บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 374 ตามบุตรแห่งโชค จะปลอดภัยแน่นอน!

บทที่ 374 ตามบุตรแห่งโชค จะปลอดภัยแน่นอน!

“ศิษย์น้อง เหตุใดเจ้าถึงคิดไม่ได้เช่นนี้ ข้าปล้นสุสานทุกแห่งเพื่อสำนักก็คิดว่าข้าสุดยอดที่สุดแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะหาวิชาสูงสุดมาคืนสำนัก และยังยอมพลีกายให้กับเต่าบ้าตัณหานั่นอีก

ศิษย์น้อง เจ้าทำเพื่อสำนักไปมากแล้ว ศิษย์พี่ซาบซึ้งใจมาก ซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

เมื่อเห็นนักพรตอ้วนที่กระบอกตาร้อนผ่าวและพูดไม่หยุดแล้ว เสิ่นเทียนก็กำหมัดแน่นขึ้นช้าๆ

เขาเค้นรอยยิ้มออกมา “ศิษย์พี่เข้าใจผิดแล้ว ข้า…”

นักพรตอ้วนรีบยกมือขวา ก่อนพูดสาบาน “ศิษย์น้องวางใจเถอะ ศิษย์พี่ไม่ใช่คนปากสว่างเช่นนั้น! เรื่องนี้ฟ้ารู้ดินรู้ เจ้ารู้ข้ารู้ตะพาบรู้!

หากมีใครรู้ความลับ จะต้องเป็นเพราะตะพาบนั่นไปบอกกับคนอื่น ต้องไม่ใช่ศิษย์พี่แน่นอน! หากข้าบอกคนที่สี่ ขอให้ศิษย์พี่ถูกห้าอัสนีสวรรค์ผ่า ปล้นสุสานจะต้องพบเจอสิ่งชั่วร้าย!”

ครืน~

เปรี้ยง~

เพิ่งเอ่ยจบก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นไม่ไกล

ทั้งยังได้ยินเสียงวิ่งหนีและร้องโอดครวญตื่นตระหนกเบาๆ ทำให้คนหนาวสั่น

เห็นได้ชัดว่าคนอื่นๆ เจอกับอันตรายและสิ่งชั่วร้ายในสุสานจักรพรรดิ

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อกับเสิ่นเทียนถึงกับพูดไม่ออก

เสิ่นเทียนหยิบยาลูกกลอนฟื้นพลังฤทธิ์จากในอกเสื้อออกมากินเล็กน้อย ก่อนจะพูดราบเรียบ “ศิษย์พี่อยู่ตรงนี้อย่าขยับ ข้าจะไปดูสถานการณ์หน่อย”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็กลายเป็นแสงสีทองบินออกไปในทันใด หายวับไปตรงหน้าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ

“ศิษย์น้องรีบกลับมานะ ถ้าไม่มีเจ้าอยู่ข้างกายแล้วข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมองเสิ่นเทียนที่พุ่งทะยานไปไกลแล้วพลางรีบตะโกน

แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สนใจเขา

ตอนที่แผ่นหลังเสิ่นเทียนหายไปตรงสุดเส้นทางนั้น เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีสีหน้าว้าวุ่นใจ

เขาพึมพำกับตัวเอง “ไม่นึกเลยว่าจะตกลงเงื่อนไขเรียนย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตกับตะพาบแก่นั่น ไม่อยากเชื่อว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ เสียสติไปแล้ว!”

“ศิษย์น้องเล็กดูสุภาพเรียบร้อย ไม่อยากเชื่อว่าจะเปิดกว้างเช่นนี้ มองคนที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อไม่รู้เลยว่าขณะที่เขาพึมพำกับตัวเองนั้น ห้วงอากาศรอบตัวได้เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นอย่างไม่ชัดเจน

เขาพึมพำต่อ “ไม่รู้ว่าต้องทำถึงขนาดไหนถึงจะได้ หากข้าไปหาตะพาบแก่นั่น ไม่รู้ว่ามันจะยินดีสอนข้าหรือไม่ หรือว่าจะบอกอาจารย์ตรงๆ ให้อาจารย์ออกมือจับตะพาบแก่นั่นมาลงโทษ

อาจารย์ให้ความสำคัญกับศิษย์น้องเล็กขนาดนั้น หากรู้ว่าตะพาบแก่นั่นกระทำชำเราศิษย์น้องเล็ก จะต้องออกมือแน่…”

ขณะที่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อกำลังพูดงึมงำนั้น

เขาพลันขนลุกซู่ ความรู้สึกหวาดกลัวหลั่งทะลักขึ้นมา

สัมผัสอันเฉียบคมต่ออันตรายที่บ่มเพาะจากการปล้นสุสานมาหลายร้อยปีทำให้เขาต้องหลบไปด้านข้างตามจิตใต้สำนึก

บึ้ม~

กระบองยาวที่มาพร้อมกับพลังแห่งพายุสายฟ้า ฟาดใส่พื้นบนเส้นทางอย่างรุนแรง

วินาทีนั้น เยวี่ยอวิ๋นเต๋อโดนระเบิดจนหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน ใบหน้าพลันย่ำแย่ขึ้นมา

“ระยำ สารเลวที่ใดกันถึงกล้าลอบกัดข้า!”

เมื่อเห็นคนชุดคลุมดำที่หลอมรวมกับห้วงอากาศแล้ว เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมุมปากกระตุกเล็กน้อย

เขาโวยวายเสียงดัง “ข้าคือนักโบราณคดีอันดับหนึ่งของห้าดินแดน ล่วงเกินข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะไปขุดหลุมบรรพบุรุษบ้านเจ้า!”

ชิ้ง~

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อยังพูดไม่จบ คนชุดคลุมดำนั่นพลันกลายเป็นเศษเงาหลอมรวมเข้าไปในอากาศ

ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่ข้างหลังเยวี่ยอวิ๋นเต๋อแล้ว กระบองยาวในมือกระแทกใส่หลังศีรษะเยวี่ยอวิ๋นเต๋อในมุมที่เจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง

กระบวนท่านี้ไม่มีจิตสังหาร จุดที่โดนก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัส

แต่หากถูกกระบองฟาด คงมีวิงเวียนศีรษะไปครู่หนึ่ง

‘เจ้านี่เร็วมาก หลอมรวมกับอากาศเป็นหนึ่งเดียว หรือว่าจะเป็นสมาชิกของภาคีนักฆ่านั่น’

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อหนีหัวซุกหัวซุนไปพลาง ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วในใจไปพลาง ‘แต่ข้าไม่เคยขุดหลุมศพบรรพบุรุษของพวกเขา จะมาลอบสังหารข้าเพื่ออะไรกัน’

ไม่สิ หรือว่ามีเศรษฐีจ่ายเงินซื้อหัวข้ากัน

แต่เจ้านี่ไม่มีจิตสังหาร อีกทั้งยังช้าด้วย

การออกมือทุกกระบวนท่าไม่ใช่การปลิดชีพศัตรู ไม่เหมือนรูปแบบของนักฆ่าเลย!

แต่ว่าด้วยกลอุบายนี้ ก็คิดจะข่มขู่ข้าได้รึ

เจ้าโจร เจ้ายังอ่อนหัดเกินไป!

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อบิดร่างอ้วน ดูเหมือนงุ่มง่ามแต่กลับหลบการโจมตีทั้งหมดได้อย่างคล่องแคล่ว

จากนั้นเขาควักระฆังทองสัมฤทธิ์ออกมาจากอกเสื้อ “ฟ้าดินไร้ที่สิ้นสุด วิชาผนึกฟ้าดิน จงผนึกให้ข้า!”

พลังฤทธิ์มหาศาลหลั่งทะลักเข้าไปในระฆังเล็ก ระฆังเล็กทองสัมฤทธิ์พลันยิงอักขระโบราณออกมาจำนวนมาก พุ่งเข้าใส่คนชุดคลุมดำ

อักขระทุกตัวผ่านไปที่ใด ห้วงอากาศจะถูกผนึก ระดับความมั่นคงพลันเพิ่มขึ้นร้อยเท่า

คนชุดคลุมดำที่ตอนแรกอยู่ในอากาศเหมือนกับปลาได้น้ำก็ถูกบีบให้เผยรูปร่างออกมาตรงหน้าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ อีกทั้งกระดิ่งทองสัมฤทธิ์ยังกลายเป็นปราการสีดำ ขังร่างคนชุดคลุมดำไว้ เวลานี้ดิ้นไม่หลุดแล้ว สองคนยื้อกันไปเช่นนี้

“คิดไม่ถึงล่ะสิ! นี่คืออาวุธอริยะระดับสูงสุด ระฆังฟ้าดินผนึกเขตแดน ไว้ปราบวิชามิติของเจ้าโดยเฉพาะ!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพูดด้วยความลำพองใจ “ศิษย์น้องข้าจะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จบเห่”

……

เพิ่งเอ่ยจบ ก็เห็นประกายสีทองสายหนึ่งลากผ่านตรงสุดเส้นทาง

เสิ่นเทียนในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรมีปีกเทพทองคำข้างหลัง มาปรากฏตรงหน้าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อเหมือนกับเคลื่อนย้ายพริบตา

รอยยิ้มบนใบหน้าเยวี่ยอวิ๋นเต๋อชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เนื้ออ้วนบนใบหน้ากองรวมกัน “ศิษย์น้อง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! เจ้าโจรนี่คิดไม่ดีไม่ร้าย เหมือนจะคิดร้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์เรา

ศิษย์พี่ผนึกเจ้านี่ไว้แล้ว เจ้ารีบเอาค้อนเหล็กใหญ่นั่นมาทุบมันที เราจะจับมันกลับไปให้อาจารย์ บางทีอาจจะรีดไถได้อีก!”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็มองคนชุดคลุมดำอย่างลำพองใจ “เจ้าคอยดูเถอะ เจ้าตายแน่!”

ตึง~

วินาทีต่อมา เยวี่ยอวิ๋นเต๋อรู้สึกว่าหลังศีรษะสั่นสะเทือนเบาๆ ก่อนจะตาดำมืดลง

เสิ่นเทียนมองเยวี่ยอวิ๋นเต๋อที่ขาอ่อนยวบลงกับพื้น มุมปากกระตุกเบาๆ “ศิษย์พี่ อย่าโทษข้าเลย”

เดิมทีคิดว่าคงไม่ได้ใช้ยาลบความทรงจำระดับสูงสุดที่อาจารย์ให้ไว้เสียแล้ว ตอนนี้ดูแล้วทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอ จะได้ชำนาญ

เสิ่นเทียนควักยาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ่ง กรอกใส่ปากเยวี่ยอวิ๋นเต๋อ ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก

ข้าถือว่ารักษาชื่อเสียงอันดีงามไว้ได้แล้ว

เมื่อเห็นเยวี่ยอวิ๋นเต๋อที่หลับลึกหายใจสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ลืมละเมอโวยวายว่าจะปล้นสุสานบ้านใครแล้ว เสิ่นเทียนก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ตอนนั้นเหตุใดอาจารย์ถึงรับศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มากันได้นะ

จากนั้นเสิ่นเทียนก็มองคนชุดคลุมดำ “จากที่ศิษย์พี่บอก สุสานจักรพรรดิอีกาทองเหมือนจะไม่ธรรมดาแล้ว บางทีอาจมีอันตรายอะไรอยู่”

คนชุดคลุมดำพูดนิ่งๆ “ในนิยายตั้งแต่สมัยก่อน ถ้าตัวเอกผจญภัยจะต้องเกิดเหตุไม่คาดคิดแน่ ในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองมีบุตรแห่งโชคมากมายขนาดนี้ ไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายสิแปลก!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเตือนทุกคน!”

อย่างน้อยเสิ่นเทียนก็ไม่หวังว่าจะเอาศิษย์เทพสวรรค์มาเซ่นฟ้า ปูทางให้บุตรแห่งโชคคนอื่น

นั่นคือกุยช่าย…คือศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขานะ!

……

เสิ่นเทียนแบกเยวี่ยอวิ๋นเต๋อที่หมดสติสำแดงย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต กลับมาอยู่ตรงหน้าพวกฟางฉางอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ หลังได้ฟังเสิ่นเทียนเล่าเรื่องการผจญภัย ‘ฉบับปรับแก้’ ในการสำรวจเส้นทางครั้งนี้แล้ว ฉีเซ่าเสวียน ฟางฉางและจางอวิ๋นซีต่างก็ไม่อยากถอนตัวจากการผจญภัยครั้งนี้

เหตุผลง่ายมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง ทุกคนคิดว่าขอแค่ผจญภัยตามเสิ่นเทียน

จะต้องปลอดภัยแน่นอน!

……………………..

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset