บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 326 เจ้าตัวน้อยเล่นบทโศก

คิกคิก……….

มีเสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมาจากกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่

โม่โยวตกใจกับคำพูดที่กล้าหาญของลูกชายตนเอง รีบอุ้มเจ้าตัวยุ่งขึ้นมา “ท่านป้าพวกเรามีธุระที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะคะ”

พูดจบเธอก็รีบจากไปในทันที กลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้อีกแม้เพียงวินาทีเดียว อาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้ ที่ด้านหลังก็มีเสียงอันโกรธขึ้งของพานจื้อหลานดังไล่มา

“แม่ พวกเราไม่ต้องไปกลัวป้าแก่คนนั้นหรอก” ลู่อันหรานหรานคัดค้านไม่เห็นด้วย

โม่โยวถอนหายใจออกมา บีบจมูกเจ้าตัวเล็กอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ตัวก็เล็กนิดเดียว ใจใหญ่ใจกล้าไปหน่อยหรือเปล่า”

เจ้าตัวน้อยทำปากยื่น เอามือกอดอก “หึ ผมไม่กลัวเธอหรอก ใครใช้ให้มาว่าผมกันล่ะ ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้นะ จะต้องเก็บยัยป้าแก่คนนั้นแน่”

เธอเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกผิดละอายใจ “ขอโทษด้วยนะอันหราน แม่ทำให้ลูกเข้าไปพัวพันจนเกิดเรื่องขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแม่ล่ะก็ หนูก็จะไม่โดนเธอด่าแล้ว”

“แม่ นี่แม่ไม่ได้มีส่วนผิดด้วยเลยนะ เป็นความผิดของป้าคนนั้นต่างหาก” ลู่อันหรานทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ

เธอส่ายหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ในใจกลับรู้สึกสับสนไปหมด เกิดเรื่องเมื่อสักครู่นี้ทำให้เรื่องของเธอกับตระกูลโม่นั้นยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้นไปอีก ท่านป้าโม่จะต้องยิ่งไม่ยินยอมให้ตนเองแต่งงานกับเทียนยวี๋เป็นแน่

แต่ว่าอันหรานเป็นลูกชายของเธอ ต่อให้จนท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้แต่งงานกับเทียนยวี๋ขึ้นมาจริงๆ เธอเองก็จะไม่ยอมให้ลูกของตนได้รับความไม่เป็นธรรมเด็ดขาด

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พานจื้อหลานได้รับการเชื้อเชิญจากผู้จัดการห้างสรรพสินค้าให้ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รีบโทรศัพท์ออกไปหาลูกชายตนเองทันที เพียงแค่เปิดปากพูดก็ตะโกนออกไปโดยไม่สามารถระงับความโกรธที่ปะทุอยู่เอาไว้ได้

“เทียนยวี๋ แม่ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายเลยนะ ถ้าลูกไม่ยอมตัดความสัมพันธ์กับโม่โยวยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นล่ะก็ ฉันก็จะถือว่าไม่มีลูกแบบแก ถ้าคิดที่จะเอานังจิ้งจอกแพศยานั้นเข้าประตูตระกูลโม่มา ก็ต้องข้ามศพแม่ไปก่อน”

โม่เทียนยวี๋ได้ยินถึงน้ำเสียงที่ราวกับว่ากำลังโกรธขึ้งอยู่ของแม่ตนเอง ฟังลมหายใจอันหอบหนักนั้นแล้ว ก็สะกดกลั้นความเหลืออดเอาไว้อยู่ภายในใจ ไม่กล้าที่จะกระตุ้นยุแหย่เธอมากนัก

“แม่ เกิดอะไรขึ้นอีกครับเนี่ย อย่าพึ่งโกรธนะ ผมจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด มีเรื่องอะไรก็รอผมไปถึงบ้านแล้วค่อยคุยกันนะครับ”

“ลูกแม่ ลูกไม่รู้เลยว่ายัยผู้หญิงต่ำช้าคนนั้นมันรังแกแม่อย่างไรบ้าง แม่มีชีวิตมาจนแก่ปูนนี้แล้ว พึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ถูกทำให้อับอายถึงขนาดนี้ ฉันไม่ขออยู่ต่อไปแล้ว”

พานจื้อหลานก็โกรธอยู่ แต่ที่อยากจะร้องไห้ออกมานั้นก็เป็นความจริงด้วยเช่นกัน ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งแค้นเคือง น้ำตาจึงไหลรินออกมา

“ตอนนี้ยัยผู้หญิงคนนั้นมันไม่ไหวแล้วนะ วันนี้มันไม่เพียงแต่จะกล้าเตะแม่ ยังสาดกาแฟใส่หน้าแม่อีกต่างหาก ถ้าเป็นลูกแม่จริงล่ะก็ ต้องรีบกลับมาสั่งสอนยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นให้แม่ แม่ของแกถูกรังแกจนจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

เธอผลักเอาทุกสิ่งอย่างที่ลู่อันหรานทำไปให้เป็นความผิดของโม่โยว ซ้ำยังไม่ได้สนใจเรื่องที่ว่าลู่อันหรานเป็นเพียงเด็กน้อยอายุประมาณ 5-6 ขวบเท่านั้น

อะไรนะ โม่เทียนยวี๋สงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่า

โม่โยวเตะแม่ของเขา แถมยังสาดกาแฟใส่แม่ของเขาอีก บทบาทมันสลับกันแล้วหรือเปล่า หากแม่ของเขาเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ยังจะดูเป็นไปได้มากกว่าเสียอีก เขาไม่เชื่อในสิ่งที่แม่ของเขาพูดเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่พานจื้อหลานพูดถึงเรื่องที่ตนไม่ได้รับความชอบธรรมแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะเล่นละครฉากเศร้าเคล้าน้ำตาต่อหน้าลูกชายของตนเอง

“ลูกแม่ ฟังแม่พูดนะ วันนี้แม่ไปบังเอิญเจอเข้ากับโม่โยว ยัยชั้นต่ำนั่น ที่ข้างกายเธอมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 5-6 ขวบ ไอ้เด็กเวรนั่นมันยังเรียกเธอว่าแม่ด้วยซ้ำ แกรู้บ้างไหมเนี่ย”

“เทียนยวี๋ ตระกูลโม่ของพวกเรานับว่าเป็นตระกูลที่มีคนนับหน้าถือตาอยู่เยอะ โม่โยวทั้งอยากจะแต่งงานกับลูก ทั้งยังพาลูกชายตัวเองออกมาวิ่งแจ้นไปทั่วอย่างกับลิงแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้ถูกลือไปทั่วเข้าล่ะก็ พวกเราตระกูลโม่ก็คงไม่เหลือหน้าแล้วล่ะ”

“แม่ว่ามันน่ะจงใจ เธอคิดว่าลูกไม่มีน้ำยา เดิมทีมันก็ไม่ได้มองว่าลูกหรือตระกูลโม่อยู่ในสายตาอยู่แล้ว พวกเราหุงข้าวเลี้ยงเสียข้าวสุกแล้วล่ะ”

พานจื้อหลานหาจังหวะโอกาสเหน็บแนมโม่โยวอยู่ตลอดไม่มีหยุดพัก คาดหวังเอาไว้ว่าจะสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อตัวเธอเข้าไปในสมองของลูกชายได้ แต่ก็ออกมาไม่เป็นผลตามคาด

อย่าว่าแต่จะพูดว่าโม่โยวมีลูกชายแล้วเลย ต่อให้พานจื้อหลานจับได้คาหนังคาเขาบนเตียง โม่เทียนยวี๋ก็จะแต่งงานกับโม่โยวแน่นอน

โม่เทียนยวี๋นิ่งขรึมไปสักครู่จึงค่อยเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “แม่อาจจะเข้าใจอะไรโม่โยวผิดไปหรือเปล่า เดี๋ยวอีกแปปเดียวผมก็กลับไปแล้ว พอถึงตอนนั้นผมจะถามเธอเอง”

“แม่ ผมต้องขึ้นเครื่องบินแล้ว ต้องปิดโทรศัพท์แล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมวางสายแล้วนะ”

“ฮัลโหล? ลูก ลูกแม่?”

พานจื้อหลานฟังเสียงสัญญาณที่ถูกตัดไปของปลายสาย ก็รีบเอามือขึ้นมากุมหน้าอก โมโหเสียจนหายใจไม่ทัน หอบหายใจอย่างหนัก

……..

สำหรับโม่เทียนยวี๋ผู้ชายคนนี้แล้วนั้น ตั้งแต่ที่ลู่จิ้นยวนได้ยืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของโม่โยวแล้ว ก็ได้ตรวจสอบประวัติเขาไปเสียหนึ่งรอบแล้วเช่นกัน

ไม่เพียงแต่ทราบเรื่องที่ว่าเขาจะกลับประเทศมาภายในวันสองวันนี้ แต่ยังมีรูปภาพที่ตัวเขากับถังหว่านเอ๋อร์พลอดรักกันหวานชื่นอยู่หลายใบ มีทุกระดับความลึกซึ้งเลยทีเดียว สามารถกล่าวได้เลยว่าดุเดือดเผ็ดร้อนแน่นอน

“หัวหน้าครับ ต้องเอาพวกนี้ให้คุณหนูเวินดูไหมครับ” อันเฉินเอ่ยถาม

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วโบกมือปัด “ตอนนี้ยังไม่ต้อง”

เดิมทีลู่จิ้นยวนก็ไม่มองว่าโม่เทียนยวี๋อยู่ในสายตาตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้ขยะชิ้นนี้ไม่ถือว่ามีคุณสมบัติของรสนิยมเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนที่โม่โยวยังไม่ได้ความทรงจำกลับคืนมา หรือว่าก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้งนั้น ก็เพียงแค่กำจัดโม่เทียนยวี๋ไปเสียก็ถือว่าหมดปัญหาแล้ว

“ใช่แล้ว ฉันต้องออกไปข้างนอกหลายวัน งานของสัปดาห์นี้ ถ้าเลื่อนออกไปได้ก็ให้เลื่อนออกไปซะ เอกสารที่ฉันจะต้องเซ็นก็รอให้ฉันกลับมาก่อนค่อยเซ็น เอกสารที่เร่งด่วนก็ให้โทรมาหาฉันโดยตรงแทน”

“รับทราบครับ ประธานลู่”

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าโม่เทียนยวี๋จะกลับประเทศมา ลู่จิ้นยวนก็วางแผนเตรียมตัวที่จะพาโม่โยวออกไปเที่ยวหลายวัน ถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ไปด้วย

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาเจ้าตัวน้อย เรื่องแบบนี้ ให้เด็กเป็นคนเอ่ยปากพูดจะสะดวกกว่า โม่โยวจะต้องไม่ปฏิเสธแน่ ลู่จิ้นยวนวางแผนคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วอย่างดิบดี

สำหรับเรื่องที่จะได้ไปผ่อนคลายจิตใจกับแม่นั้น ลู่อันหรานเจ้าตัวน้อยคนนี้ก็จะต้องมีความสุขล้นเหนือสิ่งอื่นใดเป็นธรรมดา รีบโทรศัพท์แบบวีดีโอคอลไปหาโม่โยวในทันที

“แม่” ทันทีที่รับสาย ก็มีเสียงดังอันสดใสของเจ้าตัวน้อยพูดขึ้นมาเธอทันที

โม่โยวอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “อันหราน”

“แม่ วันนี้พ่อต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ที่ต่างประเทศ ผมก็จะไปด้วย ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ” ลู่อันหรานพูดตามสิ่งที่พ่อของตนบอกกล่าวเอาไว้

แม้ว่าเธอจะอยากไปกับลูกชายของตนเอง แต่ก็มีลู่จิ้นยวนอยู่ด้วย เธอจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย แต่ว่าอีกฝ่ายก็เป็นการออกไปทำงาน จะให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วยคงจะดูเป็นการไม่เหมาะสมนัก

“อันหราน ครั้งนี้คงไม่ได้ พ่อของหนูไปทำงาน แม่เองก็มีงานของตัวเองที่จะต้องทำ ไว้ครั้งหน้าละกันนะ ครั้งหน้าแม่จะพาลูกไปเที่ยวเองคนเดียว”

อีกเพียงนิดเดียวลู่อันหรานก็เกือบที่จะตอบตกลงไปแล้ว เขาเองก็อยากไปเที่ยวเล่นด้วยกันกับแม่ตามลำพังเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าอันเคร่งขรึมเย็นเยียบของพ่อตนเองแล้วนั้น จึงยับยั้งชั่งใจเอาไว้

เด็กน้อยถอนหายใจออกมาอยู่ภายในใจ หลังจากนั้นก็เริ่มเล่นบทโศก ใบหน้าเล็กๆ นั้นเริ่มงอ “แม่ ไม่ชอบที่จะไปเที่ยวเล่นกับอันหรานเหรอฮะ”

ขณะที่เขาพูด ก็พลางเอามือน้อยๆ บีบต้นขา ฮือๆ เจ็บมากเลย ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสๆ รื้นออกมา

“แม่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมเข้าเรียน ก็จะได้ยินเพื่อนคนอื่นๆ พูดอยู่ตลอดว่า ทุกๆ วันหยุดแม่ของพวกเขาก็จะพาออกไปเที่ยวเล่น”

“พ่อทำงานยุ่งมาก ไม่ค่อยพาผมออกไปเที่ยว ตอนนี้ผมมีแม่แล้ว ก็นึกว่าตัวเองจะเป็นเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ แล้ว ที่มีแม่พาออกไปเที่ยวเล่น”

“ที่แม่ไม่ไปกับผมแล้วก็พ่อ เป็นเพราะว่าไม่ชอบอันหรานแล้วเหรอฮะ………..”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset