี่จริงๆ เป็นการเชื่อมต่อร่วมชีวิตกัน ก็เหมือนกับผึ้งกับดอกไม้ในธรรมชาติ อาศัยร่วมกันเกื้อกูลกัน

มนุษย์ที่ทำสัญญากับเทพมังกรจะได้รับพลังมังกรดั้งเดิมส่วนหนึ่งของเผ่ามังกร กระทั่งฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้

ขณะเดียวกัน เผ่ามนุษย์กับเผ่ามังกรที่ทำสัญญาเทพมังกรจะมีสัญญาลับกันสูงสุด สามารถฝึกฝนวิชาจู่โจมประสานที่พิเศษได้

เมื่อสองคนร่วมรบกัน ไม่ว่าจะเผ่ามนุษย์หรือเผ่ามังกร กำลังรบก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

สำหรับนักรบมังกรที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงแล้ว การต่อสู้ข้ามขั้นง่ายเหมือนกับกินข้าวดื่มน้ำ

“ถือว่าเจ้ารู้จักเอาตัวรอด” เมื่อเห็นเสิ่นเทียนสัญญาแล้ว เอ๋าปิงก็พยักหน้าอย่างพอใจ “จากนี้เจ้าจะเป็นบุรุษที่ข้าปกป้อง หากเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ก็ขานนามของข้า จะไม่มีใครกล้าไม่ไว้หน้าข้า!”

ขณะพูดอยู่นั้น วิญญาณมังกรของเอ๋าปิงก็จางลง “คร่าวๆ ประมาณนี้ ข้าจะเตรียมนิพพานแล้ว ต่อไป เจ้าจงปกป้องไข่มังกรที่เกิดจากการนิพพานของข้าให้ดี

วางใจเถอะ เมื่อข้าบรรลุนิพพานคืนชีพสำเร็จ จะไม่เอาเปรียบเจ้าอย่างแน่นอน!”

เมื่อเอ่ยจบ วิญญาณมังกรของเอ๋าปิงก็หลอมรวมเข้าไปในไข่มังกรสีดำนั้น ต่อมาแสงของไข่มังกรสีดำทั้งหมดหุบเข้าไปข้างในก่อนจะเข้าสู่ความเงียบสงัด

ผนึกหมื่นปีก็ยังทำให้พลังปราณเดิมของเอ๋าปิงบาดเจ็บหนัก การนิพพานเกิดใหม่คือวิธีการฟื้นฟูพลังปราณเดิมที่เร็วที่สุด ขณะเดียวกันนั้นยังมีประกายแสงวิญญาณดวงหนึ่งมุดเข้าไปในความคิดเสิ่นเทียน

นั่นคือมรดกที่ชื่อว่าคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้ นอกจากบทต้องห้ามแล้ว แทบจะสมบูรณ์ทั้งหมด!

นี่มีเพียงคนที่ได้รับการยอมรับจากราชวงศ์เผ่ามังกรดำเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ฝึกฝนมรดกสูงสุดของเผ่ามังกร!

ทันทีที่ดูดซับความหมายอันลึกลับของมรดกนี้ ดวงตาเสิ่นเทียนก็ค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นมา

คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้เป็นมรดกสูงสุดของเผ่ามังกรดำแห่งทะเลอุดร ซึ่งต่างจากคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ที่ชำนาญเรื่องเขตแดน

ความจริงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ฝึกฝนวิชาเวทมนตร์เป็นหลัก กระบวนท่าสังหารที่แกร่งที่สุดในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีส่วนใหญ่เป็นจำพวกวิชาเวท

แม้ในนั้นจะมีวิชาหลอมกายจักรพรรดิอัสนีที่เป็นศาสตร์หลอมกายเทพมาร ก็ยังเป็นวิชาเวทเสริม

ส่วนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้ต่างกัน มันแทบจะเป็นวิชาหลอมกายสูงสุดขนานแท้!

เนื้อหาในนั้นบรรยายว่าจะหล่อหลอมกายหยาบอย่างไรถึงมีกายแห่งมังกรสงครามสูงสุด

ขณะเดียวกัน ในนั้นยังบันทึกทักษะการรบโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรมากมาย อย่างเช่น ‘กรงเล็บมังกรสวรรค์ เก้าย่างมังกรทระนง ง้างมังกรเทวา ลมหายใจมังกรชาด แส้มังกรเฉือนกาย เกราะเทพหมื่นมังกร ค้อนเหมันต์ลี้ลับ…’

ทักษะการรบโบราณเผ่ามังกรพวกนี้ล้วนสร้างขึ้นจากผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรในยุคโบราณ

ในนั้นมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อการต่อสู้ของเผ่ามังกรโบราณ หากฝึกฝนถึงจุดสูงสุด ถึงขั้นสำแดงเป็นสุดยอดวิชาต่างๆ ทำให้ทั้งห้าดินแดนต้องสั่นสะเทือน

สำหรับเสิ่นเทียนที่ตอนนี้มีเพียงกายและจิตที่แข็งแกร่งแต่ไม่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิดนั้น ทักษะการรบโบราณพวกนี้ล้ำค่ามาก

อย่างเช่นกรงเล็บมังกรสวรรค์ สามารถเปลี่ยนห้านิ้วมือให้แข็งดั่งกรงเล็บมังกร กระทั่งถึงระดับฉีกสมบัติวิญญาณได้

อย่างเช่นเก้าย่างมังกรทระนง เมื่อฝึกถึงระดับสูงจะย่อแผ่นดินเป็นหน่วยวัดนิ้ว เดินก้าวเดียวเหยียบขุนเขาพังทลาย

และอย่างแส้มังกรเฉือนกาย นี่เหมาะกับเสิ่นเทียนที่มีเถากลืนกินเซียนที่สุด ทำให้อานุภาพของเถากลืนกินเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และยังมีค้อนเหมันต์ลี้ลับ สร้างโดยองค์รัชทายาทที่สามที่เป็นอัจฉริยะของเผ่ามังกรยุคโบราณ เป็นวิชาค้อนทรงพลังธาตุน้ำแข็ง

สำหรับเสิ่นเทียนที่มีค้อนม่วงทองกับน้ำมวลหนักปฐมกาลแล้ว วิชาค้อนนี้มีการใช้งานได้จริงที่สูงมากเช่นกัน

……

เสิ่นเทียนหยิบผ้าต่วนสีสันสวยงามออกมาจากแหวนเวหาก่อนจะหุ้มไข่มังกรสีดำไว้ข้างหลัง เวลานี้เขาจนปัญญานิดๆ ไหนบอกว่าจะให้ข้าเป็นนักรบมังกรไง!

เหตุใดยังไม่ทันขี่มังกร กลับต้องโดนมังกรขี่ก่อนล่ะ

ขาดทุนเลือดสาด~!

ช่างเถอะ เห็นแก่คัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้ ข้าจะยอมคับอกคับใจแล้วกัน

จากนี้ต้องหาทางขี่กลับให้ได้!

“เมื่อครู่ตอนเอ๋าปิงทำลายผนึกส่งเสียงดังเกินไป ต้องดึงดูดความสนใจของคนกับสัตว์ประหลาดมาไม่น้อยแน่”

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งที่อยู่ไกลๆ เข้ามาใกล้แล้ว เสิ่นเทียนก็พูดอย่างสงบนิ่ง “ตอนนี้เราต้องหาที่ปลอดภัย!”

ในสนามรบบรรพกาล ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ!

ต่อมา ทุกคนตามเสิ่นเทียนขึ้นเหนือลงใต้บนสนามรบบรรพกาล ไม่นานก็เจอกับสัตว์ประหลาดวิญญาณมรณะเป็นระลอกๆ

มีสัตว์ประหลาดโครงกระดูก มีมารโลหิตที่รวมขึ้นจากโลหิตบริสุทธิ์ มีมารเงามืดที่รวมขึ้นจากกลิ่นอายชั่วร้ายเงามืด…

ไม่ว่าจะเป็นตัวที่อยากหลบหรือไม่อยากหลบ ก็มีแต่หลบไม่พ้นแล้ว

แต่นี่ไม่สำคัญ ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน สัตว์ประหลาดพวกนี้เปราะบางอย่างกับผัก

พวกมันกลายเป็นสัตว์ประหลาดทดลองให้เสิ่นเทียนฝึกวิชาใหม่ ยิ่งเขาฝึกฝนชำนาญมากขึ้นก็ยิ่งถูกอัดน่วม!

ส่วนสัตว์ประหลาดที่เหลือเป็นเศษบางส่วน เสิ่นเทียนก็ส่งให้ทุกคนซ้อมมือไปเรื่อยๆ ขัดเกลากำลังรบของทุกคน

ถึงอย่างไรการให้ดอกไม้ในเรือนกระจกได้เข้ามาสังหารศัตรูในสนามรบบรรพกาลนี่ต่างหากที่เป็นความหมายแท้จริงที่แดนศักดิ์สิทธิ์ แดนเทวาและแดนผาสุกร่วมกันฝึกฝน

เสิ่นเทียนเองก็จะไม่เป็นพี่เลี้ยงให้กับทุกคนเช่นกัน

ด้านหนึ่งคือไม่มีผลดีอะไรกับพวกเขา มีแต่จะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้อ่อนแอที่ไร้จิตมุ่งมั่นในการต่อสู้

อีกด้านหนึ่งคือสู้กับปีศาจตัวเล็กๆ ระดับต่ำพวกนี้แล้ว นานเข้าก็เบื่อ สู้ส่งให้พวกฉินอวิ๋นตี๋กับจ้าวเฮ่าเพิ่มค่าประสบการณ์ดีกว่า

เมื่อต่อสู้ไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ในการต่อสู้กับความเข้ากันของทุกคนข้างกายเสิ่นเทียนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดวงตะวันโลหิตของสนามรบบรรพกาลค่อยๆ ลดระดับลง เงามืดปกคลุมทั้งสนามรบ

ก่อนที่ฉากยามค่ำคืนจะมาเยือน ในที่สุดพวกเสิ่นเทียนก็หาหุบเขาที่ค่อนข้างปลอดภัยพบ รูปทรงหุบเขาเหมือนน้ำเต้าที่มีทางเข้าทางเดียว หลังจัดการวิญญาณมรณะในหุบเขาแล้วก็ปลอดภัยมากแล้ว

เมื่อปิดทางเข้าหุบเขา ทุกคนในหุบเขาก็โล่งอก ถือว่าได้พักผ่อนอย่างสบายใจสักที

……

ทุกคนเริ่มตรวจดูของที่ได้มา ทั้งยังใช้โชคลิขิตทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น

เสิ่นเทียนหยิบว่านโลหิตมังกรที่ได้มาจากหุบเขามังกรศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากแหวนและเริ่มเคี่ยวเป็นยาอาบ

ก่อนหน้านี้ในสัญญาเทพมังกร พลังดั้งเดิมของเผ่ามังกรที่แฝงอยู่ในนั้นได้หลอมรวมเข้าไปในร่างเสิ่นเทียนตามสัญญานั้นด้วย

หรือก็คือตอนนี้ในตัวเสิ่นเทียนมีพลังดั้งเดิมของเผ่ามังกรส่วนหนึ่ง เพียงแค่ยังไม่แข็งแกร่งพอ

นักรบมังกรตั้งแต่อดีตกาลมาต่างมีสติปัญญาของเผ่ามนุษย์กับกายและจิตไร้พ่ายของเผ่ามังกร นี่ก็เป็นสาเหตุหลักๆ ที่พวกเขาได้เป็นตำนาน

ในเมื่อเสิ่นเทียนได้พลังดั้งเดิมของเผ่ามังกรมาแล้วย่อมไม่ให้ความสามารถนี้เสียเปล่า

และว่านโลหิตมังกรที่เติบโตจากพลังงานดั้งเดิมของเอ๋าปิงที่แผ่กระจายออกมาก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการเสริมพลังดั้งเดิมให้แกร่งขึ้น

เมื่อว่านโลหิตมังกรถูกบดบลงไปในถังน้ำแล้ว น้ำแร่วิญญาณในถังน้ำก็แดงขึ้น แผ่พลังเร่าร้อนเหมือนกับเลือดมังกร

ทุกคนรอบข้างเหม่อมอง เพราะว่านโลหิตมังกรที่เสิ่นเทียนใส่ไปในถังน้ำมีอย่างน้อยร้อยต้น

คนธรรมดาหลอมรวมว่านมังกรแปดต้นสิบต้นคือขีดจำกัดแล้ว มากกว่านี้ร่างจะระเบิดเอาได้ง่ายๆ

แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่ได้กังวลตรงนี้เลย

เขาถอดอาภรณ์ออก สวมกางเกงขาสั้นก้าวไปในถังอาบน้ำ ปล่อยให้ยาน้ำที่ร้อนยิ่งกว่าน้ำเดือดปกคลุมกายหยาบ

เป็นของเหลวที่ร้อนมาก!

ร้อนอย่างยิ่ง ราวกับน้ำมันเดือด

แต่เสิ่นเทียนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ในทางตรงข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

ฤทธิ์ยาของว่านโลหิตมังกรถูกเขาหลอมรวมดูดซับไปอย่างฉับไว แผ่ซ่านไปทุกกล้ามเนื้อในร่างกาย เขารู้สึกได้ว่ากายหยาบระดับ ‘เหนือสามัญ’ ของเขากำลังพัฒนาพุ่งพรวด อวัยวะภายในและกระดูกทั่วร่างกำลังแกร่งขึ้น

เลือดลมโหมซัดสาดออกมาจากในตัวเขา หลั่งทะลักปานเมฆแสงเรืองรอง พลังงานมหาศาลในนั้นทำให้คนตื่นตกใจ

ไม่มีใครรู้ว่ารากฐานของเขาแข็งแรงเพียงใด

แต่ทุกคนรอบข้างเสิ่นเทียนตอนนี้เชื่อมั่นว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ไร้พ่ายในระดับสร้างฐานแล้ว!

เมื่อฤทธิ์ยาของว่านโลหิตมังกรถูกกายหยาบเขาดูดซับไปมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

ลวดลายมังกรสีดำที่รวมขึ้นจากพลังงานพิเศษลอยขึ้นมาบนผิวกายของเสิ่นเทียน ส่งกลิ่นอายพลังที่มั่นคงแข็งแกร่ง

นี่ไม่ใช่เกราะนักรบที่รวมขึ้นจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม แต่เป็นทักษะนักรบโบราณของศาสตร์หลอมกายเทพมารเผ่ามังกร ‘เกราะเทพหมื่นมังกร!’

ทักษะป้องกันของเสิ่นเทียนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง การเอาตัวรอดก็แกร่งขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกัน กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาปรากฏตัวนอกหุบเขาแห่งนี้แล้ว

…………………………………………………….

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset