ตอนที่ 386 รายงาน
เหอเจี่ยนสุยไม่ใช่พวกคนพื้นๆ ทั่วไป ถึงเขาจะเป็นขุนนางบุ๋น แต่กระทำการตัดสินใจเด็ดขาด เขาอ่านเกมและมั่นใจว่าเซียงฉือเป็นคนเดินหมากนี้ในครึ่งเกมแรกจึงตัดสินใจและต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นมา
ถึงหรงจิงจะรักษาปราการได้อย่างช่ำชอง แต่ฝีมือการเดินหมากของเหอเจี่ยนสุยกับอวิ๋นเซียงฉือต่างเรียนมาจากอวิ๋นเทียน ได้รับการปูพื้นจากอวิ๋นเทียนซึ่งย่อมส่งผลสูงสุดกับพวกเขาทั้งสอง
เหอเจี่ยนสุยมองแผนการของเซียงฉือออกและรู้ว่านางต้องการจะเอาชนะ แต่พอคิดถึงการมองอย่างสำรวจตรวจตราของหรงจิงเมื่อครู่แล้ว แม้เหอเจี่ยนสุยจะไม่รู้ใจฮ่องเต้ว่าคิดจะทำอะไร แต่ในเมื่อเซียงฉือคิดจะเอาชนะ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะใช้ความสามารถทั้งหมดเอาชนะหมากกระดานนี้ให้ได้
การเดินหมากไม่ใช่เรื่องที่จะต่อสู้แล้วตัดสินกันได้ในทันที บนกระดานตัดสลับกันพลิกผัน ล้อมกันไปดักกันมาดูคึกคัก แต่ความคึกคักเช่นนี้เซียงฉือเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน
ถึงนางจะเล่นได้เพียงระดับธรรมดาแต่ก็ใช่ว่านางจะไม่เข้าใจหมากล้อม เหตุใดเหอเจี่ยนสุยจึงได้แสดงตนออกมาเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เหอเจี่ยนสุยที่สุภาพเรียบร้อยคนที่นางเคยรู้จัก
เขาอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ แต่เหตุใดจึงได้ใจร้อนจะเอาชัยเช่นนี้ซึ่งทำให้เซียงฉือเป็นห่วง แต่ว่าหรงเฉิงเยี่ยยังคงยิ้มอยู่เช่นเคย
ถึงแม้หรงจิงจะถูกเกมหมากทำให้ตกที่นั่งลำบาก แต่ก็ไม่เห็นเขาทุกข์ร้อน สีหน้ากลับสนุกสนานอย่างมาก
เซียงฉือจึงพลอยระงับใจลงได้ ฝ่าบาทไม่พิโรธก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนวางแผนการอะไรกันอยู่
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เดิมทีหรงจิงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก แต่เมื่อถูกเหอเจี่ยนสุยรุกไล่ในครั้งเดียวเข้าไปแล้วความได้เปรียบก็หายไปกว่าครึ่ง สถานการณ์ทั้งคู่ในตอนนี้จึงดูเสมอกัน แต่หลังจากนั้นเหอเจี่ยนสุยดูจะเหนือกว่าและได้เปรียบกว่า
หรงเฉิงเยี่ยนั่งดูมานาน เขาตบมือยิ้มพูดขึ้นว่า
“โถๆ กระดานหมากชุดนี้สงสัยคงจะต้องตกเป็นของเซียงฉือเสียแล้ว ของดีๆ แบบนี้ ช่างน่าเสียดาย”
สุภาพบุรุษที่แท้จริงจะไม่ส่งเสียงขณะชมการเดินหมาก แต่ตอนนี้มาถึงช่วงท้ายซึ่งมองเห็นการแพ้ชนะบนกระดานออกได้แล้ว
เซียงฉือดูด้วยความรู้สึกว่าเหตุใดเหอเจี่ยนสุยจึงได้เล่นอย่างไม่ถ่อมตน นางถึงกับต้องปาดเหงื่อเย็น ส่วนหรงจิงถึงจะแพ้แต่ก็ไม่โกรธ เขาตบไหล่เหอเจี่ยนสุยแล้วพูดว่า
“ช่างมีบุคลิกของบรรพชนเจ้าอย่างแท้จริง ถึงกับกล้าชนะข้า ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
คำพูดหรงจิงมีความหมายลึกซึ้ง ตอนลุกขึ้นก็ไม่มีท่าทีเก้อเขินแม้แต่น้อย เพียงสะบัดมือใหญ่ของเขาแล้วพูดว่า
“เป็นที่พึ่งของเจ้าจริงๆ เซียงฉือ กระดานหมากนี้เป็นของเจ้าแล้ว”
เซียงฉือได้ยินดังนั้นก็คุกเข่าสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ส่วนเหอเจี่ยนสุยล้วงผ้าเช็ดหน้าไหมออกจากแขนเสื้อคิดจะซับเหงื่อบนหน้าผาก แต่เพียงหยิบออกมาก็ร่วงหล่นลงพื้น
เซียงฉือกำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ จึงเร็วกว่าก้าวหนึ่ง นางช่วยหยิบขึ้นมาให้เขา ขณะเดียวกันก็นำผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดผืนหนึ่งจากแขนเสื้อส่งให้ไปด้วย
เหอเจี่ยนสุยถือไว้ในมือแล้วมองดูเซียงฉือ เพียงแวบหนึ่งนี้ก็ทำให้เขาหวานล้ำเข้าไปถึงใจในพริบตา
การกระทำของอวิ๋นเซียงฉือเป็นไปตามสัญชาตญาณ กระทั่งนางคิดได้ว่าแบบนี้ดูจะไม่เหมาะสม เหอเจี่ยนสุยก็ได้เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปในแขนเสื้อแล้ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกระทั่งคนรอบข้างไม่มีใครสังเกตเห็น
เซียงฉือกังวลใจแต่ไม่กล้าทำอะไรมาก เกรงจะทำให้ฮ่องเต้เกิดความระแวง
หรงจิงกลับไปนั่งยังพระที่นั่ง เขามองดูเหอเจี่ยนสุยที่เบื้องล่างแล้วก็โยนรายงานเล่มหนึ่งให้เขา
เหอเจี่ยนสุยยื่นมือออกรับแล้วถือรายงานนั้นไว้ที่มือ
เขาไม่เข้าใจเจตนา มองดูหรงจิงก็ได้ยินเขาพูดว่า
“เปิดออกดูสิ”
เหอเจี่ยนสุยได้ยินดังนั้นก็ตอบรับแล้วรีบเปิดออกดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในขณะที่เขาเปิดอ่านอย่างตั้งใจอยู่นั้น หรงจิงได้เรียกซูกงกงไปข้างกายและกระซิบข้างหูจากนั้นจึงมองดูเหอเจี่ยนสุยอีก
เซียงฉือทำความเคารพหรงจิงแล้วค้อมกายถอยออกไป
ตอนที่ 387 สอบถาม
นางเป็นข้าราชสำนักสตรี และเพราะว่าข้าราชสำนักสตรีงานอักษรเป็นคนที่รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ที่สุด เพื่อจะให้พวกนางมีความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เต็มที่ ไม่สมคบกับขุนนางคนนอกแล้วตามกฎระเบียบจะห้ามมิให้ข้าราชสำนักสตรีพบปะกับขุนนางคนนอกเพียงลำพัง เพื่อไม่ให้เกิดการสมคบคิดระหว่างในและนอก ทั้งป้องกันความลับรั่วไหล ด้วยสถานะของข้าราชสำนักสตรีงานอักษรนั้นเหมือนดั่งผู้เก็บงำความลับข้างพระวรกายฮ่องเต้ เพราะนางรู้จักฮ่องเต้ดีที่สุด ดังนั้นจึงมีผู้ไม่ประสงค์ดีหวังใช้ประโยชน์ ดังนั้นการพบปะกับขุนนางราชสำนักให้น้อยจึงเป็นสิ่งจำเป็น
เรื่องนี้สำหรับข้าราชสำนักสตรีคนอื่นๆ ไม่สู้กระไรนัก แต่กฎระเบียบนี้จะยิ่งเข้มงวดเฉพาะกับผู้ที่ยิ่งใกล้ชิดฮ่องเต้
เหอเจี่ยนสุยอ่านรายงานแล้วคิดพิจารณาไตร่ตรอง เมื่อหรงจิงเข้ามาถึงก็ให้เขาเล่นหมากล้อมซึ่งเป็นเกมที่ชนะเพื่อเซียงฉือ และตอนนี้ก็ให้เขาดูความคืบหน้าเรื่องการทุจริตของสถานที่ต่างๆ จากการตรวจสอบของหรงเฉิงเยี่ย
เหอเจี่ยนสุยมั่นใจว่ารายงานฉบับนี้เป็นความลับสุดยอด เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องข้างในล้วนเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก พวกผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปถึงไหนก็สะเทือนถึงนั่น
แต่ฮ่องเต้ให้เขาได้เห็นสิ่งนี้ มีพระประสงค์อันใด
วันนั้นหรงเฉิงเยี่ยรับราชโองการฮ่องเต้ เขาอ้างการตรวจตราป้องกันเดินทางไปตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของข้าราชการตามที่ต่างๆ ซึ่งใช้เวลาครึ่งปีจึงเสร็จสิ้น การที่เขาต้องตระเวนอยู่นอกสถานที่เป็นเวลานาน เกือบทำให้เขากลายเป็นคนเถื่อนไปแล้ว
หรงจิงรักสงสารน้องชายแท้ๆ ของตนยิ่ง ตอนนี้เมื่อได้เห็นเหอเจี่ยนสุยที่มีความกล้าหาญของนักสู้จึงคิดจะเลือกไว้ให้เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของหรงเฉิงเยี่ย
เหอเจี่ยนสุยอ่านแล้วก็เงียบไป หรงเฉิงเยี่ยรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วจึงเพียงยืนอยู่ ทั้งสามคนมองสบตากัน เมื่อหรงจิงเห็นว่าเหอเจี่ยนสุยคงพอจะเข้าใจความเป็นไปได้แล้วจึงได้เอ่ยปาก
“เหวินเซวียน ข้าต้องการจะแต่งตั้งผู้ตรวจการเก้ามณฑลโดยให้เฉิงเยี่ยเป็นผู้รับหน้าที่ และคัดเลือกคนหนุ่มผู้มีความสามารถจากหมู่ขุนนางบุ๋นและบู๊จำนวนสิบหกคนรวมกันขึ้นมาเพื่อออกตรวจเรื่องทุจริตไปตามที่ต่างๆ”
“ครั้งนี้ข้าได้ข้อสรุปแล้วว่าจะดำเนินการกับข้าราชการที่ทุจริตในมณฑลหลี ซู เยี่ยน หลาน เจียง จิ้ง ชิงและชังทั้งเก้ามณฑลให้ถึงที่สุด เมี่อประกาศแล้วจะให้เข้ารับหน้าที่ในทันที จึงคิดจะส่งเสริมตามการเสนอแนะ ไม่รู้ว่าเหวินเซวียนเห็นว่าวิธีการนี้เป็นอย่างไร”
เมื่อหรงจิงพูดถึงตรงนี้อกของเหอเจี่ยนสุยกระเพื่อมอย่างรุนแรง เข้ารับหน้าที่ในทันที นี่คือแผนการรับมือที่เหอเจี่ยนสุยกับอวิ๋นเซียงฉือร่วมกันปรึกษาหารือในครั้งที่คุยเรื่องการเมืองที่บ้านสกุลอวิ๋นและถูกท่านปู่ของเซียงฉือตั้งคำถาม
ในตอนนั้นท่านปู่พูดว่าตอนนี้แผ่นดินสงบสุข ถึงจะมีพวกทุจริตอยู่บ้าง แต่ในระดับแคว้นแล้วยังไม่ถึงขั้นเสียหายรุนแรง
วิธีการนี้สามารถเก็บไว้ใช้ในวันหน้าเมื่อการทุจริตในแคว้นเซียวจิ่งรุนแรงขึ้น มดปลวกคิดจะกินช้าง ค่อยนำออกมาใช้ก็ยังไม่สาย
ใจของเหอเจี่ยนสุยสว่างวาบขึ้น หากว่าหรงจิงเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นก็ดูจะน่าสงสัย แต่หากไม่ใช่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเซียงฉือ
เซียงฉือจะพูดคุยเรื่องการเมืองกับฮ่องเต้หรือ
เกิดความสงสัยขึ้นในใจเหอเจี่ยนสุย แต่เมื่อฮ่องเต้ถาม แม้เขาจะชะงักไปชั่วครู่ก็ไม่กล้ารีรอ รีบตอบว่า
“ฝ่าบาททรงปรีชาวินิจฉัยได้เด็ดขาด คดีทุจริตใหญ่ของผู้ตรวจการที่ควบคุมดูแลชิงโจวและเจียงโจวเป็นเรื่องสะท้านไปทั้งราชสำนัก ฝ่าบาททรงต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจังในขณะนี้ช่างเหมาะเจาะยิ่ง ทั้งวิธีการนี้ก็นำออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม เป็นการตอกกลับพวกขุนนางทุจริตทั้งแผ่นดิน วิธีการนี้ของฝ่าบาทดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอเสนอตัวเอง จะทุ่มเทรับใช้ฝ่าบาทสุดความสามารถจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่เหอเจี่ยนสุยได้ยินหรงจิงถามความเห็นจากเขาก็รู้เจตนาของหรงจิงแล้ว หากครั้งนี้ไม่เตรียมให้เขาได้ติดตามไปด้วย ลำพังเพียงหัวหน้าสำนักศึกษาอย่างเขาจะสามารถได้รับโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร
ดังนั้นเหอเจี่ยนสุยจึงได้คล้อยตามเจตนาของหรงจิง ขันอาสาเสนอตัวออกมา
หรงจิงฟังเขาพูดเช่นนั้นแล้วรู้สึกถึงความเฉลียวฉลาดตอบสนองได้อย่างรวดเร็วของเขาจึงชื่นชมเหอเจี่ยนสุยมากขึ้นอีกหนึ่งส่วน