บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 312 ทางเลือก

“แต่ยังไง สุดท้ายจะได้ร่วมงานกันหรือเปล่า ก็ต้องรอคุยสัญญาพรุ่งนี้ก่อนอยู่ดี” เสียงของเขาเรียบนิ่งมาก

โม่โยวเห็นเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แล้วเอ่ยด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน ความรู้สึกหนักใจก็น้อยลงไปไม่น้อย ค่อยโล่งอกไปที

เธอพยักหน้า “คุณชายลู่ไว้ใจเถอะค่ะ ถ้าได้ร่วมงานกัน ฉันจะพยายามสุดความสามารถเลยค่ะ”

ลู่จิ้นยวนมองไปที่นาฬิกาข้อมือ “ไปเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวผมส่งคุณกลับบ้าน”

“ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ฉันโบกรถกลับเองก็ได้ค่ะ วันนี้คุณช่วยเหลือฉันไว้มากแล้ว”

เขาไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร โม่โยวเอาแต่ปฏิเสธเขา ก็ทำให้เขาโมโห เดินก้าวไปแล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้

โม่โยวอุทานตกใจ พอเห็นท่าทางของตัวเองกับเขา ใจก็เต้นแรงมาก หูก็แดงมากด้วย

“ดูเหมือนว่าคุณกลัวผมมาก?”

เสียงโทนต่ำดังขึ้นข้างหู ทุกอย่างของผู้ชายคนนี้โอบล้อมเธอไว้ ปฏิกิริยาแรกของโม่โยว กลับไม่ใช่ผลักเขาออก

ในสายตาเธอมีความมึนมัว ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ความรู้สึกแบบนี้……เธอรู้สึกคุ้นชินมาก รู้สึกเหมือนว่าตัวเองก็เคยใกล้ชิดกับคนคนนี้อย่างนั้น

ความคิดนี้ทำให้เธอสะดุ้งตกใจแล้วดึงสติกลับมา หน้าก็แดงมากด้วย แล้วในใจก็แอบด่าตัวเอง เพราะยังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเองมีความคิดแบบนี้กับลู่จิ้นยวน

ลู่จิ้นยวนปล่อยเธอก่อน “ไปเถอะ”

ครั้งนี้ โม่โยวไม่ได้ปฏิเสธ แล้วตามเขาเดินไปด้วย

วันต่อมา

หวังเจี้ยนจางพาโม่โยวไปที่บริษัทตระกูลลู่ตั้งแต่เช้า

พอยืนอยู่หน้าประตูบริษัทลู่ ก็เงยหน้ามองตึกที่สูง โม่โยวก็รู้สึกอีกครั้งว่ากับเธอไม่ใช่คนโลกเดียวกันกับลู่จิ้นยวนจริงๆ

ทั้งสองก้าวเข้าไปในบริษัทเป็นครั้งแรก ระหว่างทางหวังเจี้ยนจางก็ยิ้มแย้มตลอด แม้แต่กับพนักงานต้อนรับก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

ไม่นานนัก ก็มีผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทเต็มยศนำทางพวกเขาไป

“สวัสดีครับ ผมอันเฉิน เป็นผู้ช่วยประธานลู่ บอสสั่งไว้ว่าให้พวกคุณตามผมขึ้นไปได้เลยครับ”

“ครับครับครับ คุณชายลู่ยุ่งขนาดนั้น แต่ยังจำผมได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ” หวังเจี้ยนจางยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่ในปาก

โม่โยวทำงานอยู่ในบริษัทนี้สักพักแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นเจ้านายตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบริษัทตระกูลลู่

ผู้ช่วยอันเฉินให้พวกเขารออยู่ในห้องประชุมไปก่อน จากนั้นก็เดินออกไป

พอหวังเจี้ยนจางเห็นว่าคนเดินออกไปก็โล่งอกทันที แล้วมองโม่โยวด้วยสายตาแปลกๆ “โม่โยว เก่งมากเลยหนิ เธอรู้จักกับผู้บริหารบริษัทตระกูลลู่ ไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเลย ปิดบังได้ดีมาก”

“แต่ว่ารู้ตอนนี้ก็ไม่สาย เธออยู่ในบริษัทมาตั้งหลายปี ฉันก็ดีกับเธอไม่น้อย ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ จะผ่านวิกฤตไปได้หรือเปล่าคงต้องพึ่งพาเธอแล้วล่ะ”

โม่โยวรู้สึกเอือมละอามากแล้วอธิบายอย่างหนักใจ “บอสเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันแค่บังเอิญรู้จักกับคุณชายลู่ก็เท่านั้น ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นค่ะ”

หวังเจี้ยนจางไม่เชื่อ ลู่จิ้นยวนเป็นใครกัน? ถ้าไม่สนิทกัน จะใส่ใจขนาดนี้ได้ยังไง?

เขาโบกมือไม่สนใจด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม “ฉันรู้ฉันรู้ ไว้ใจเถอะ ฉันไม่ปากโป้งหรอก”

“……” ทำไมเธอรู้สึกว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งยุ่งยากไปกว่าเดิม

โม่โยวกำลังจะอธิบายอีกรอบ ลู่จิ้นยวนก็เดินเข้ามา

ชุดสูทที่สมส่วนบนร่างกายเขา กระดุมคอเสื้อก็เปิดออก ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย ให้ความรู้สึกทั้งกดดันทั้งจะเป็นบ้าด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่โม่โยวเห็นเขาในแบบนี้จนอึ้งไป ยังไง นี่ก็เป็นผู้ชายที่เปล่งประกายตลอดเวลา

หวังเจี้ยนจางรีบลุกขึ้นทันที แล้วยิ้มจนปากจะฉีก จนทำให้คนอื่นทนดูไม่ได้

“คุณชายลู่ ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”

ลู่จิ้นยวนมองกวาดไปที่โม่โยว แล้วนั่งลงตรงหน้าทั้งสอง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก ผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังก็หยิบเอกสารออกมาวางตรงหน้าหวังเจี้ยนจาง แล้วพูดตรงๆ

“นี่เป็นเงื่อนไขที่ทางเราเสนอให้ เชิญดูครับ”

หวังเจี้ยนจางอึ้งไป จากนั้นก็รีบเปิดสัญญาดู ยิ่งดูละเอียดมากเท่าไหร่ คิ้วก็คิ้วขมวดแน่นไปกว่าเดิม

ทีแรกเขาอยากจะใช้ประโยชน์ความสำพันธ์ระหว่างโม่โยวกับลู่จิ้นยวน แล้วพึ่งพาตระกูลลู่ให้บริษัทตัวเองดีขึ้นไปกว่าเดิม

ความคิดนี้ช่างดีงามเหลือเกิน แต่สัญญาฉบับนี้ก็ทำให้แผนของเขาล่มไปทันที

เงื่อนไขนี้บนนั้น มีแค่ทางเลือกสองทางเลือก ใช้เงินทุนของบริษัทตระกูลลู่ แล้วบริษัทตัวเองสามารถตามกระแสภายใต้สัญญาฉบับนี้ได้ บริษัทตระกูลลู่ก็จะไม่เอาเรื่อง แต่ระยะเวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น

ในวงการเสื้อผ้าคำว่าตามกระแสนั้น พูดตามตรงก็คือสามารถลอกเลียนแบบได้ วงการแฟชั่นในประเทศมีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว ทางกฎหมายก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมาก

พอถึงซีซั่นต่างๆ บริษัทเล็กบริษัทน้อยก็จะลอกเลียนแบบผลงานของแบรนด์ต่างๆ จากนั้นก็เอามาแก้ไขรูปแบบนิดหน่อยเท่านั้น

แต่บริษัทตระกูลลู่ไม่เหมือนกับบริษัทอื่น กี่ปีที่ผ่านมานี้ ขอแค่บริษัทตระกูลลู่เห็นว่ามีการลอกเลียนแบบสินค้าของตัวเอง ก็จะใช้วิธีการต่างๆในการไปกดดัน

แต่ตอนนี้ ในสัญญาเขียนไว้ชัดเจนว่า สามารถให้บริษัทตัวเองตามกระแสได้เป็นเวลาหนึ่งปี โดยจะไม่ดำเนินคดีทางกฎหมายเด็ดขาด แต่หลังจากหนึ่งปีสามารถไปถึงจุดไหนก็ต้องดูความสามารถของตัวเอง

ทางที่สอง บริษัทตระกูลลู่จะลงทุนแล้วซื้องานออกแบบของบริษัทตัวเองครึ่งปีหลัง แล้วเปิดโอกาสให้บริษัทตัวเองสามารถใช้ช่องทางจำหน่ายของบริษัทตระกูลลู่ได้เป็นเวลาสามเดือน พอถึงเวลา ก็จะสิ้นสุดการร่วมงาน

หวังเจี้ยนจางลังเลจนไส้พันกันหมดแล้ว สองทางเรื่องนี้ ทางแรก อิสระหนึ่งปีที่ให้ ขอแค่บริหารงานดีๆ บริษัทตัวเองก็อาจจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง อาจจะดังขึ้นมาทันทีก็ได้

แต่ก็มีความอันตรายแฝงอยู่ มีเวลาแค่หนึ่งปี ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทุกอย่างก็จะล้มละลาย

ทางเลือกที่สอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเปิดโอกาสให้ใช้ช่องทางต่างๆ กำไรที่ได้ก็เป็นหลายเท่า เป็นอะไรที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

หวังเจี้ยนจางกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “คือ คุณชายลู่ครับ โม่โยวทำงานอยู่ในบริษัทผมหลายปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นพนักงานเก่า”

“ในด้านออกแบบ ก็เป็นด้านที่โม่โยวถนัด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้……”

เขากำลังจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา โม่โยวได้ยินก็ขมวดคิ้วเข้ม อยากจะแทรกเจ้านายตัวเองมาก

แต่ลู่จิ้นยวนกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แค่มองไปที่เขา “คุณหวังหมายความว่า ไม่อยากจะร่วมงานกัน?”

เขาตกใจแล้วรีบส่ายหน้าทันที “เปล่า เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ได้ร่วมงานกับบริษัทตระกูลเป็นเกียรติของพวกผม ผมแค่……”

ยังพูดไม่จบ ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้ว แล้วรู้สึกถึงแรงกดดัน “ในเมื่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น งั้นก็เลือกเงื่อนไขในสัญญาสิครับ อีกห้านาทีผมยังมีการประชุมต่อ หวังว่าคุณจะมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วนะครับ”

หวังเจี้ยนจาง : “……”

“แต่ยังไง สุดท้ายจะได้ร่วมงานกันหรือเปล่า ก็ต้องรอคุยสัญญาพรุ่งนี้ก่อนอยู่ดี” เสียงของเขาเรียบนิ่งมาก

โม่โยวเห็นเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แล้วเอ่ยด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน ความรู้สึกหนักใจก็น้อยลงไปไม่น้อย ค่อยโล่งอกไปที

เธอพยักหน้า “คุณชายลู่ไว้ใจเถอะค่ะ ถ้าได้ร่วมงานกัน ฉันจะพยายามสุดความสามารถเลยค่ะ”

ลู่จิ้นยวนมองไปที่นาฬิกาข้อมือ “ไปเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวผมส่งคุณกลับบ้าน”

“ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ฉันโบกรถกลับเองก็ได้ค่ะ วันนี้คุณช่วยเหลือฉันไว้มากแล้ว”

เขาไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร โม่โยวเอาแต่ปฏิเสธเขา ก็ทำให้เขาโมโห เดินก้าวไปแล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้

โม่โยวอุทานตกใจ พอเห็นท่าทางของตัวเองกับเขา ใจก็เต้นแรงมาก หูก็แดงมากด้วย

“ดูเหมือนว่าคุณกลัวผมมาก?”

เสียงโทนต่ำดังขึ้นข้างหู ทุกอย่างของผู้ชายคนนี้โอบล้อมเธอไว้ ปฏิกิริยาแรกของโม่โยว กลับไม่ใช่ผลักเขาออก

ในสายตาเธอมีความมึนมัว ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ความรู้สึกแบบนี้……เธอรู้สึกคุ้นชินมาก รู้สึกเหมือนว่าตัวเองก็เคยใกล้ชิดกับคนคนนี้อย่างนั้น

ความคิดนี้ทำให้เธอสะดุ้งตกใจแล้วดึงสติกลับมา หน้าก็แดงมากด้วย แล้วในใจก็แอบด่าตัวเอง เพราะยังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเองมีความคิดแบบนี้กับลู่จิ้นยวน

ลู่จิ้นยวนปล่อยเธอก่อน “ไปเถอะ”

ครั้งนี้ โม่โยวไม่ได้ปฏิเสธ แล้วตามเขาเดินไปด้วย

วันต่อมา

หวังเจี้ยนจางพาโม่โยวไปที่บริษัทตระกูลลู่ตั้งแต่เช้า

พอยืนอยู่หน้าประตูบริษัทลู่ ก็เงยหน้ามองตึกที่สูง โม่โยวก็รู้สึกอีกครั้งว่ากับเธอไม่ใช่คนโลกเดียวกันกับลู่จิ้นยวนจริงๆ

ทั้งสองก้าวเข้าไปในบริษัทเป็นครั้งแรก ระหว่างทางหวังเจี้ยนจางก็ยิ้มแย้มตลอด แม้แต่กับพนักงานต้อนรับก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

ไม่นานนัก ก็มีผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทเต็มยศนำทางพวกเขาไป

“สวัสดีครับ ผมอันเฉิน เป็นผู้ช่วยประธานลู่ บอสสั่งไว้ว่าให้พวกคุณตามผมขึ้นไปได้เลยครับ”

“ครับครับครับ คุณชายลู่ยุ่งขนาดนั้น แต่ยังจำผมได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ” หวังเจี้ยนจางยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่ในปาก

โม่โยวทำงานอยู่ในบริษัทนี้สักพักแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นเจ้านายตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบริษัทตระกูลลู่

ผู้ช่วยอันเฉินให้พวกเขารออยู่ในห้องประชุมไปก่อน จากนั้นก็เดินออกไป

พอหวังเจี้ยนจางเห็นว่าคนเดินออกไปก็โล่งอกทันที แล้วมองโม่โยวด้วยสายตาแปลกๆ “โม่โยว เก่งมากเลยหนิ เธอรู้จักกับผู้บริหารบริษัทตระกูลลู่ ไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเลย ปิดบังได้ดีมาก”

“แต่ว่ารู้ตอนนี้ก็ไม่สาย เธออยู่ในบริษัทมาตั้งหลายปี ฉันก็ดีกับเธอไม่น้อย ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ จะผ่านวิกฤตไปได้หรือเปล่าคงต้องพึ่งพาเธอแล้วล่ะ”

โม่โยวรู้สึกเอือมละอามากแล้วอธิบายอย่างหนักใจ “บอสเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันแค่บังเอิญรู้จักกับคุณชายลู่ก็เท่านั้น ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นค่ะ”

หวังเจี้ยนจางไม่เชื่อ ลู่จิ้นยวนเป็นใครกัน? ถ้าไม่สนิทกัน จะใส่ใจขนาดนี้ได้ยังไง?

เขาโบกมือไม่สนใจด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม “ฉันรู้ฉันรู้ ไว้ใจเถอะ ฉันไม่ปากโป้งหรอก”

“……” ทำไมเธอรู้สึกว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งยุ่งยากไปกว่าเดิม

โม่โยวกำลังจะอธิบายอีกรอบ ลู่จิ้นยวนก็เดินเข้ามา

ชุดสูทที่สมส่วนบนร่างกายเขา กระดุมคอเสื้อก็เปิดออก ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย ให้ความรู้สึกทั้งกดดันทั้งจะเป็นบ้าด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่โม่โยวเห็นเขาในแบบนี้จนอึ้งไป ยังไง นี่ก็เป็นผู้ชายที่เปล่งประกายตลอดเวลา

หวังเจี้ยนจางรีบลุกขึ้นทันที แล้วยิ้มจนปากจะฉีก จนทำให้คนอื่นทนดูไม่ได้

“คุณชายลู่ ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”

ลู่จิ้นยวนมองกวาดไปที่โม่โยว แล้วนั่งลงตรงหน้าทั้งสอง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก ผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังก็หยิบเอกสารออกมาวางตรงหน้าหวังเจี้ยนจาง แล้วพูดตรงๆ

“นี่เป็นเงื่อนไขที่ทางเราเสนอให้ เชิญดูครับ”

หวังเจี้ยนจางอึ้งไป จากนั้นก็รีบเปิดสัญญาดู ยิ่งดูละเอียดมากเท่าไหร่ คิ้วก็คิ้วขมวดแน่นไปกว่าเดิม

ทีแรกเขาอยากจะใช้ประโยชน์ความสำพันธ์ระหว่างโม่โยวกับลู่จิ้นยวน แล้วพึ่งพาตระกูลลู่ให้บริษัทตัวเองดีขึ้นไปกว่าเดิม

ความคิดนี้ช่างดีงามเหลือเกิน แต่สัญญาฉบับนี้ก็ทำให้แผนของเขาล่มไปทันที

เงื่อนไขนี้บนนั้น มีแค่ทางเลือกสองทางเลือก ใช้เงินทุนของบริษัทตระกูลลู่ แล้วบริษัทตัวเองสามารถตามกระแสภายใต้สัญญาฉบับนี้ได้ บริษัทตระกูลลู่ก็จะไม่เอาเรื่อง แต่ระยะเวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น

ในวงการเสื้อผ้าคำว่าตามกระแสนั้น พูดตามตรงก็คือสามารถลอกเลียนแบบได้ วงการแฟชั่นในประเทศมีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว ทางกฎหมายก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมาก

พอถึงซีซั่นต่างๆ บริษัทเล็กบริษัทน้อยก็จะลอกเลียนแบบผลงานของแบรนด์ต่างๆ จากนั้นก็เอามาแก้ไขรูปแบบนิดหน่อยเท่านั้น

แต่บริษัทตระกูลลู่ไม่เหมือนกับบริษัทอื่น กี่ปีที่ผ่านมานี้ ขอแค่บริษัทตระกูลลู่เห็นว่ามีการลอกเลียนแบบสินค้าของตัวเอง ก็จะใช้วิธีการต่างๆในการไปกดดัน

แต่ตอนนี้ ในสัญญาเขียนไว้ชัดเจนว่า สามารถให้บริษัทตัวเองตามกระแสได้เป็นเวลาหนึ่งปี โดยจะไม่ดำเนินคดีทางกฎหมายเด็ดขาด แต่หลังจากหนึ่งปีสามารถไปถึงจุดไหนก็ต้องดูความสามารถของตัวเอง

ทางที่สอง บริษัทตระกูลลู่จะลงทุนแล้วซื้องานออกแบบของบริษัทตัวเองครึ่งปีหลัง แล้วเปิดโอกาสให้บริษัทตัวเองสามารถใช้ช่องทางจำหน่ายของบริษัทตระกูลลู่ได้เป็นเวลาสามเดือน พอถึงเวลา ก็จะสิ้นสุดการร่วมงาน

หวังเจี้ยนจางลังเลจนไส้พันกันหมดแล้ว สองทางเรื่องนี้ ทางแรก อิสระหนึ่งปีที่ให้ ขอแค่บริหารงานดีๆ บริษัทตัวเองก็อาจจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง อาจจะดังขึ้นมาทันทีก็ได้

แต่ก็มีความอันตรายแฝงอยู่ มีเวลาแค่หนึ่งปี ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทุกอย่างก็จะล้มละลาย

ทางเลือกที่สอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเปิดโอกาสให้ใช้ช่องทางต่างๆ กำไรที่ได้ก็เป็นหลายเท่า เป็นอะไรที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

หวังเจี้ยนจางกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “คือ คุณชายลู่ครับ โม่โยวทำงานอยู่ในบริษัทผมหลายปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นพนักงานเก่า”

“ในด้านออกแบบ ก็เป็นด้านที่โม่โยวถนัด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้……”

เขากำลังจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา โม่โยวได้ยินก็ขมวดคิ้วเข้ม อยากจะแทรกเจ้านายตัวเองมาก

แต่ลู่จิ้นยวนกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แค่มองไปที่เขา “คุณหวังหมายความว่า ไม่อยากจะร่วมงานกัน?”

เขาตกใจแล้วรีบส่ายหน้าทันที “เปล่า เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ได้ร่วมงานกับบริษัทตระกูลเป็นเกียรติของพวกผม ผมแค่……”

ยังพูดไม่จบ ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้ว แล้วรู้สึกถึงแรงกดดัน “ในเมื่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น งั้นก็เลือกเงื่อนไขในสัญญาสิครับ อีกห้านาทีผมยังมีการประชุมต่อ หวังว่าคุณจะมีประสิทธิภาพที่รวดเร็วนะครับ”

หวังเจี้ยนจาง : “……”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset